อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 114 เนี่ยนเนี่ยนดูแปลกไป
ตอนพิเศษ 114 เนี่ยนเนี่ยนดูแปลกไป
ตอนพิเศษ 114 เนี่ยนเนี่ยนดูแปลกไป
“มีปัญหาอะไร?”
“ดูจากสภาพของหญิงคนนี้แล้ว นางน่าจะถูกตามล่าใช่หรือไม่?”
เย่ฉิงเป่ยเลิกคิ้วขึ้น “ใช่แล้ว”
“แล้วที่นี่ก็วุ่นวายกันใหญ่ เหตุใดเวลาผ่านไปทั้งคืนแล้ว แต่ยังไม่มีใครที่ไล่ล่านางมาที่ประตูเลย” เนี่ยนเนี่ยนเตรียมพร้อมที่จะซ่อนตัวหญิงคนนี้ แต่นางคาดไม่ถึงว่าจะไม่มีความวุ่นวาย ทำให้นางรู้สึกผิดคาด
เย่ฉิงเป่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกยิ้มแล้วพูดว่า “น่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิด”
หญิงคนนี้น่าจะมีสหายร่วมขบวนการล่อผู้ไล่ตามให้ออกไป ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่นี่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็สมเหตุสมผลแล้ว
“อื้ม…”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น หญิงบนเตียงก็ขมวดคิ้วและครางออกมาแผ่วเบา
เนี่ยนเนี่ยนมองลงไปที่นาง ครู่หนึ่งหญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้น
สายตาของนางฉายแววสับสนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้า เส้นประสาททั่วร่างกายนางก็ตึงขึ้น มันอาจเป็นนิสัยที่พัฒนามาจากการฝึกฝนหลายปี นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทันที
แต่ทันทีที่กวาดสายตาไป นางก็เห็นชายหนุ่มและหญิงสาวนั่งอยู่บนขอบเตียง พวกเขามีหน้าตางดงามเสียจนแทบจะไม่อาจละสายตาได้
นางขมวดคิ้วทันที และทำท่าจะลุกขึ้น
เย่ฉิงเป่ยรีบพูดว่า “เจ้าบาดเจ็บ อย่าลุกขึ้นจะดีกว่า”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หญิงคนนั้นก็สัมผัสบาดแผลของตัวเองไปแล้ว และส่งเสียงร้องออกมา นางขมวดคิ้ว นอนลงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองทั้งสองแล้วถามว่า “พวกท่านช่วยชีวิตข้าไว้หรือ?”
“ข้าช่วยเจ้าไว้” เนี่ยนเนี่ยนแก้ไขด้วยสีหน้าจริงจัง ท่านแม่บอกว่าต้องให้คนอื่นรู้ความดีความชอบของตนเสมอ อย่าปล่อยให้คนที่ไม่มีส่วนร่วมแย่งไป แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นน้องชายของนางก็ตาม
มุมปากของเย่ฉิงเป่ยกระตุกรุนแรง แต่เขายังคงพยักหน้าและพูดว่า “อืม เนี่ยนเนี่ยนเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าไว้”
“เรียกข้าว่าพี่สาว” เจ้าบ้าเป่ยเป่ย หลังจากได้รับความช่วยเหลือ ก็ทำเหมือนพอข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้ง ไม่ยอมเรียกนางว่าพี่สาวอีก
เย่ฉิงเป่ยมองนางอย่างหมดหนทาง แล้วพูดเสียงอ่อนว่า “พี่สาว”
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หางตาของหญิงที่ถูกทิ้งไว้บนเตียงอดไม่ได้ที่จะกระตุก น้องชายกับพี่สาวหรือ? แต่ท่าทางเช่นนี้มันแปลกเกินไป
“ขอบพระคุณ” แม้ว่านางจะรู้สึกแปลก ๆ แต่นางก็ได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้ได้ นางจึงรู้สึกขอบคุณทั้งสองมาก
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร” เมื่อได้ยินเสียงของนาง สองพี่น้องก็ได้สติ และในที่สุดก็หันมาสนใจนาง
หญิงสาวอึ้งไปครู่หนึ่ง นางเป็นผู้พิทักษ์ทมิฬ ดังนั้นถ้าอยากให้นางบอกชื่อตัวเอง…
“ข้าชื่อเริ่นเมิ่ง” นี่คือชื่อที่นางใช้เมื่ออยู่ข้างนอก ความจริงแล้วชื่อผู้พิทักษ์ทมิฬมีเพียงตัวเลขเท่านั้น
เย่ฉิงเป่ยและเนี่ยนเนี่ยนมองหน้ากัน ไม่ได้ถามอะไรอีก แต่บอกว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้าไม่ร้ายแรง แต่ยังต้องใช้เวลาพักฟื้น พักผ่อนให้มาก ๆ”
หลังจากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป
“ช้าก่อน” ทันใดนั้นเริ่นเมิ่งก็พูดขึ้น เนี่ยนเนี่ยนกับน้องชายหยุดชะงัก จากนั้นหันมามองนาง
เริ่นเมิ่งมองทั้งสองคน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เริ่นเมิ่งขอบคุณแม่นางและนายน้อยมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ข้าไม่มีของมีค่าเลย ไม่รู้ว่าจะตอบแทนพวกท่านทั้งสองอย่างไร”
“ไม่จำเป็นต้องตอบแทนหรอก” เย่ฉิงเป่ยยกยิ้ม เขาช่วยนางก็เพราะนางมีเหรียญตราของผู้พิทักษ์ทมิฬติดตัวอยู่ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่การช่วยท่านลุงเหมียนฮวาถังเท่านั้น
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” เริ่นเมิ่งพยายามลุกขึ้นนั่ง “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่อาจไม่ตอบแทนน้ำใจของพวกท่านได้ หากพวกท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไร ได้โปรดบอกข้าด้วย”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บ รักษาบาดแผลของเจ้าให้ดี เจ้าพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ก่อน เราได้จ่ายเงินให้เถ้าแก่ไว้แล้ว เราต้องรีบเดินทาง ดังนั้นขอลาก่อน”
เริ่นเมิ่งยืดตัวให้ตรงยิ่งขึ้น “เดินทางหรือ? ผู้มีพระคุณทั้งสองกำลังจะไปที่ใด?”
“พวกเราจะไปเยี่ยมญาติที่เมืองหลวง” เนี่ยนเนี่ยนบอกแค่บางส่วน มักจะเป็นเป่ยเป่ยที่พูดทั้งหมดเสมอ
เขาอดทนมาโดยตลอด ไม่เคยใจร้อนเมื่อถูกคนอื่นถาม
นัยน์ตาของเริ่นเมิ่งเป็นประกาย ซึ่งเนี่ยนเนี่ยนสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของเริ่นเมิ่ง “หากผู้มีพระคุณทั้งสองจะไปที่เมืองหลวง เริ่นเมิ่งคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี การเดินทางครั้งนี้ยาวไกลมาก และเส้นทางบริเวณนั้นไม่สงบ แม้ว่าตอนนี้ข้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้สาหัสเกินไป ข้าคิดว่าวรยุทธ์ของข้าค่อนข้างแกร่งกล้า หากผู้มีพระคุณทั้งสองไม่รังเกียจ เริ่นเมิ่งจะพาผู้มีพระคุณทั้งสองไปยังเมืองหลวงเอง”
ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บ และขาดการติดต่อกับสหายของนาง นางจึงต้องรีบไปเมืองหลวงให้เร็วที่สุด การเดินทางคนเดียวนั้นไม่ง่ายเลย
แม่นางเนี่ยนเนี่ยนตรงหน้านาง ดูเหมือนจะมีทักษะทางการแพทย์ ถ้านางมีพวกเขาทั้งสองบังหน้าให้ ขณะเดินทางไปเมืองหลวง นางก็น่าจะปลอดภัยกว่ามาก
เย่ฉิงเป่ยมองนางอยู่นาน แม้ว่าสิ่งที่นางพูดจะค่อนข้างมีเหตุผล แต่คนผู้นี้เป็นผู้พิทักษ์ทมิฬ หากผู้พิทักษ์ทมิฬติดตามพวกเขาไปช้า ๆ เพื่อแสดงความตั้งใจที่จะตอบแทนบุญคุณของพวกเขา มัน… ค่อนข้างแปลกไปหน่อย
เมื่อถูกเป่ยเป่ยจ้องมองเช่นนั้น เริ่นเมิ่งก็รู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก
เห็นได้ชัดว่าเขาดูเหมือนเด็ก แต่นางรู้สึกว่าสายตาของเด็กชายคนนี้เฉียบคมมาก ราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจนางได้
“เส้นทางนั้นไม่ปลอดภัยจริงหรือ?” คราวนี้เสียงของเนี่ยนเนี่ยนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
เริ่นเมิ่งรีบละสายตาจากเย่ฉิงเป่ยทันที นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วมองเนี่ยนเนี่ยนที่กำลังยิ้มแย้มด้วยรอยยิ้ม “อืม เมื่อก่อนมีพวกโจรอาละวาด แม้ว่าพวกมันจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่หลังจากนั้นผู้คนก็ยังคงหวาดกลัว บางคนก็ใช้ประโยชน์จากกลุ่มโจรเหล่านั้น เพื่อดึงดูดความสนใจของราชสำนักในช่วงชุลมุน แล้วครองหุบเขาตั้งตนเป็นผู้นำที่มีอำนาจ ผู้มีพระคุณทั้งสอง น่าจะเป็นลูกสาวและลูกชายจากตระกูลร่ำรวย ข้าเกรงว่าพวกท่านจะตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย”
ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว ก็รู้ได้เลยว่าพวกเขาร่ำรวย ประกอบกับใบหน้าที่บอบบางของทั้งสอง ที่ต้องได้รับการปรนนิบัติมาอย่างดี
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าขณะฟังคำพูดของนาง “มีเหตุผล เช่นนั้นเราจะพาเจ้าเดินทางไปด้วยกัน”
“ขอบคุณ” เริ่นเมิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เนี่ยนเนี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเจ้าต้องเป็นคนที่คอยปกป้องพวกเราตลอดทาง เหตุใดเจ้าถึงพูดขอบคุณแทนเล่า?”
ใบหน้าของเริ่นเมิ่งแข็งทื่อ ความลำบากใจฉายชัดบนใบหน้านาง นางทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ นอนลงอีกครั้ง
เย่ฉิงเป่ยมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความแปลกใจ เนี่ยนเนี่ยนเป็นคนที่กลัวปัญหามากที่สุด และไม่ต้องการมีปัญหาใด ๆ เลย แต่ตอนนี้นางกลับบอกให้ผู้พิทักษ์ทมิฬร่วมเดินทางไปด้วย ไม่น่าเชื่อเลย นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
เมื่อทั้งสองออกมาแล้ว สายตาของเย่ฉิงเป่ยก็ยังคงจับจ้องไปที่เนี่ยนเนี่ยน
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุกเมื่อรู้สึกว่าโดนเขาจ้องมอง นางหันกลับมามองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว แล้วรีบก้าวไปข้างหน้า
เย่ฉิงเป่ยเม้มปากแล้วรีบตามไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามนางว่า “เจ้าก็สบายดี เหตุใดเจ้าถึงยอมให้ผู้หญิงคนนั้นไปกับเรา? พฤติกรรมของเจ้าค่อนข้างแปลกไป”
แปลกหรือ? นางแค่ทำความดี แล้วมันแปลกตรงไหน?
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เริ่นเมิ่งคนนี้จะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าหนอ
ไหหม่า(海馬)