อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 11 พวกนางมาที่นี่ได้อย่างไร
ตอนพิเศษ 11 พวกนางมาที่นี่ได้อย่างไร?
ตอนพิเศษ 11 พวกนางมาที่นี่ได้อย่างไร?
หลานสุ่ยชิงตกตะลึง สตรีผู้นี้งดงามมากจริง ๆ หากเช็ดคราบสกปรกบนใบหน้าของนางออกไปก็เกรงว่าต่อให้ค้นทั่วอาณาจักรเฟิงชางคงยากจะหาหญิงสาวที่มีรูปโฉมเทียบเคียงกับนางได้ เมื่อนางสบตากับหญิงสาวคนนี้ ก็รู้สึกว่าแววตาเป็นประกายสดใสกำลังจ้องมองมา ทำให้นางตัวสั่นอย่างอธิบายไม่ได้
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนยิ้มให้นาง นางก็ระงับอารมณ์ทันที จากนั้นพยักหน้าเบา ๆ ให้เนี่ยนเนี่ยน แล้วคลี่ยิ้ม
ทันใดนั้นเนี่ยนเนี่ยนก็ออกมาจากสวน เดินมาหานางช้า ๆ แล้วถามว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาพี่ใหญ่หรือ?”
c
“พี่ใหญ่หรือ?” หลานสุ่ยชิงงุนงง
เนี่ยนเนี่ยนเห็นดังนั้นก็เพิ่งนึกขึ้นได้ นางจึงไม่พูดอะไรมาก พูดเพียงว่า “ไปกันเถอะ เราไปงานเลี้ยงด้วยกันได้”
“…” ไปงานเลี้ยงด้วยกันงั้นหรือ? มุมปากของหลานสุ่ยชิงกระตุก เพราะนางไม่ได้อยากไปที่นั่น
เนี่ยนเนี่ยนผู้มีสายตาเฉียบคมมองออกอย่างชัดเจน จึงถามนางว่า “เป็นอะไรไป? ไม่อยากไปหรือ? มีอะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“เอ่อ ข้าอยากไปห้องสุขา” หลานสุ่ยชิงพูดอย่างเขินอาย
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ งั้นข้าไปก่อน”
หลังจากพูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หยุดรอ
ทว่าเหวินหย่าที่เดินตามหลังนาง มองหลานสุ่ยชิงหัวจรดเท้าอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็พูดว่า “สุขาอยู่ทางซ้ายมือของเจ้า เสร็จแล้วให้รีบกลับไปที่งานเลี้ยงเร็ว ๆ ตำหนักอ๋องซิวมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มีองครักษ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง บางทีอาจมีสายตาแอบจ้องมองเจ้าอยู่ในความมืดโดยที่เจ้าไม่รู้ตัว หากเจ้าทำผิด องครักษ์เหล่านั้นที่ซ่อนอยู่จะฆ่าเจ้าทันทีอย่างไร้ความปรานี”
หลานสุ่ยชิงผงะหงายตัวแข็งทื่อทันที มองเหวินหย่าด้วยความประหลาดใจ
เหวินย่าเดินมาข้างนาง ในที่สุดก็โน้มตัวเข้ามาใกล้หูนาง พลางกระซิบว่า “ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร บอกข้าได้”
จิตใจของหลานสุ่ยชิงว่างเปล่า นางคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ก็กลับมามีสติได้อย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว ตำหนักอ๋องซิวแตกต่างจากจวนหลาน ด้วยสถานะของอุปราชองค์ปัจจุบันแล้ว จะมีกี่คนที่หมายจะเอาชีวิตเขา? ขณะที่มีคนจำนวนมากปะปนกันอย่างตอนนี้ องครักษ์ย่อมต้องรักษาการณ์เข้มงวดยิ่งขึ้น
เมื่อครู่นี้นางได้เข้ามาทดสอบองครักษ์ในจวนหลังนี้แล้ว แต่ตลอดทางก็ปลอดภัยดี จนรู้สึกไปว่าตำหนักอ๋องซิวดูแคบและมีการปกป้องภายในที่หละหลวม แต่เมื่อนางได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิงในงานเลี้ยง จู่ ๆ นางก็คิดออกว่าพื้นที่นั้นต้องอยู่ในขอบเขตที่เดินไปมาได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกห้ามและไม่อนุญาตให้เดินหน้าต่อ
หลานสุ่ยชิงลูบหว่างคิ้วตัวเอง รู้สึกเหมือนเพิ่งมีไข้ขึ้นสมองชั่วขณะ ความตื่นเต้นเกินไปจะทำให้ความสามารถในการคิด และความระมัดระวังของนางลดลง
เมื่อเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนและเหวินหย่ายังเดินไปได้ไม่ไกล หลานสุ่ยชิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบพูดว่า “ประเดี๋ยวก่อน”
เนี่ยนเนี่ยนหยุดชะงัก เหวินหย่าก็หยุดเช่นกัน
จากนั้นหลานสุ่ยชิงจึงก้าวเข้าไปมองสองคนตรงหน้านาง ในที่สุดก็สบตากับเนี่ยนเนี่ยน แล้วถามนางด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้า… ชื่อเนี่ยนเนี่ยนใช่หรือไม่?”
“อืม”
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ “เจ้าเป็นคนในตำหนักอ๋องซิวใช่หรือไม่?”
“อืม”
หลานสุ่ยชิงไม่กล้าแสดงความประหลาดใจบนใบหน้า แต่ลดสายตาลงเล็กน้อย แล้วถามด้วยเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าจะไปพบซิวหวางเฟยได้อย่างไร?”
เอ๊ะ ปรากฏว่านางบุกเข้าไปในสวนสมุนไพรเพียงลำพัง เพื่อตามหาแม่ของนาง
“เหตุใดเจ้าถึงต้องการพบซิวหวางเฟย?”
เหวินหย่าและเนี่ยนเนี่ยนมองหน้ากัน แล้วพูดว่า “อีกสักพักเมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น เจ้าย่อมได้พบหวางเฟย”
หลานสุ่ยชิงส่ายหน้า เมื่อสักครู่นี้ที่เหวินหย่าเตือนนาง ทำให้จิตใจนางสงบลงบ้าง ทั้งสองได้แสดงความเมตตาต่อนางแล้ว ดังนั้นความหวังเดียวของนางตอนนี้จึงอยู่ที่พวกนาง
นางเข้ามาถึงในตำหนักแห่งนี้ด้วยความยากลำบาก สุดท้ายนางจะกลับไปอย่างคว้าน้ำเหลวไม่ได้ ดังนั้นต้องลองเสี่ยงดู ซึ่งบางครั้งนางก็ค่อนข้างโชคดี
อืม แม้ว่าส่วนใหญ่จะโชคร้ายก็เถอะ…
“ข้ามีญาติที่ป่วย ข้ารู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของซิวหวางเฟยนั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าจึงอยากจะขอคำแนะนำจากนาง”
ญาติป่วยงั้นหรือ? เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้ตรวจสอบผู้คนรอบตัวนาง
“งั้นช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าจะไปพบซิวหวางเฟยได้อย่างไร?” ใช่แล้ว นางจดจ่ออยู่กับแค่เรื่องนี้
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนจะไม่ปล่อยโอกาสซ้ำเติมไปแน่นอน หากพวกนางเข้ามายุ่งเกี่ยว ความพยายามของนางอาจจะไร้ผล
แม้ว่านางจะไม่รู้จักซิวหวางเฟยดีนัก แต่นางก็รู้ว่าไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาขอร้องต่อหน้าสาธารณชน เพราะเรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเป็นการบีบบังคับ
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเห็นนางพูดดังนั้นก็กัดริมฝีปากเบา ๆ ดูเหมือนว่าญาติคนนั้นจะมีความสำคัญต่อนางมาก
เป็นพ่อแม่ของนางหรือ? นางเองก็ใคร่รู้เช่นกัน
“ซิวหวางเฟยจะไม่ยอมมาพบเจ้าหรอก” เนี่ยนเนี่ยนกล่าว
เหวินหย่าเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้เอ่ยคัดค้าน
หลานสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น “ทำไมล่ะ? เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจถึงเพียงนั้น?”
“เพราะข้าอยู่เคียงข้างนางมาหลายปี ข้าจึงรู้นิสัยนางดี” เนี่ยนเนี่ยนตอบอย่างมั่นใจ
“เจ้าอยู่เคียงข้างนาง…มาหลายปีแล้วหรือ?” หลานสุ่ยชิงจ้องมองเนี่ยนเนี่ยน อีกฝ่ายสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบธรรมดา ใบหน้ามีคราบสกปรก บนศีรษะไม่มีเครื่องประดับ นางยังดูสะอาดกว่าด้วยซ้ำ . “ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับซิวหวางเฟยคือ…”
หลานสุ่ยชิงมีความคิดแปลก ๆ ผุดขึ้นในใจ แต่ก็รู้สึกว่ามันเหลวไหลเกินไปหน่อย
เนี่ยนเนี่ยนที่อยู่ตรงหน้านาง ถ้านางมีความสัมพันธ์เช่นนั้นกับซิวหวางเฟยจริง ๆ แล้วเหตุใดนางถึงใส่ชุดเช่นนี้ในโอกาสเช่นนี้?
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าเหวินหย่าที่อยู่ข้างกายนางแต่งตัวแบบคนรับใช้ แต่นางสามารถตีมือเนี่ยนเนี่ยนได้ ซึ่งดูไม่เหมือนท่าทางที่บ่าวควรมีต่อนายของตนเลย
แต่ แต่ว่า… อะไรคือสาเหตุของความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในใจของนาง?
“ข้าเป็นหมอผู้ช่วยของซิวหวางเฟย” เนี่ยนเนี่ยนให้คำตอบยืนยันอีกครั้ง
เหวินหย่าหันหน้าหนีเงียบ ๆ พยายามกลั้นยิ้มที่จะปรากฏที่มุมปากอย่างเต็มที่
หลานสุ่ยชิงตกใจกับคำพูดของนาง “เจ้าพูดว่า… อะไรนะ? หมอผู้ช่วยของซิวหวางเฟยหรือ?”
“อืม” เนี่ยนเนี่ยนมั่นใจมาก ไม่มีร่องรอยของการหลอกลวงบนใบหน้าของนาง “ข้าอยู่กับซิวหวางเฟยมาหลายปีแล้ว ช่วยนางจัดหาวัตถุดิบทำยา จัดยา และทำงานบ้าน”
ความจริงแล้วนางไม่ได้โกหก นอกจากความสัมพันธ์แบบแม่ลูกแท้ ๆ กับแม่ของนางแล้ว นางเป็นเช่นนี้จริงๆ
“เช่นนั้นหากเจ้ามีญาติป่วย ข้าอาจจะไปช่วยเจ้าได้”
หลานสุ่ยชิงอ้าปากค้าง นางเข้าใจถูกหรือไม่ว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นลูกศิษย์ของซิวหวางเฟยผู้เป็นหมอปีศาจ? หลังจากติดตามช่วยจัดหาวัตถุดิบทำยาและจัดยามาหลายปี ทักษะทางการแพทย์ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
ผู้ที่สามารถรับคำสั่งจากหมอปีศาจเป็นการส่วนตัวได้ ย่อม… เก่งกว่าหมอทั่วไป
หลานสุ่ยชิงครุ่นคิด แต่… นางมีสัญชาตญาณเสมอ… ดูเหมือนว่าคำพูดเมื่อครู่นี้จะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
“หลานสุ่ยชิง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างหลังนาง
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว ให้ตายเถอะ พวกนางมาที่นี่ได้อย่างไร?
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะขอให้หมอปีศาจไปตรวจท่านแม่ได้หรือเปล่านะ หรือว่าแผนจะล่มเสียก่อน
ไหหม่า(海馬)