อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 109 นางต้องการถอนหมั้น
ตอนพิเศษ 109 นางต้องการถอนหมั้น
ตอนพิเศษ 109 นางต้องการถอนหมั้น
“อะไรนะ????”
เนี่ยนเนี่ยนหันขวับมาทันที นางมองอวี้ชิงลั่วที่กำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเย็นชา
อวี้ชิงลั่วกระแอมเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าได้ยินถูกแล้ว เป็นไปตามนั้น ตอนเจ้ายังเด็ก เจ้าได้หมั้นหมายด้วยตัวเองไว้แล้ว เขาคือไป๋หลิวอี้ เป็นโอรสของซูกั๋วกงองค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เจ้ายังได้มอบของขวัญแทนใจแก่เขาไว้ด้วย แต่พวกเขารอให้เจ้าโตก่อน และตอนนี้เจ้าก็อายุมากเกินไปแล้ว จดหมายฉบับนี้จึงระบุว่าจะขอให้เจ้าแต่งงาน”
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาเย็นชา “ของขวัญแทนใจที่ท่านทำขึ้นเองหรือ?”
“อืม”
“ตอนนั้นข้าอายุเท่าใด?”
อวี้ชิงลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เหมือนจะเป็นตอนงานฉลองครบเดือนของเป่ยเป่ย ตอนนั้นเจ้าน่าจะสามขวบ”
เนี่ยนเนี่ยนเย้ยหยัน “ตอนข้าอายุสามขวบ ข้าให้ของหมั้นด้วยตัวเอง ในฐานะพ่อแม่ เหตุใดท่านถึงไม่ห้ามล่ะเจ้าคะ? หากข้าชอบคนโง่เขลา โหดเหี้ยมอำมหิต นิสัยเสียและชอบใช้ความรุนแรง ท่านก็จะไม่คัดค้านด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
อวี้ชิงลั่วสะอึกไปครู่หนึ่ง นั่น นั่น…
“แต่เรื่องนี้ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา ถ้ามีคนเอาของแทนใจของเจ้าไป เจ้าจะไม่ไปเอาคืนมาหรือ? อีกทั้งไป๋หลิวอี้ก็ไม่ใช่คนแบบที่เจ้าพูด แม่เห็นตอนแรกก็บอกได้แล้วว่าเขาต้องแตกต่างจากคนทั่วไป”
เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตาลง ขณะพยายามเตือนตัวเองว่าคนตรงหน้าคือแม่ นางควรเคารพอาวุโสและรักเมตตาเด็ก เคารพอาวุโสและรักเมตตาเด็ก เคารพอาวุโสและรักเมตตาเด็ก
“ข้าต้องการถอนหมั้น!!” หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นผิดปกติ
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้ง ๆ “แม่ตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้น่ะสิ เขารอเจ้ามาหลายปีแล้ว หากตอนนี้เจ้าบอกว่าเจ้าจะถอนหมั้น เจ้าก็จะเป็น…หญิงใจร้าย ไม่ต้องมาจ้องแม่เลย เจ้าเป็นคนให้ของแทนใจเองตั้งแต่แรก แม่เป็นคนใจกว้างและเคารพความปรารถนาของลูกมาก ถ้าเจ้าต้องการถอนหมั้นตอนนี้ เจ้าก็แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเขียนจดหมาย แล้วให้ท่านให้คนไปส่งที่อาณาจักรเทียนอวี่” หลังจากเนี่ยนเนี่ยนพูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เย่ซิวตู๋ที่นั่งอยู่ตรงมุมโดยไม่พูดอะไร เลิกคิ้วขึ้นทันที แล้วรีบพูดขึ้นก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนจะเปิดประตู “การถอนหมั้นเป็นเรื่องใหญ่ พ่อเกรงว่าการอธิบายในจดหมายจะไม่ชัดเจน เนี่ยนเนี่ยน ตระกูลไป๋จะไม่ยอมรับมันหรอก”
“เช่นนั้น…” เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตาแล้วหันกลับมา นางจ้องมองพ่อที่รักนางมากมาโดยตลอด และนึกอยากจะถาม
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็ยืนขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเดินไปหาเนี่ยนเนี่ยนด้วยก้าวที่มั่นคง แล้วพูดด้วยเสียงนุ่มว่า “ถ้ามีอะไรก็ไปอธิบายให้ชัดเจนต่อหน้าจะดีกว่า”
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้วทันใด “ท่านพ่อหมายความว่าให้ไปอาณาจักรเทียนอวี่หรือเจ้าคะ?”
“อืม”
เนี่ยนเนี่ยนหลุบตาลงเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่มุมหนึ่งของห้องตำรา นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปอาณาจักรเทียนอวี่”
ทันทีที่นางพูดจบ นางก็เปิดประตูห้องตำราแล้วเดินออกไป
ห้องเงียบไปครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วมองเย่ซิวตู๋ตู้ด้วยรอยยิ้มอ่อน “ดูเหมือนว่าท่านจะมองเด็กตระกูลไป๋คนนั้นในแง่ดีนะ”
“เด็กคนนั้นฉลาดมากในตอนที่เขายังเด็ก เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเมื่อนานมาแล้ว เคยมีเหตุการณ์ปล้นในอาณาจักรเทียนอวี่”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เหตุการณ์ค่อนข้างรุนแรง กลุ่มโจรเหล่านั้นไม่สนกฎหมาย และคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย แต่คนเหล่านั้นมีไหวพริบและฉลาดหลักแหลมมาก กระต่ายฉลาดมีสามโพรงเหล่านั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ฮ่องเต้ส่งคนจำนวนมากไป แต่ก็ล้มเหลวในการกวาดล้างพวกเขา และต้องสูญเสียคนจำนวนมากแทน
ต่อมาได้ยินว่าเป็นทหารผ่านศึกที่ออกมากวาดล้างคนเหล่านี้
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไป๋หลิวอี้ด้วยหรือ?”
“อืม มันเป็นความคิดของเขา”
รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลงเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่เย่ซิวตู๋ให้ความสำคัญกับเขามาก หลังจากได้รับจดหมายที่ไป๋หลิวอี้ส่งมานั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับพูดอย่างใจเย็นว่าเขาจะคุยกับเนี่ยนเนี่ยน หลังจากงานแต่งงานของหนานหนาน
“ท่านยินดีให้เนี่ยนเนี่ยนแต่งงานเข้าอาณาจักรเทียนอวี่หรือ?” อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าในครอบครัวนี้ นอกเหนือจากหนานหนานแล้ว เขาเป็นคนที่รักเนี่ยนเนี่ยนมากที่สุด
ถ้าเนี่ยนเนี่ยนแต่งงานในที่ห่างไกลกันจริง ๆ คงยากที่จะพบกัน
มุมปากของเย่ซิวตู๋ตึงเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจยาว “ถ้านางแต่งงานแล้วได้ดี ข้าก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น”
แม้ว่าอาณาจักรเทียนอวี่จะอยู่ห่างไกลไปหน่อย แต่ความสามารถของเนี่ยนเนี่ยนนั้นไม่ธรรมดา และด้วยอาการป่วยของฮ่องเต้และฮองเฮา นางจะไม่มีทางลำบากแน่
แม้ว่าจะมีคนมีพรสวรรค์มากมายในอาณาจักรเฟิงชาง แต่เขาก็ยังคิดว่าไป๋หลิวอี้นั้นดีและเหมาะสมกับเนี่ยนเนี่ยนมากกว่า
ด้วยนิสัยของเนี่ยนเนี่ยนและสถานะปัจจุบันของนาง ถ้านางไม่พบบุรุษผู้มีความสามารถและแข็งแกร่ง แล้วจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร?
บรรดาลูกหลานที่ประสบความสำเร็จโดยอาศัยร่มเงาของพ่อแม่ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องล้มลง คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงเท่านั้น ถึงจะเป็นลูกเขยที่ดีได้
เนี่ยนเนี่ยนจากครอบครัวเขา เป็นคนที่คนธรรมดาจะรับมือได้งั้นหรือ?
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก เป็นความจริงหรือไม่ที่พ่อทุกคนคิดว่าลูกสาวเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ถึงได้ตั้งคุณสมบัติลูกเขยไว้สูงมาก?
“ไปอาณาจักรเทียนอวี่ครั้งนี้ ให้เย่ฉิงเป่ยตามไปด้วย” เย่ซิวตู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเช่นนั้น
อวี้ชิงลั่วแทบจะพ่นน้ำที่กำลังดื่มออกมา “ให้เป่ยเป่ยไปด้วยหรือ? เขาไม่ยอมแน่”
นางรู้นิสัยของเย่ฉิงเป่ยดีที่สุด ถ้าสั่งให้เขาลาจากเหมยเขียวลูกน้อยที่เขาเฝ้าบ่มเพาะเอาไว้แล้วไปยังสถานที่ห่างไกลอย่างอาณาจักรเทียนอวี่ เขาจะไม่ยอมอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเมื่ออวี้ชิงลั่วไปหาเย่ฉิงเป่ยและบอกเขาเรื่องนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดทันที
พู่กันที่วาดไว้ในตอนแรก ได้เผลอลากเส้นขนาดใหญ่บนกระดาษแผ่นยักษ์ ทำลายภาพวาดทิวทัศน์อันงดงามจนแปดเปื้อน
เขาวางพู่กันลงด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนเหลือบมองเส้นขีดสีดำบนภาพวาด ในที่สุดก็ถอนหายใจ แล้วพูดเสียงเบาว่า “เหวินหย่ากับโม่เพียวไม่ได้ตามไปด้วยหรือขอรับ? ทั้งสองคนมีทักษะดี อีกทั้งเนี่ยนเนี่ยนยังสามารถปกป้องตัวเองได้อยู่แล้วด้วย”
ด้วยพิษทั่วร่างกายของนาง ใครจะกล้าเข้าใกล้?
“เหวินหย่าและโม่เพียวก็จะไปด้วย แต่ทั้งสองต่างเชื่อฟังเนี่ยนเนี่ยน แม่ไม่ได้กังวลว่าเนี่ยนเนี่ยนจะถูกรังแก แม่กังวลว่า… นางจะฆ่าพี่เขยในอนาคตของเจ้า” เมื่ออวี้ชิงลั่วนึกถึงแววตาเศร้าหมองของเนี่ยนเนี่ยนตอนที่นางพูดถึงเรื่องนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวแทนไป๋หลิวอี้
ด้วยท่าทางแบบนั้น นางจะยอมนั่งลงอย่างจริงจัง แล้วพูดคุยเกี่ยวกับการถอนหมั้นอย่างเป็นมิตรหรือ?
เหมือนจะบอกชัดเจนว่าหากข้าฆ่าเจ้าทิ้งเสีย ต่อไปทุกคนก็จะมีความสุข
มุมปากของเย่ฉิงเป่ยกระตุก เขารินน้ำใส่แก้ว สายตาของเขาเย็นชา “ท่านแม่ ท่านคิดมากไป หากชายผู้นั้นถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายจริง ๆ เขาก็ไร้ประโยชน์เกินไป”
“… เป่ยเป่ย เจ้าต้องคิดถึงชีวิตของพี่สาวเจ้า”
“ข้าต้องการเรียนและสอบจอหงวนขอรับ”
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจ “ระวังเจ้าจะกลายเป็นคนโง่”
“… อย่างไรเสียข้าก็ไม่ไปขอรับ” หลังจากที่เย่ฉิงเป่ยพูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปหยิบพู่กันอีกครั้ง แล้วมองกลับไปที่เส้นขีดที่เพิ่งวาดบนกระดาษ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตวัดพู่กันอีกครั้ง หลังจากวาดเพิ่มอีกสองสามครั้ง ไม่นานต้นสนก็ปรากฏขึ้นบนภาพวาดทิวทัศน์ที่เพิ่งจะพังไป ทำให้ภาพวาดดูมีจิตวิญญาณมากขึ้น
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลูกสาวหัวแข็งอยู่นะ ใครจะมาคู่กับน้องได้
ไหหม่า(海馬)