อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 111 อีกเรื่องหนึ่ง
ตอนพิเศษ 111 อีกเรื่องหนึ่ง
ตอนพิเศษ 111 อีกเรื่องหนึ่ง
นางเม้มปาก แล้วเดินลงจากรถม้าตามหลังไป
มันเริ่มค่ำแล้วจริง ๆ หลังจากนั่งรถม้ามาทั้งวัน แผ่นหลังของเนี่ยนเนี่ยนก็แข็งเกินไปแล้ว
หลังจากเข้าไปในห้อง นางก็ไปอาบน้ำอุ่นให้สบายตัว แล้วตรงไปที่เตียง
เหวินหย่าและโม่เพียวมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนออกจากห้องไปอย่างนอบน้อม
เมื่อพวกนางหันหลังไปก็เห็นเย่ฉิงเป่ย ทั้งสองคนตกใจ
“นางเข้านอนเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?” เป่ยเป่ยสงสัย
เหวินหย่าพยักหน้า “อาจเป็นเพราะเหนื่อยจากการนั่งรถม้ามาทั้งวัน สุดท้ายมันก็เป็นการเดินทางมาทั้งวันนะเจ้าคะ”
เป่ยเป่ยขมวดคิ้ว แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร และกลับไปที่ห้องของตน
ทว่าหลังจากที่เขาเพิ่งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านไปสองสามหน้า เขาก็ยังกังวลเล็กน้อย จึงเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ
ขณะนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่อยู่ชั้นล่างยังคงรับแขกที่มาเข้าพักอยู่เรื่อย ๆ ดูไม่เงียบเหงา
เป่ยเป่ยบอกเสี่ยวเอ้อให้นำขนมมาให้ โชคดีที่สถานที่นี้ยังอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก จึงมีอาหารหลากหลาย และยังมีขนมอีกมากมายแม้จะเป็นเวลานี้แล้ว
เสี่ยวเอ้อรับเงิน แล้วรีบยกขนมอบสองจานและกาน้ำชามาให้
หลังจากที่เป่ยเป่ยรับมาแล้ว เขาก็ตรงไปเคาะห้องของเนี่ยนเนี่ยน
แน่นอนว่าตอนนี้เทียนที่ดับไปแล้วได้ติดขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทั้งห้องสว่างไสวเหมือนเวลากลางวัน
“เข้ามา” เสียงเย็นของเนี่ยนเนี่ยนดังขึ้น พร้อมกับเสียงกุกกัก
เป่ยเป่ยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วใช้มือหนึ่งเปิดประตู ส่วนอีกมือหนึ่งถือถาด
ภายใต้แสงเทียน ร่างอ่อนโยนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่โต๊ะ ที่มุมปากมีรอยยิ้มจาง มวยผมไว้แบบหลวม ๆ ดวงตาสดใสคู่นั้นฉายแสงเจิดจ้า ทั่วร่างกายของนางเหมือนมีรัศมีลึกลับแผ่ซ่านออกมา ซึ่งทำให้คนเห็นอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้
แน่นอน หากคนผู้นั้นเพิกเฉยต่อสิ่งที่นางกำลังบดอยู่ ย่อมต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง
มุมปากของเป่ยเป่ยกระตุกอย่างแรง เขาหันไปปิดประตู จากนั้นเดินไปอยู่ข้างนางอย่างลังเล
เมื่อเข้าไปใกล้ ก็เห็นว่าริมฝีปากนางขยับเล็กน้อย ขณะกระซิบบางอย่าง
เขาวางถาดลงบนโต๊ะ แล้วขยับเข้าไปใกล้ขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงน่าขนลุกของเนี่ยนเนี่ยน “วางยาพิษเจ้า วางยาพิษเจ้า วางยาพิษเจ้า”
ขณะที่นางพูด นางก็ถือสากบดสมุนไพรในโถทีละนิด
เป่ยเป่ยเหงื่อแตกพลั่ก รีบถอยหลังไปสองก้าวเงียบ ๆ แล้วถามว่า “เจ้าจะวางยาพิษใคร?”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เป่ยเป่ยคิดว่าคนที่เข้าใจเนี่ยนเนี่ยนได้ดีที่สุดในโลกนี้ น่าจะเป็นแม่ของพวกเขา
สิ่งที่นางพูดเป็นความจริง ชีวิตของพี่เขยในอนาคตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
“อันที่จริง เนี่ยนเนี่ยน ลองไปพบไป๋หลิวอี้ก่อนก็ได้ บางทีเขาอาจจะเป็นบุรุษที่ดีก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนหันมาพูดด้วยความเย้ยหยัน “คนดีงั้นหรือ? เขาเป็นเด็กชายอายุแปดขวบ แต่กลับรับของแทนใจจากเด็กอายุสามขวบอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเป็นการล่อลวง เช่นนี้ยังถือว่าเขาเป็นคนดีได้หรือ? ข้าว่าเขามีแรงจูงใจซ่อนเร้น”
“เนี่ยนเนี่ยน เจ้าเป็นคนมีอคติ” เนื่องจากนางต่อต้าน นางจึงถึงกับคิดไปในทางที่ไม่ดี มันสุดโต่งเกินไป นิสัยของนางเหมือนแม่ ไม่ดีเลย
เนี่ยนเนี่ยนหยุดบดยา แล้วหรี่ตาเล็กน้อย “อคติแล้วอย่างไร? เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เป่ยเป่ย “…”
เจ้าจะมีความสุข เมื่อแสดงสีหน้าดุดัน
เจ้าจะมีความสุข เมื่อเจ้ามียาพิษอยู่ในมือ
เจ้าจะมีความสุข เมื่อเจ้าทำอันตรายต่อผู้อื่น
เขาส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ไม่มี”
“อืม” เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วบดยาต่อ
“แต่เนี่ยนเนี่ยน อย่างไรเสีย ไป๋หลิวอี้ก็เป็นโอรสของซูกั๋วกง ถ้าเจ้าต้องการฆ่าเขา เจ้าก็จะไม่รอดเหมือนกัน” เขาว่าควรคิดถึงอนาคตก่อนหรือเปล่า?
“เจ้าคิดว่าถ้าข้าวางยาพิษคนจนตาย ข้าจะเปิดเผยตัวเองหรือ?” เนี่ยนเนี่ยนยิ้มเยาะ แล้วเอื้อมมือไปหยิบขนมบนโต๊ะมายัดเข้าปาก
“…” มือของเจ้าเพิ่งสัมผัสยาพิษไป ไม่ต้องล้างก่อนหรือ?
“แล้วก็ออกจากจวนมาเช่นนี้ เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สาว” เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาจริงจัง
เป่ยเป่ยกะพริบตา “ทำไมล่ะ?” ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เรียกเนี่ยนเนี่ยนอย่างถูกต้อง เขาจึงเคยชินไปแล้ว จู่ ๆ จะให้มาเรียกว่าพี่สาว เขาก็รู้สึกเหมือน… ถูกกดขี่เล็กน้อย
“เรียกอย่างนั้นจะทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าต้องฟังข้า เมื่อออกไปข้างนอก ข้าจะเป็นคนตัดสินใจเองทุกอย่าง ระหว่างการเดินทาง ข้าจะได้หายอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาบ้าง จะได้รู้สึกสบายใจมากขึ้น” เนี่ยนเนี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
วันนี้เป่ยเป่ยเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนแล้วที่ยอมรับปากพ่อแม่ว่าจะติดตามเนี่ยนเนี่ยนไปยังอาณาจักรเทียนอวี่ ปกติแล้วเนี่ยนเนี่ยนดูปกติดี แต่ตอนนี้ เมื่อนางรู้ว่านางทำให้ตัวเองต้องมีคู่หมั้นตั้งแต่วัยเด็ก นางก็อยู่ในสภาพบ้าดีเดือดตลอดทั้งวัน
เขาคิดว่าอาการเช่นนี้จะยังเป็นต่อไปอีกนาน
หวังว่า… ไป๋หลิวอี้คนนั้นจะสามารถต้านทานได้
เป่ยเป่ยลอบถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนเก็บสมุนไพรหมดแล้ว เขาก็พูดว่า “มันดึกแล้ว ท่านควรเข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อ”
“อืม” เนี่ยนเนี่ยนลุกขึ้นหยิบแป้งมาเช็ดมือ แล้วเดินไปที่อ่างเพื่อล้างออก
เป่ยเป่ยยื่นผ้าคลุมสะอาดให้นาง เมื่อเห็นว่านางเก็บข้าวของและเข้านอนแล้ว เขาจึงเดินไปเช็ดโต๊ะให้สะอาด เพื่อไม่ให้ใครเผลอมาโดนยาเข้า หากโดนยาพิษเข้าไปคงไม่ดีแน่
เย่ฉิงเป่ยส่ายหน้า ก่อนจะดับเทียน แล้วออกจากห้องไปเงียบ ๆ
เมื่อเขาเดินออกไปนอกประตู ก็เห็นเหวินหย่ายืนอยู่ข้างนอก เขาเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ต้องกังวล นางหลับไปแล้ว เจ้าไปพักเถอะ”
“เจ้าค่ะ” เหวินหย่าเงยหน้าขึ้น แล้วกลับไปพักผ่อน
แม้ว่าท่านอ๋อง หวางเฟยและเนี่ยนเนี่ยน จะไม่เคยปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นคนรับใช้ แต่นางและกับโม่เพียวเติบโตมาในวัง และได้รับการสนับสนุนจากวังอย่างมาก อีกทั้งพ่อแม่ของนาง ก็ยังเป็นคนใกล้ชิดของท่านอ๋องและพระชายาด้วย ที่นางมีความสามารถแบบที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ ก็เพราะได้รับการฝึกฝนมาจากในวัง
ดังนั้นเมื่อนางออกมาครั้งนี้ พ่อแม่ของนางจึงเตือนให้นางดูแลเนี่ยนเนี่ยนให้ดี
เมื่อออกมาข้างนอก ผู้ใหญ่ไม่ได้อยู่ด้วย และเนี่ยนเนี่ยนเป็นคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดนาง ดังนั้นนางจึงต้องทำให้ดีที่สุด
เย่ฉิงเป่ยเฝ้ามองแผ่นหลังของนางหายลับไปจากประตู จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องของเขา
เขาอารมณ์ดี จึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านตามปกติ
หลังจากอ่านไปได้ไม่กี่หน้า เขาก็ครุ่นคิดและเหม่อลอยจนวางหนังสือลงโดยไม่รู้ตัว แล้วเดินไปที่ขอบหน้าต่าง
ชั้นล่างสว่างไสว ถนนดูคึกคัก ผู้คนยังคงเดินกันขวักไขว่อยู่ข้างนอก สองฟากถนนมีพ่อค้าแม่ค้ามากมาย แม้ไม่ใช่วันที่มีตลาด แต่พวกเขาก็อยู่ที่นั่นเพื่อหารายได้แม้เพียงเล็กน้อย
โชคดีที่วันนี้เสียงโห่ร้องไม่ดังเกินไป เมื่อฟังจากชั้นบน ก็ไม่รู้สึกว่าเสียงนั้นดังเกินไป จึงไม่ส่งผลกระทบต่อแขกที่พักในโรงเตี๊ยม
เป่ยเป่ยเม้มปากแน่น นึกถึงสิ่งที่เย่ซิวตู๋บอกตอนที่มาห้องเขาเมื่อคืนนี้
“ฉิงเป่ย เจ้าเดินทางไปอาณาจักรเทียนอวี่ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ไปกับเนี่ยนเนี่ยน แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องจดจำไว้”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เนี่ยนเนี่ยนน่าจะมียาต้านพิษแหละ ถึงกินพิษเข้าไปแล้วไม่เป็นไร
อีกเรื่องหนึ่งนี้คืออะไรหนอ?
ปล. ขออภัยที่วันนี้มาช้านะคะ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นทั้งวันเลย
ไหหม่า(海馬)