อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 13 นางน่ารำคาญมาก
ตอนพิเศษ 13 นางน่ารำคาญมาก
ตอนพิเศษ 13 นางน่ารำคาญมาก
เนี่ยนเนี่ยนรอจนกระทั่งกลุ่มคนเดินออกไปไกล ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกมาจากมุม
“เหตุใดเจ้าถึงหลบจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว?” หลานสุ่ยชิงสงสัย แม้นางจะไม่ต้องการปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นในเวลานี้ แต่พฤติกรรมของเนี่ยนเนี่ยนก็ดูแปลกมากเช่นกัน
“เพราะนางน่ารำคาญมาก”
น่ารำคาญหรือ? หลานสุ่ยชิงรู้สึกประหลาดใจ เท่าที่นางรู้มา องค์หญิงจิ่นซิ่วเป็นธิดาขององค์หญิงหว่านเยียน กับข่งอวิ๋นเซิงผู้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลข่งที่เป็นตระกูลบัณฑิต ตระกูลข่งนั้นสูงส่งและมีเกียรติ ทำให้จวิ้นจู่จิ่นซิ่วถูกปลูกฝังให้เป็นคนใจเย็น ก่อนหน้านี้นางได้ยินหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนคุยกันว่า จวิ้นจู่จิ่นซิ่วองค์นี้รักสันโดษและพูดน้อยมาก
แต่เหตุใดเนี่ยนเนี่ยนถึงบอกว่านางน่ารำคาญ?
ขณะกำลังคิดอยู่นั้น เนี่ยนเนี่ยนกับเหวินหย่าก็หยุดฝีเท้า
“ออกมา” เนี่ยนเนี่ยนพูด สีหน้าของนางดูไม่ค่อยดีนัก
หลานสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้นทันที และเห็นจวิ้นจู่จิ่นซิ่วที่เพิ่งจากไปก้าวออกมาจากด้านข้าง พลางมองเนี่ยนเนี่ยนแล้วหัวเราะ
“เอ๊ะ เนี่ยนเนี่ยน ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้เจ้าจะว่าร้ายข้านี่นะ” จิ่นซิ่วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย กำลังจะถามว่าสองพี่น้องสกุลหลาน มาปรากฏตัวในสวนสมุนไพรของเนี่ยนเนี่ยนได้อย่างไร
แน่นอนว่าเป็นเพราะเนี่ยนเนี่ยนอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นสองคนนั้นจะถูกขัดขวางให้กลับไปทันที เพียงแค่ก้าวเข้ามา
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองนาง แล้วจิ่นซิ่วก็วิ่งเข้ามาหานางแล้ว “เนี่ยนเนี่ยน ข้าแก่กว่าเจ้า เจ้าไม่ต้องแสดงความเคารพเมื่อเจอข้าหรือ?”
เมื่อเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วไปที่ดินแดนเหมิง เย่หว่านเยียนกับข่งอวิ๋นเซิงก็ได้เจอกัน ซึ่งขุนนางตระกูลข่งผู้ซื่อสัตย์นี้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้อยู่แล้ว ในไม่ช้าฮ่องเต้จึงทรงอนุญาตให้ทั้งสองแต่งงานกัน และในไม่ช้าก็ตั้งครรภ์
แม้ว่าจิ่นซิ่วจะแก่กว่าเนี่ยนเนี่ยน แต่ก็แก่กว่าเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
“นี่คือบุตรีคนโตของสกุลหลาน” เนี่ยนเนี่ยนหันไปด้านข้าง เผยให้เห็นร่างของหลานสุ่ยชิง
จิ่นซิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองบุตรีคนโตของสกุลหลานด้วยความประหลาดใจ นางไม่ชอบคนสกุลหลาน โดยเฉพาะหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนที่เคยพบกันมาก่อนครั้งหรือสองครั้งในงานเลี้ยง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด สองคนนั้นไม่ได้ทำให้นางขุ่นเคืองสักนิด แต่นางกลับรู้สึกไม่ถูกชะตา และเข้ากับพวกนางไม่ได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอบุตรีคนโตจากสกุลหลาน เคยได้ยินมาว่านางอ่อนแอเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ คาดไม่ถึงว่านางจะมาร่วมงานเลี้ยงในตำหนักอ๋องซิวครั้งนี้ได้ และยังอยู่กับเนี่ยนเนี่ยนด้วย
ดูเหมือนว่าทัศนคติของเนี่ยนเนี่ยนที่มีต่อนางจะไม่เลว
“บุตรีคนโตของสกุลหลานหรือ?” จิ่นซิ่วทวนคำพูดของหลานสุ่ยชิง แล้วถามด้วยความแปลกใจ “เจ้าสองคนมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?”
เมื่อสองคนนี้ยืนด้วยกัน มองอย่างไรก็ไม่เข้ากันเลย
หลานสุ่ยชิงคำนับจิ่นซิ่ว “ถวายบังคมจวิ้นจู่เพคะ”
หลังจากนั้นนางก็ได้ยินคำตอบของเนี่ยนเนี่ยน “แม่นางหลานกับข้าพบกันโดยบังเอิญ ญาติของแม่นางหลานป่วย ข้าเป็นลูกมือของหมอปีศาจมาหลายปี ข้าจึงมีทักษะทางการแพทย์มากมาย สักวันหนึ่งข้าอยากไปจวนหลาน เพื่อช่วยตรวจอาการญาติของแม่นางหลาน”
“… ตรวจงั้นหรือ?” เดี๋ยวนะ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ
เอ๊ะ? เป็นลูกมืองั้นหรือ????
เป็นลูกมือของหมอปีศาจมาหลายปีงั้นหรือ???
จิ่นซิ่วรู้สึกว่านางได้ยินอะไรผิดไป แต่เมื่อเห็นหลานสุ่ยชิงกำลังขมวดคิ้วครุ่นคิด นางก็รีบเปลี่ยนสีหน้า แล้วช่วยพูดเสริมว่า “เข้าใจแล้ว เนี่ยนเนี่ยน ทักษะทางการแพทย์ของเจ้าดีมาก”
โดยเฉพาะทักษะการผลิตยานั้น ต้องเรียกว่าสีครามกลั่นมาจากต้นคราม แต่สีสันกลับแก่เข้มกว่าต้นคราม(1)
อ่า ไม่สิ ต้องบอกว่าสิ่งที่เนี่ยนเนี่ยนสนใจมาตั้งแต่เด็กคือยาพิษ ยาพิษทุกชนิด
ในสวนสมุนไพรของนางส่วนใหญ่เต็มไปด้วยพืชมีพิษ และยังมีสวนเล็ก ๆ ที่ท่านลุงห้าทำไว้ให้นางโดยเฉพาะ ที่นั่นเลี้ยงสัตว์มีพิษทุกชนิดไว้ คิดแล้วก็น่าขนลุก
“จวิ้นจู่ ข้าเป็นเพียงผู้ช่วย จึงเข้าออกจวนหลานได้ไม่ค่อยสะดวก พรุ่งนี้ช่วยพาข้าไปที่นั่นด้วยเถิด”
หลานสุ่ยชิงผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองไปที่จวิ้นจู่จิ่นซิ่ว
จิ่นซิ่วตอบอย่างใจดีว่า “ไม่มีปัญหา หากเนี่ยนเนี่ยนมีเรื่องอะไรที่ข้าช่วยได้ ข้าจะช่วยแน่นอน” นางพูด ก่อนหันกลับมาลูบไหล่หลานสุ่ยชิง “เจ้าไม่ต้องกังวล ทักษะทางการแพทย์ของเนี่ยนเนี่ยนดีมาก กระทั่งหมอหลวงในวังก็อาจจะสู้นางไม่ได้ เนี่ยนเนี่ยนจะช่วยญาติของเจ้าได้แน่นอน”
หลานสุ่ยชิงมองไปยังมือที่วางบนไหล่นาง และรู้สึกตื่นเต้นมาก
อารมณ์เย็นงั้นหรือ?
วางตัวสูงส่งงั้นหรือ?
พูดน้อยงั้นหรือ?
รักสันโดษงั้นหรือ?
จวิ้นจู่จิ่นซิ่วผู้สง่างามที่หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวพูดถึงอยู่ที่ไหน? ช่างแตกต่างกับคนตรงหน้านางอย่างสิ้นเชิง
หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่านางเริ่มเข้าใจสิ่งที่เนี่ยนเนี่ยนบอกว่า… น่ารำคาญ
แต่เมื่อนางได้ยินว่าทักษะทางการแพทย์ของเนี่ยนเนี่ยนว่าดีกว่าของหมอหลวงในวัง และพวกนางกำลังจะไปที่จวนหลานเพื่อไปตรวจอาการแม่ของนางในวันพรุ่งนี้ ดวงตาของหลานสุ่ยชิงก็เป็นประกายด้วยความดีใจทันที
นางไม่สนใจอุปนิสัยของจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว ไม่สนใจความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาด ระหว่างเนี่ยนเนี่ยนกับจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว และไม่สนใจคำถามมากมายในใจของนางแล้ว
สิ่งที่นางรู้ก็คือจวิ้นจู่จิ่นซิ่วเป็นธิดาของขุนนางตระกูลข่ง ไม่ว่านิสัยของนางจะเป็นอย่างไร นางจะไม่เพียงแค่พูดเล่นและจะไม่กลับคำแน่
หลานสุ่ยชิงจึงยิ้มให้จิ่นซิ่วทันที “ขอบพระทัยเพคะจวิ้นจู่”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน เราต้องช่วยเหลือกันและกันอยู่แล้ว”
หลานสุ่ยชิงรู้สึกได้ทันทีว่า นิสัยที่แท้จริงของจวิ้นจู่จิ่นซิ่วนั้นตรงไปตรงมานัก
และตามที่เนี่ยนเนี่ยนบอกไว้ จวิ้นจู่จิ่นซิ่วนั้น… น่ารำคาญจริง
นางเม้มปาก แล้วพูดกับหลานสุ่ยชิงว่า “เช่นนั้นก็ตามนั้น พรุ่งนี้ข้าจะไปหา”
“เอาล่ะๆ เราตกลงเรื่องนี้กันเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ ไปชมทัศนียภาพที่ศาลาตรงนั้นกัน สุ่ยชิง ขอบอกว่าศาลานั้นเป็นสถานที่ชมดอกบัวที่ดีที่สุดในจวนนี้แล้ว” จวิ้นจู่จิ่นซิ่วทำตัวสนิทสนมมาก นางจับมือของหลานสุ่ยชิง แล้วชี้ไปที่ศาลาบนหินประดับที่อยู่ไม่ไกล ที่แห่งนั้นตั้งอยู่ที่สูง หากมองลงมาจากด้านบนก็จะเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน
เนี่ยนเนี่ยนมีสีหน้าขมขื่น ประเดี๋ยวก่อน นางกับจิ่นซิ่วอยากจะปีนศาลาไปชื่นชมดอกบัวด้วยหรือ?
เหวินหย่าหรี่ตาล้อเลียนนาง วินาทีต่อมาก็มีแรงดึงมือของเนี่ยนเนี่ยน แล้วจิ่นซิ่วก็ลากนางไปทางนั้น
“ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ ข้าไม่ชอบอยู่กับผู้หญิงสูงศักดิ์เหล่านั้น ข้าต้องแสร้งทำตัวสูงส่ง แทบจะหมดแรงเลย”
จิ่นซิ่วดึงทั้งสองคนให้ปีนขึ้นไปบนศาลาด้วยมือคนละข้าง
แต่หลานสุ่ยชิงนึกถึงเยียนจือที่ยังคุยกับพี่เลี้ยงอยู่ และรู้สึกกังวลเล็กน้อย “จวิ้นจู่ ข้าแอบหนีออกมาจากเรือนหย่าเฟิง โดยอ้างว่าป่วย สาวใช้ของข้ายังอยู่ที่นั่น ข้าต้องกลับไป”
จิ่นซิ่วชอบคำว่าแอบหนีเป็นพิเศษ นางจึงยกยิ้มและโอบไหล่หลานสุ่ยชิง “เช่นนั้นเจ้าก็ร้ายกาจเหมือนกัน สาวใช้ใช่หรือไม่ ไม่เป็นอะไร ข้าจะให้คนไปบอกให้”
หลังจากพูดจบ นางก็ขยิบตาให้เหวินหย่า
เหวินหย่าถอนหายใจ ก่อนหันหลังเดินจากไป
หลานสุ่ยชิงกับเนี่ยนเนี่ยนถูกจิ่นซิ่วลากไปอีกครั้ง
พวกนางทั้งสามคนปีนขึ้นไปบนแท่นหินทีละคน เนี่ยนเนี่ยนมีวิทยายุทธ์อยู่แล้ว เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง ส่วนหลานสุ่ยชิงก็คุ้นเคยกับความยากลำบาก เพราะเคยชินกับการปีนขึ้นเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา
จิ่นซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมากไปหน่อย ในที่สุดนางก็ล้มลง
เนี่ยนเนี่ยนทำได้เพียงถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วยื่นมือให้นาง
จิ่นซิ่วยกยิ้ม แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของนาง แล้วกระซิบถามว่า “เหตุใดเจ้าไม่บอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้าให้สุ่ยชิงรู้?”
………………………………………………………………………………………………………………
(1)สีครามกลั่นมาจากต้นคราม แต่สีสันกลับแก่เข้มกว่าต้นคราม (青出于蓝,而胜于蓝) เป็นสำนวน หมายถึงได้รับการอบรมสั่งสอนจากครู แต่กลับเก่งเหนือกว่าครู
สารจากผู้แปล
เอ้ ว่าเขาน่ารำคาญนี่หมายความว่ายังไงคะเนี่ยนเนี่ยน คสพ.แบบนี้มันแปลกๆ อยู่นา
ไหหม่า(海馬)