อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 112 จดหมายลับ
ตอนพิเศษ 112 จดหมายลับ
ตอนพิเศษ 112 จดหมายลับ
“คราวนี้ไม่ใช่แค่จดหมายจากตระกูลไป๋เท่านั้น ไท่จื่อแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ก็ส่งจดหมายลับมาให้ด้วย” ขณะที่เย่ซิวตู๋พูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาจริงจังมาก
ไท่จื่อองค์ปัจจุบันของอาณาจักรเทียนอวี่ คืออดีตองค์ชายรองในตอนนั้น
ห้าปีที่แล้วมีเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ทั้งอาณาจักรเทียนอวี่ต้องตกตะลึงเกิดขึ้น มีคนวางยาพิษในอาหารที่งานเลี้ยงของวังหลวง ด้วยวิธีการที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย
ไท่จื่อเฟยถูกวางยาพิษจนสิ้นพระชนม์ในเหตุการณ์นี้ ส่วนฮ่องเต้องค์ก่อนก็ได้รับพิษร้ายแรงจนเกือบสวรรคต
โชคดีที่ตอนนั้นหมอเฒ่าฉยงซานบังเอิญผ่านมายังอาณาจักรเทียนอวี่ ซึ่งความสัมพันธ์ของเขากับอวี้ชิงลั่วนั้นไม่ธรรมดา ราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนอวี่ถือเป็นครอบครัวแม่ของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงเข้าไปล้างพิษให้ฮ่องเต้ในวังหลวง
ทว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ พระพลานามัยของฮ่องเต้ก็ทรุดโทรมลงมาก ตอนนี้เขาทำได้เพียงพักผ่อนอยู่ในวังหลวงเท่านั้น ส่วนอาณาจักรเทียนอวี่ก็ส่งมอบให้ไท่จื่อดูแล
เหตุการณ์ราชวงศ์ถูกวางยาพิษได้รับการแก้ไขในหนึ่งเดือนต่อมา และผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังก็ถูกค้นพบ อาชญากรรมแห่งการก่อจลาจลและการผิดศีลธรรมดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อเก้าตระกูล ทำให้เกิดปัญหามากมายในอาณาจักรเทียนอวี่ตอนนั้น
ผู้คนจำนวนมากถูกสังหารในวังหลวง นอกจากไท่จื่อเฟยแล้ว ก็ยังมีเหล่าพระชายายศต่ำอีกหลายคน และพวกข้าราชบริพารบางคนด้วย ไท่จื่อกับฮองเฮาก็ได้รับพิษเล็กน้อยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส
จะเห็นได้ว่าฆาตกรในตอนนั้นโจมตีอย่างไม่เลือกหน้า หากเขาสามารถจัดการกับสมาชิกของราชวงศ์ได้ มันก็ไม่สำคัญว่าจะต้องสูญเสียไปกี่ชีวิต
ในเวลานั้น เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความโกลาหลในทั้งสี่อาณาจักร ฆาตกรส่งคนเข้าไปดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม เมื่อถูกจับได้ เขาก็กินยาพิษฆ่าตัวตายโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เดิมทีเรื่องนี้ได้ยุติลงแล้ว แต่ไม่นานมานี้ไท่จื่อพบว่าเรื่องต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาสงสัยว่าผู้บงการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังน่าจะยังไม่ถูกจับได้ และอาจยังคงหลบอยู่ใกล้ตัวเขา
เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วมีการวางแผนอย่างรอบคอบ และตัวตนกับสถานะของขุนนางที่ดูแลวังนั้นไม่น่าเชื่อถือ แม้แต่คนรับใช้ที่อยู่กับไท่จื่อมานานกว่าสิบปีก็ยังมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ รวมไปถึงนางกำนัลของไท่จื่อเฟยก็ถูกติดสินบนด้วย มีการวางยาพิษในอาหารเช้าของไท่จื่อเฟย ซึ่งเมื่อผสมกับยาพิษในงานเลี้ยงอาหารค่ำแล้ว ก็กลายเป็นพิษร้ายแรง
วิธีการดังกล่าวช่างเหลือเชื่อจริง ๆ
หากมีควบคุมอาหารในวังหลวงให้เหมาะสม คงไม่เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้ ทำให้ฆาตกรสังหารผู้คนไปได้มากมายถึงเพียงนี้
ตอนนี้ไท่จื่อจึงมีข้อสงสัยใหม่ แต่เขาไม่สามารถหาคนที่ไว้ใจได้ และมีความสามารถโดดเด่นในการสืบสวนเรื่องนี้ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาติดต่อไปยังอวี้ชิงลั่วที่อยู่ห่างไกลในอาณาจักรเฟิงชาง เขาไว้วางใจน้องสาวที่เชื่อถือได้คนนี้ แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน
เขาต้องการคนที่มีภาพลักษณ์ใสซื่อ และเป็นคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย กับผู้ต้องสงสัยในอาณาจักรเทียนอวี่ ต้องการคนที่สามารถสอบสวนเรื่องนี้ได้อย่างแนบเนียน
เย่ฉิงเป่ยอายุสิบสองปี เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่เย่ซิวตู๋คิดออก
“เฮ้อ…” เมื่อนึกถึงสิ่งที่บิดาบอก เย่ฉิงเป่ยก็รู้สึกปวดหัว
พ่อของเขาไว้ใจให้เขาทำงานอันตรายเช่นนี้จริง ๆ แล้วเขาจะวางภาระนี้ลงได้หรือ?
เย่ฉิงเป่ยขมวดคิ้ว หมดความสนใจที่จะอ่านหนังสือต่อ เขาหันไปหยิบผ้าห่มขึ้นเตียงแล้วหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาตื่นแต่เช้าตามปกติอีกครั้ง หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปเรียกเนี่ยนเนี่ยน
หลังจากนั้นทุกคนก็ออกเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้ยังคงปลอดภัยและราบรื่น เนี่ยนเนี่ยนก็ค่อย ๆ อารมณ์ดีขึ้นเช่นกัน
ระหว่างทาง นอกจากโม่เพียวที่คลั่งไคล้บุรุษบ้างเป็นครั้งคราว และเนี่ยนเนี่ยนเติมยาพิษในขวดสีแดงอีกห้าขวดที่มีอาการเป็นพิษแตกต่างกันแล้ว ก็ไม่มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
หนึ่งเดือนต่อมา รถม้าก็เข้าสู่เขตแดนของอาณาจักรเทียนอวี่
จากนั้นเย่ฉิงเป่ยก็สังเกตเห็นว่า เนี่ยนเนี่ยนที่ในที่สุดก็อารมณ์ดีขึ้น และนัยน์ตาเริ่มเปล่งประกายสดใสอีกครั้ง เริ่มจะมืดมนขึ้นมาอีกแล้ว
หลังจากนั่งอยู่ในรถม้าเป็นเวลานาน เขาก็กระโดดขึ้นม้าสีดำตัวงามของเขาอีกครั้งอย่างชาญฉลาด แล้วขี่ม้าไปจนสุดทางเข้าประตูเมือง
เหวินหย่าและโม่เพียวนึกในใจว่า… พวกนางอยากขี่ม้าเหมือนกัน เหตุใดท่านไม่ยอมสละตัวเอง แล้วมอบม้าให้พวกนางแทนเล่า เป่ยเป่ย?
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างขมขื่น จากนั้นมองเนี่ยนเนี่ยนอีกครั้ง
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองพวกนาง อย่างเย็นชา แล้วพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ “ทำไม ข้าน่ากลัวอีกแล้วหรือ?”
“…” เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ตัวเองดีจริง ๆ รู้จักใช้คำว่า ‘อีกแล้ว’ เสียด้วย
แต่แม้ว่าทั้งสองจะคิดเช่นนั้น แต่พวกนางก็ยังส่ายหน้าด้วยท่าทางสงบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่ใช่ จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ?”
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเอนหลังพิงหมอน แล้วนึกเย้ยหยันอีกครั้ง
เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมที่พักในตอนกลางคืน เนี่ยนเนี่ยนแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในห้อง แล้วเริ่ม… สกัดยาในขวดสีแดงขวดที่หก
เมื่อเป่ยเป่ยเข้าไปในห้องของนางหลังอาหารเย็น เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจพี่เขยในอนาคตยิ่งกว่าเดิม
พวกเขายังไม่ทันได้เจอหน้าหรือพูดอะไรกันสักคำ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ในใจของเนี่ยนเนี่ยนไปแล้ว ซึ่ง… ใจนางคิดแต่อยากจะฆ่าเขา อยากจะฆ่าเขา อยากจะฆ่าเขาอีกแล้ว
ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
เขาวางอาหารเย็นไว้บนโต๊ะให้นาง แล้วเรียกเหวินหย่ากับโม่เพียวมากินข้าวด้วยกัน
เนี่ยนเนี่ยนเก็บขวดสีแดง จากนั้นมานั่งที่โต๊ะหลังจากล้างมือแล้ว
เย่ฉิงเป่ยยื่นชามให้นาง แล้วพูดว่า “ใช้เวลาประมาณสิบวันก็จะถึงเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนอวี่ เนี่ยนเนี่ยน เจ้าคิดไว้แล้วหรือยัง ว่าจะพูดเรื่องถอนหมั้นอย่างไร?”
“อืม คิดไว้แล้ว” เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วผลักชามของนางไปทางเย่ฉิงเป่ย ก่อนใช้สายตาชี้ไปที่จานกุ้งบนโต๊ะ
มุมปากของเป่ยเป่ยกระตุก แต่ก็ยอมจำนวนต่อโชคชะตา เขาหยิบกุ้งขึ้นมาตัวหนึ่ง จากนั้นแกะเปลือกออกอย่างเรียบร้อย แล้วใส่ลงในชามของเนี่ยนเนี่ยน
เหวินหย่าก้มหน้าลงเงียบ ๆ น่าเศร้ายิ่งนัก นางไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่สาวใช้เลย
นางเงยหน้าแอบชำเลืองมองโม่เพียว หญิงคนนั้น… ทำราวกับว่าไม่เห็นอะไรเลย นางกินด้วยความเอร็ดอร่อย นิสัยใจคอของนางคล้ายกับท่านน้าเยว่ซินมากเกินไปจริงๆ
เหวินหย่าส่ายหน้า แล้วก้มหน้าลงกินข้าว
เป่ยเป่ยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้ยินคำตอบของเนี่ยนเนี่ยน แล้วถามอย่างไม่แน่ใจนักว่า “เจ้าคิดไว้แล้วจริงหรือ? เจ้าจะพูดอะไร?”
“ถ้าเขายอมเห็นด้วย ทุกคนก็จะอยู่อย่างเป็นสุข แต่ถ้าไม่ยอม… ก็ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” เนี่ยนเนี่ยนหันหน้าไป สายตาของนางจับจ้องไปยังขวดยาสีแดง
เป่ยเป่ย “…”
ถึงไม่ต้องถามเขาก็เข้าใจได้
เขาหลุบตาลงกินข้าวอย่างจริงจัง
แต่หลังจากกินไปได้สองคำ คิ้วของเขาก็ขมวดทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลังคา
ขณะเดียวกัน เนี่ยนเนี่ยนก็วางตะเกียบ เชิดคางขึ้นจ้องมองเหนือหัววของนาง
เหวินหย่าช้ากว่าพวกเขาสองคนเล็กน้อย แต่นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบนหลังคาเช่นกัน ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังวิ่งไปตามกระเบื้องหลังคา แต่ฟังจากเสียงการเคลื่อนไหวแล้ว เสียงฝีเท้านั้นค่อนข้างไม่สม่ำเสมอและไม่มั่นคง
ทันใดนั้นเสียง “แกรกๆ” ก็ดังขึ้นสองครั้ง สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนและเป่ยเป่ยเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาลุกขึ้นทันที แล้วถอยหลังไปสองก้าว
เหวินหย่าก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยสายตาเฉียบคมและมืออันว่องไว นางยืนมองนิ่ง
มีเสียง “โครม” ดังขึ้น ทันใดนั้นหลังคาก็เป็นรูเปิดขนาดใหญ่ และมีคนตกลงมาจากด้านบน
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำไมการปกครองอาณาจักรเทียนอวี่มันเละเทะแบบนี้กันนะ
เริ่มสงสารคนเป็นคู่หมั้นของเนี่ยนเนี่ยนแล้วสิ
ใครตกลงมาล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)