อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 120 พบคนรู้จัก
ตอนพิเศษ 120 พบคนรู้จัก
ตอนพิเศษ 120 พบคนรู้จัก
โม่เพียวชี้นิ้วไปข้างหน้า หันมองซ้ายขวา ข้างหน้าข้างหลัง จากนั้นก้มหน้าลงด้วยความอับอาย “คุณหนู ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เป็นเพราะคนมากเกินไป และถนนข้างหน้าเดินลำบาก พวกนางจึงเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยที่มีคนอยู่ไม่กี่คน
คาดไม่ถึงว่าหลังจากเลี้ยวไม่กี่ซอย มันก็… เข้าสู่ทางตัน
“… โม่เพียว เจ้าปีนขึ้นไปบนหลังคา แล้วดูสิว่าโรงเตี๊ยมของเราอยู่ทางไหน” เนี่ยนเนี่ยนผลักนาง
โม่เพียวพูดด้วยใบหน้าขมขื่น “คุณหนู ข้าไม่เก่งเท่าท่าน” ดังนั้นท่านควรกระโดดขึ้นไปบนหลังคาจะดีกว่า
เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตาลง “ใครบุกเข้าไปในถ้ำเสือรังหมาป่า เพื่อช่วยเจ้าอย่างกล้าหาญ? ใครหลงทาง เพราะต้องรีบพาเจ้าออกจากสถานที่อันตรายโดยเร็วที่สุด?”
โม่เพียวส่ายหน้า ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย “คุณหนูไงเจ้าคะ”
“ดังนั้น……”
“ข้าจะกระโดดขึ้นไป”
“ดี”
เนี่ยนเนี่ยนยิ้มให้นางด้วยความพึงพอใจ จากนั้นยืนกอดอกพิงกำแพง
โม่เพียวสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขย่งปลายเท้าร่อนลงบนกระเบื้องเบา ๆ จากนั้นหันไปมองซ้ายขวา
“คุณหนู ไม่เห็นแม้แต่เงาของโรงเตี๊ยมเลยเจ้าค่ะ”
“…” เนี่ยนเนี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “โม่เพียว เจ้าจำได้หรือเปล่าว่าตอนนี้เราพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมไหน? หน้าตาเป็นอย่างไร?”
“…” โม่เพียวหน้าแดงด้วยความอับอาย “นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกว่าให้คุณหนูกระโดดขึ้นไปดูเองเจ้าค่ะ”
เนี่ยนเนี่ยนอยากจะส่งคนผู้นี้กลับไปอาณาจักรเฟิงชางจริง ๆ ความจริงมีแค่เหวินหย่าคนเดียวก็เพียงพอสำหรับนางแล้ว
ส่วนงานแต่งตัวและซักผ้าที่โม่เพียวถนัดนั้น นางทำเองได้
“คุณหนู ท่านไม่ชอบข้าหรือ?”
“ฮ่าๆ ไม่ ไม่เลย” ข้าเกลียดเจ้ามากต่างหาก
เนี่ยนเนี่ยนกลอกตา ในที่สุดก็ยืนตัวตรงและเตรียมจะกระโดดขึ้นไปดู ทันใดนั้น โม่เพียวบนหลังคาก็โบกมืออย่างแรงไปทางทิศหนึ่ง
“นายน้อย พวกเราอยู่ตรงนี้ นายน้อย”
นายน้อยหรือ? เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “โม่เพียว เจ้าเห็นเป่ยเป่ยหรือ?”
“อืม” ในที่สุดโม่เพียวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากมีนายน้อยอยู่ด้วย พวกนางก็จะสามารถค้นหาโรงเตี๊ยมได้แน่นอน
“หือ?” มือที่โบกไปมาของโม่เพียวหยุดกะทันหัน
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้วถามว่า “มีอะไรหรือ?”
“มีอีกคนหนึ่งอยู่ข้างนายน้อยเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” โม่เพียวเท้าคางครุ่นคิด
คนที่โม่เพียวเคยเห็น ต้องเคยไปอาณาจักรเทียนอวี่มาก่อน…
ดวงตาของนางเป็นประกายในทันใด นางเรียกโม่เพียวลงมา “เป่ยเป่ยอยู่ที่ใด?”
โม่เพียวชี้ไปทางซ้าย “อยู่ทางโน้น กำลังมาทางเราเจ้าค่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงนาง เนี่ยนเนี่ยนก็ได้ยินเสียงฝีเท้า
หลังจากนั้นไม่นานเย่ฉิงเป่ยก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสอง เมื่อพวกนางเห็นพวกเขา ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในที่สุดพวกเราก็พบเจ้าเสียที”
ทันทีที่พูดจบ ร่างสูงก็เดินออกมาจากด้านหลัง
เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะ “ท่านอาไป๋”
“โอ้โห เนี่ยนเนี่ยน ไม่เจอกันนาน ท่านอาไป๋คิดถึงจริง ๆ” ไป๋อีเฟิงหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เขาพูดจบ ก็รีบวิ่งมาข้างหน้า
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว นางรีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว จนไป๋อีเฟิงเกือบชนกำแพงด้านหลังนาง
เขาจ้องมองเนี่ยนเนี่ยนอย่างไม่พอใจ “เราไม่ได้เจอกันตั้งสองปี เหตุใดเจ้าถึงไม่กอดท่านอาไป๋ล่ะ?”
“ข้าไม่ยอมให้ท่านกอดข้าตั้งแต่สองปีที่แล้วแล้ว” ไป๋อีเฟิงชอบกลั่นสุรา จึงมีสุราติดกายอยู่เสมอ เนี่ยนเนี่ยนแตกต่างจากหนานหนาน นางไม่ได้มีความปรารถนาจะลิ้มรสสุรา นางจึงไม่ชอบไป๋อีเฟิงที่มีกลิ่นตัวเหมือนสุรา และรีบวิ่งหนีทันที
ไป๋อีเฟิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นมองโม่เพียวที่อยู่ข้างนาง
วินาทีต่อมา เขารีบเดินไปหานางด้วยความดีใจ แล้วถามว่า “เพียวเพียว พ่อของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงนี้เขาผลิตสุราชนิดใหม่ขึ้นมาบ้างหรือเปล่า?”
โม่เสียนพ่อของโม่เพียวสนใจการทำสุราเช่นกัน เขากับไป๋อีเฟิงจึงเข้ากันได้ดี แค่ว่าไป๋อีเฟิงทำสุราเป็นอาชีพ แต่โม่เสียนทำเป็นครั้งคราวเท่านั้น เพราะงานหลักของเขาคือการเป็นองครักษ์ของท่านอ๋องซิว
เป็นเรื่องยากสำหรับไป๋อีเฟิงที่จะพบคนคอเดียวกัน พวกเขาจึงมักจะมาแลกเปลี่ยนปรึกษาหารือกัน
ดังนั้นเขาจึงมาอาณาจักรเฟิงชางบ่อยมาก ทุก ๆ สองหรือสามปี โม่เพียวจึงคุ้นเคยกับเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋อีเฟิง นางก็รู้สึกเหมือนนางได้รับการสนับสนุนในต่างอาณาจักรทันที จึงรีบเล่าว่าช่วงนี้พ่อของนางกำลังทำอะไรบ้าง เล่าว่าเขามีสุขภาพดี พูดอะไร และกินอะไร ดูเหมือนนางจะไม่ต้องการปกปิดเรื่องส่วนตัวให้พ่อของตนบ้างเลย
เนี่ยนเนี่ยนเห็นเช่นนั้นก็มุมปากกระตุก แล้วเดินไปอยู่ข้างเป่ยเป่ย
“เจ้าไปไหนมา?”
“ตอนแรกข้าไปที่เวทีกับเจ้า แต่ข้าไม่คิดว่าจะได้พบท่านอาไป๋ระหว่างทาง จึงแวะทักทายเขา แต่เมื่อข้าหันไปอีกที เจ้าก็เดินนำหน้าไปแล้ว” ดังนั้นจึงไม่อาจตำหนิเขาเพราะเรื่องนี้ได้
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองเขา จากนั้นหันไปมองไป๋อีเฟิง เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านอาไป๋ เหตุใดท่านถึงมาที่นี่?”
“… เอ๊ะ? อ๋อ พ่อแม่เจ้าไม่ได้เขียนจดหมายบอกข้าหรือ ว่าพวกเจ้าจะมาหาข้า? ข้าคิดว่าอีกสองสามวันพวกเจ้าจะมาถึงที่นี่ ข้าจึงพักจากการทำสุรา และเตรียมห้องไว้สำหรับพวกเจ้าแล้ว วันนี้ข้าออกมาซื้อภาพเขียนพู่กันและภาพวาดไปตกแต่งบ้าน แบบที่เป่ยเป่ยชอบ พวกเจ้ามาอยู่กับข้าได้เลย”
อยู่ที่บ้านของไป๋อีเฟิงหรือ?
แม้ว่าไป๋อีเฟิงจะแยกครอบครัวออกจากบ้านสกุลไป๋แล้ว แต่ว่า…
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก แล้วปฏิเสธ “ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ เราจะอยู่ในโรงเตี๊ยม อย่างไรเสีย ข้าก็มาที่นี่ครั้งนี้เพื่อถอนหมั้น และจะจากไปหลังจากนั้น”
หลังจากถอนหมั้นแล้วย่อมมีปัญหามากมายเกิดขึ้น แล้วจะให้นางอาศัยอยู่ในบ้านของท่านอาไป๋ได้อย่างไร? มันอาจทำให้เขาต้องเดือดร้อนด้วยซ้ำ
ถอนหมั้นหรือ? กล้ามเนื้อที่มุมปากของไป๋อีเฟิงกระตุกอย่างแรง
แม้ว่าอวี้ชิงลั่วจะเขียนจดหมายเล่าเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของเนี่ยนเนี่ยน ก็ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะจัดการได้ยากจริง ๆ
ไป๋อีเฟิงชำเลืองมองเป่ยเป่ย เป่ยเป่ยเบือนหน้าหนี ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
“อะแฮ่ม เนี่ยนเนี่ยนเอ๋ย” ไป๋อีเฟิงกระแอมเบา ๆ “เราค่อย ๆ หารือเรื่องการถอนหมั้นกันเถอะ เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเจ้าไม่เคยเจอหลิวอี้ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาหน้าตาเป็นอย่างไร หากตัดสินใจจะถอนหมั้นเลยเช่นนี้ก็น่าเสียดายไม่ใช่หรือ?”
“ต้องดูว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไรก่อนหรือ? ถ้าหน้าตาดี ข้าก็จะไม่ถอนหมั้นงั้นหรือ? หึ ถึงหน้าตาจะดีแค่ไหนก็ไม่หล่อเท่าท่านพ่อ พี่ชายและน้องชายของข้าหรอก ปกติข้าเจอแต่บุรุษหน้าตาดีมามากมาย จึงไม่สนหรอกว่าเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไร สิ่งที่ข้าสนใจคือนิสัยกับวรยุทธ์ของเขา ไป๋หลิวอี้คง… ไม่อาจเทียบชายสี่คนที่ข้าเพิ่งเจอเมื่อครู่นี้ได้หรอก”
อย่างน้อยที่สุด แม้ว่านางจะไม่รู้จักนิสัยของสี่คนนั้น แต่พวกเขาก็มีวรยุทธ์ค่อนข้างแข็งแกร่ง
ส่วนไป๋หลิวอี้ผู้นั้น… ตอนที่เขาอายุแปดขวบ เขารับจี้หยกจากเด็กอายุสามขวบที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว นางจึงไม่มีความรู้สึกดี ๆ ต่อเขาอีกต่อไป
เมื่อไป๋อีเฟิงได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เนี่ยนเนี่ยนเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ ดูท่าทางตระกูลไป๋ต้องคิดหนักหน่อยเสียแล้ว
ไหหม่า(海馬)