อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 119 จะออกไปได้อย่างไร
ตอนพิเศษ 119 จะออกไปได้อย่างไร
ตอนพิเศษ 119 จะออกไปได้อย่างไร
ทุกคนตกตะลึง คนที่กล้าเพิกเฉยต่อสี่ตระกูลใหญ่เช่นนี้ คนที่พรากคนไปจากพวกเขาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้…ไม่เคยมีมาก่อน
เหตุใดหญิงคนนี้ถึงกล้าได้กล้าเสียถึงเพียงนี้? นางไม่สังเกตหรือว่าพวกเขาทั้งสี่ต่างมีสีหน้าอาฆาตแค้น ถ้าไม่ระวังตัวก็อาจถูกพวกเขาฉีกเป็นชิ้น ๆ หรือถูกตัดหัวไปแล้วไม่ใช่หรือ?
ขาของนางจะไม่พิการ หัวใจของนางจะไม่แหลกสลายหรือ?
สายตาของทุกคนเริ่มขยับทีละนิดตามร่างของเนี่ยนเนี่ยนและโม่เพียว
เนี่ยนเนี่ยนไม่สนใจ หลังจากจูงโม่เพียวลงจากเวที นางก็เริ่มอบรม “เจ้าเป็นอะไรไป? ถูกคนอื่นเบียดให้ขึ้นไปบนเวทีเนี่ยนะ? เจ้าทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่สิ หากข้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เหวินหย่าฟัง นางคงหัวเราะไปเป็นปีแน่”
โม่เพียวหน้าเสียทันที “คุณหนู ท่านจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ตอนนั้นข้าทันได้ระวัง และประมาทเองเจ้าค่ะ”
เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะฮ่า ๆๆ มองนางด้วยความขบขัน แล้วจูงนางไปข้างหน้าท่ามกลางฝูงชน
คาดไม่ถึงว่าหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงทุ้มต่ำก็ดังมาจากข้างหลัง “ช้าก่อน”
ทันใดนั้น ร่างสองร่างก็กระโดดข้ามศีรษะของทั้งสอง มายืนขวางหน้าพวกนางไว้ทันใด
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว ขณะที่โม่เพียวตื่นตระหนกใจในทันที และรีบหันไปมองหาเป่ยเป่ย
“คุณหนู นายน้อยกับเหวินหย่าไม่ได้มาด้วยหรอกหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการได้”
โม่เพียวกำลังจะร้องไห้ เพราะรู้ว่าเนี่ยนเนี่ยนสามารถรับมือได้นั่นแหละ นางถึงได้กังวล อย่างน้อยเป่ยเป่ยกับเหวินหย่าก็รู้วิธีเกลี้ยกล่อมอย่างถูกต้อง แต่เมื่อคุณหนูขุ่นเคืองขึ้นมา นางจะฆ่าพวกเขาทันที นางไม่ต้องการทำให้พวกเขาตาย
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ชายสองคนจากตระกูลถงและตระกูลเจี่ยงก็เข้ามาใกล้แล้ว “แม่นางผู้นี้ หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน”
เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้นแล้วหรี่ตามองพวกเขา “อะไร พวกเจ้ารู้สึกผิด เลยต้องการจ่ายเงินชดเชยให้พวกเรางั้นหรือ?”
“…” รู้สึกผิดหรือ? เงินชดเชยหรือ?
ถงเวยหลินดูงุนงง “เงินชดเชย… เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“สาวใช้ของข้าถูกใครบางคนเบียดเข้าไป ดังนั้นนางจึงเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่นับว่าเป็นคนรบกวนการต่อสู้ของพวกเจ้า แต่พวกเจ้าทำให้นางตกใจกลัว ดูนางสิ…” เนี่ยนเนี่ยนหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นโม่เพียวมีสีหน้าเหลอหลาราวกับแปลกใจที่นางพูดถึงเงินชดเชย นางจึงหรี่ตาลงและตีนางอย่างแรงทันที
โม่เพียวตอบสนองทันที แล้วรีบไปซ่อนหลังเนี่ยนเนี่ยนอย่างรวดเร็วด้วยร่างกายอันสั่นเทา
เนี่ยนเนี่ยนแสดงความพึงพอใจ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดกับถงเวยหลินว่า “ดูเอาเถิด สาวใช้ของข้ากลัวมาก ข้ากังวลว่านางจะกลายเป็นคนบ้าใบ้เพราะความตกใจกลัว ในเมื่อพวกเจ้าหยุดข้าไว้ พวกเจ้าก็คงจะเห็นด้วยกับข้า คือรู้สึกผิดจนอยากจะชดใช้ให้สาวใช้ของข้าบ้างใช่หรือไม่?”
ถงเวยหลิน “…”
เจี่ยงโม่เซิง “…”
ลู่อวี่และหวงชิวผู่ที่ยังคงยืนอยู่บนเวที “…”
นางคิดว่าพวกเขาทุกคนตาบอดหรือ? พวกเขาเห็นกับตาชัดเจนว่านางเพิ่งตีสาวใช้ตัวเองไปเมื่อครู่นี้… พวกเขาเห็นชัดเจน… ไม่ได้คลาดสายตาเลย
“จะไม่จ่ายเงินหรือ?” เนี่ยนเนี่ยนเห็นว่าพวกเขาทุกคนตกตะลึง และมีสีหน้าขมขื่น นางจึงพูดด้วยความเย้ยหยัน “เช่นนั้นก็จงปล่อยข้าไป ข้าจะพาสาวใช้ของข้าไปหาหมอ”
คุณหนู ข้าไม่ได้ป่วยจริง ๆ เสียหน่อย
เนี่ยนเนี่ยนผลักถงเวยหลินและเจี่ยงโม่เซิงที่ยืนอยู่ตรงหน้านางออกไป แล้วจูงโม่เพียวออกไปอีกครั้ง
ถงเวยหลินและเจี่ยงโม่เซิงมองหน้ากัน อันที่จริงพวกเขาก็ไม่รู้ว่า เหตุใดพวกเขาถึงกระโดดข้ามมาหยุดพวกนางไว้
เขาทำไปโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายนางก็เป็นคนเดียวที่สามารถเพิกเฉยต่อคลื่นพลังที่พวกเขาทั้งสี่ปล่อยออกมา แล้วพาคนออกไปจากพวกเขา
ขณะที่พวกเขามองนางเดินขึ้นไปบนเวทีโดยไม่มีวี่แววของความหวาดกลัว พวกเขาก็ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาอีกชั้นพร้อมกัน
แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ลังเลเลย นางยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสงบ
ดังนั้นเมื่อนางพาสาวใช้ลงบันไดไป พวกเขาจึงเผลอหยุดนางไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่จะทำอย่างไรเพื่อหยุดนางไว้ ความจริงแล้ว… เรื่องนี้ยังไม่ทันได้คิด
ถงเวยหลินและเจี่ยงโม่เซิงมองไปที่เวที ลู่อวี่และหวงชิวผู่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน จากนั้นก็กระโดดลงจากเวที
หลังจากเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็หมดความสนใจที่จะต่อสู้ต่อไป
“ไม่รู้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นคุณหนูจากตระกูลไหน แต่นางสามารถเผชิญหน้ากับพวกเราทั้งสี่ได้โดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้าด้วยซ้ำ” ลู่อวี่พูดด้วยความแปลกใจ
หวงชิวผู่พยักหน้า “หาไม่ง่ายเลย”
ถงเวยหลินเลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะ “เหตุใดเราไม่ตามไปดูว่านางมาจากตระกูลไหนกันเล่า ข้าอยากรู้มากนัก”
เจี่ยงโม่เซิงหัวเราะเยาะ “ช่างน่าเบื่อเสียจริง”
“เจ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ” ถงเวยหลินพูด แล้วเดินไปตามทางที่เนี่ยนเนี่ยนกับโม่เพียวจากไปเมื่อครู่นี้
แต่หลังจากที่เดินไปตามทางที่เนี่ยนเนี่ยนเดินไปนั้น ก็ถูกกลุ่มคนที่มาคอยดูความสนุกสนานขวางเอาไว้
ถงเวยหลินชะเง้อคอมองหาอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นสองคนนั้น ด้วยความหงุดหงิด เขาจึงเหลือบมองเวทีอีกครั้ง แต่เวทีนั้นค่อนข้างเตี้ย เขาจึงทะยานขึ้นไปเหยียบบนเสา
จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองดูฝูงชน แต่ครู่ต่อมา คิ้วของเขาก็ขมวด
มองดูอยู่ครู่หนึ่งอย่างลังเลใจ จากนั้นเขาก็ลงจากเสากลับมาหาทั้งสามคนอย่างไม่เต็มใจ ถอนหายใจและยักไหล่ “หายไปแล้ว”
“หายไปหรือ?” หวงชิวผู่ประหลาดใจ “หายไปเร็วมากจนมองไม่ทันเลยหรือ?”
เจี่ยงโม่เซิงชำเลืองมองพวกเขา ก่อนจะหันหลังเดินไป “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ข้าจะกลับไปก่อน จะทำอะไรกันก็แล้วแต่พวกเจ้า”
หลังจากนั้นเขาก็สะบัดมือหันหลังจากไป
ถงเวยหลินถอนหายใจ แล้วพูดกับอีกสองคนว่า “ไปกันเถอะ พอแล้ว ค่อยคุยกันวันหลัง”
ทุกครั้งที่สมาชิกของตระกูลหลักทั้งสี่แข่งขันกัน พวกเขาจะดึงดูดผู้คนมากมายให้มารับชม ดังนั้นต่อไปเขาจะเลือกสถานที่ต่อสู้ที่เงียบสงบในชานเมือง
วันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เขากับลู่อวี่บังเอิญเจอกัน และเริ่มต่อสู้หลังจากพูดคุยกัน คาดไม่ถึงว่าจะมีคนไปเรียกเจี่ยงโม่เซิงกับหวงชิวผู่มาด้วย
ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างทั้งสอง จึงกลายเป็นการต่อสู้ระยะประชิดสี่คน โชคดีที่มีเวทีสี่เหลี่ยมอยู่ที่นี่ มันถูกสร้างมานานแล้ว และผู้คนมักจะใช้มันอยู่ จึงไม่ถูกรื้อถอน
พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า ขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่บนเวที จู่ ๆ จะมีคนถูกเบียดให้ขึ้นไปบนเวที แล้วกลิ้งเข้ามากลางวงพวกเขา
ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร พวกเขาจึงยืนอยู่ที่มุมทั้งสี่ในลักษณะเตรียมพร้อม สายตาของพวกเขาทุกคนจับจ้องไปยังหญิงสาวที่มึนงงอยู่ตรงกลาง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่า ก็คือหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ถูกเรียกว่าคุณหนู เป็นสตรีจากตระกูลใหญ่ตระกูลใดกันที่กล้าหาญได้ถึงเพียงนี้
“ฮัดชิ้ว…” เนี่ยนเนี่ยนลูบจมูกและขมวดคิ้ว ขณะจูงมือของโม่เพียวเลี้ยวไปอีกซอยหนึ่ง
จากนั้น… เมื่อมองไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้านาง เนี่ยนเนี่ยนก็เม้มปาก ก่อนหันหน้าไปมองโม่เพียว แล้วถามว่า “จะออกไปได้อย่างไร?”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่าลงมือกับเนี่ยนเนี่ยนเชียวนะ ถ้าไม่อยากอายุสั้นก่อนวัยอันควร ปล่อยไปแบบนี้นับว่ายังฉลาดกันอยู่
ไหหม่า(海馬)