อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 130 ท่านก็แค่วางยาพิษนาง
ตอนพิเศษ 130 ท่านก็แค่วางยาพิษนาง
ตอนพิเศษ 130 ท่านก็แค่วางยาพิษนาง
เนี่ยนเนี่ยนหยิบถาดในมือเคาะศีรษะของคนผู้นั้น
“โอ๊ย คุณหนู ทำอะไรเจ้าคะ?”
“ข้าสิที่ต้องเป็นฝ่ายถามเจ้า” เนี่ยนเนี่ยนกลอกตา “เหตุใดเจ้าถึงดึงข้าเข้ามาเช่นนี้? ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หากข้าไม่เห็นเจ้าก็คงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว”
โม่เพียวลูบหัวตัวเอง แล้วพูดอย่างเสียใจว่า “อย่างไรเสียเราก็อยู่ในจวนซูกั๋วกง ดังนั้นเราย่อมต้องระวัง หากมีใครมาพบว่าเราสองคนแอบมาพบปะพูดคุยกัน คนอื่นก็อาจสงสัยว่าเรามีเจตนาร้ายได้นะเจ้าคะ”
พวกนางสองคนก็เข้ามาในจวนซูกั๋วกง ด้วยเจตนาร้ายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
เนี่ยนเนี่ยนวางถาดลง ถอนหายใจเบา ๆ “เช่นนั้นบอกข้ามาสิ เจ้าลากข้าเข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”
“คุณหนู” โม่เพียวดูมีลับลมคมใน เสียงของนางแผ่วเบามาก “ข้าจะมารายงานคุณหนู ข้าได้สอบถามอย่างละเอียดแล้ว ปรากฏว่ายังมีคุณหนูเปี่ยวอาศัยอยู่ในจวนซูกั๋วกงด้วย คุณหนูเปี่ยวคนนั้นชื่อหลิ่วยางยาง นางอายุสิบหกปี เอวบางร่างน้อยราวกับต้นหลิวต้องลม ข้าเห็นแล้วรู้สึกสมเพชนัก”
เนี่ยนเนี่ยนมองหน้านาง โม่เพียวกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอบถามข่าวไปแล้ว นางเพิ่งจะมาจวนของซูกั๋วกงสองชั่วยาม แต่นางไปสอบถามเรื่องหลิ่วยางยางแล้วงั้นหรือ?
“คุณหนู อย่าวอกแวก ฟังข้าให้ดี ๆ สิเจ้าคะ” โม่เพียวเตือน เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบสนอง จึงสะกิดนางด้วยความขุ่นเคืองทันที
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก “อืม บอกมาสิ ข้ากำลังฟังอยู่”
“คุณหนู เรื่องสำคัญที่สุดคือหลิ่วยางยางเป็นศัตรูของท่าน”
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว “เป็นศัตรูอย่างไร??”
“เป็นศัตรูหัวใจเจ้าค่ะ คุณหนู ข้าจะบอกว่าทุกคนในจวนซูกั๋วกง คิดว่าคุณหนูเปี่ยวจะเป็นว่าที่ฮูหยินของคุณชายใหญ่ เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป คนที่หมั้นหมายกับคุณชายใหญ่คือท่านนะเจ้าคะคุณหนู หลิ่วยางยางคนนี้รู้ดีว่าคุณชายใหญ่มีสัญญาหมั้นหมายกับคุณหนู แต่กลับไม่คิดจะสยบข่าวลือแต่อย่างใด มันจึงไม่ใช่เรื่องดีแน่”
เอ่อ การรับรู้ของโม่เพียวค่อนข้างเฉียบคมทีเดียว
“คุณหนู โชคดีที่เรามาทันเวลา เรามาถึงอาณาจักรเทียนอวี่ ก่อนที่หลิ่วยางยางจะแต่งงานกับคุณชายใหญ่ ไม่เช่นนั้นนางคงแย่งไปได้แล้ว ตอนนี้พวกเรารู้ข่าวแล้ว จึงยังพอจะจัดการไหว ท่านต้องใช้พลังทั้งหมดจัดการกับหลิ่วยางยางคนนี้นะเจ้าคะ”
เนี่ยนเนี่ยนไม่อาจกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เหตุใดนางต้องทุ่มเทใช้พลังทั้งหมดด้วย? มันง่ายมากที่จะจัดการกับหลิ่วยางยาง เพียงแค่หยิบจดหมายแต่งงาน ที่ไป๋หลิวอี้ส่งไปยังตำหนักอ๋องซิวขึ้นมา เขากับนางก็จะได้แต่งงานกันโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็พาเขากลับไปเยี่ยมญาติ ที่อาณาจักรเฟิงชางเป็นเวลาหนึ่งปี แล้วไปอาศัยอยู่ในดินแดนเหมิงอีกสักปี นางไม่เชื่อหรอกว่าหลิ่วยางยางจะรอจนแก่ได้
หรือไม่ก็ให้เสด็จตาออกราชโองการเลยว่า ห้ามไป๋หลิวอี้รับอนุ รับรองว่าหลิ่วยางยางจะต้องอกแตกตายแน่
“คุณหนู หลิ่วยางยางคนนี้ต้องไม่ธรรมดา แม้ว่าทุกคนจะบอกว่านางไร้เดียงสาน่าสงสาร แต่นางไม่ไร้เดียงสาแน่นอน ในเมื่อสามารถทำให้ทุกคนคิดว่านางจะต้องเป็นฮูหยินในอนาคตได้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ? นางต้องเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมารยา แสร้งทำตัวน่าสมเพชไร้เดียงสาอยู่วันยังค่ำ ต้องระวังคนประเภทนี้ให้ดี คุณหนู ไม่เช่นนั้น ท่านก็แค่วางยาพิษนางให้ตายไปเลยเจ้าค่ะ”
“…” เนี่ยนเนี่ยนมองโม่เพียวด้วยความตกใจ หลังจากไม่ได้เจอกันเพียงสองชั่วยาม ความคิดของโม่เพียวก็ก้าวกระโดดอย่างมีคุณภาพ
นางตบไหล่โม่เพียว แล้วเตือนนางอย่างจริงจังว่า “โม่เพียว บอกข้าสิว่า จุดประสงค์หลักในการมาที่อาณาจักรเทียนอวี่ของเราคืออะไร?”
“ถอนหมั้นเจ้าค่ะ” โม่เพียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความมั่นใจ
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเนี่ยนเนี่ยน “ใช่แล้ว ถอนหมั้น แล้วเหตุใดข้าต้องไปจัดการหลิ่วยางยางด้วยล่ะ? ถ้านางกับไป๋หลิวอี้รักกัน ข้าถอนหมั้นไปเลยไม่ง่ายกว่าหรือ?”
“แต่ แต่ว่า…”
เนี่ยนเนี่ยนส่ายหน้า แล้วเดินออกจากเรือนเล็ก
แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายสดใส
แม้ว่าจุดประสงค์ของนางจะเป็นการถอนหมั้น แต่ไป๋หลิวอี้ที่มีคนรักในวัยเด็กอยู่แล้ว ได้ส่งจดหมายแต่งงานให้นาง มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาทำให้นางอับอาย
นางต้องฆ่าเขาแน่นอน
เนี่ยนเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วไปที่ห้องซักผ้า
ห้องซักผ้าหาง่าย การจัดวางที่นี่ไม่ซับซ้อน ทำให้เนี่ยนเนี่ยนใช้เวลาหาเพียงหนึ่งในสี่ชั่วยามเท่านั้น
เมื่อนำเสื้อผ้าของไป๋หลิวอี้กลับมาแล้ว ติงเซียงก็ไม่ได้อยู่ในสวนจิ่นเฟิงอีกต่อไป
เนี่ยนเนี่ยนมองไปรอบ ๆ ในที่สุดสายตาก็เหลือบไปเห็นสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังกวาดใบไม้แห้งในลานบ้าน
นางหยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหา
สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นนาง และน่าจะรู้สถานะปัจจุบันของนาง จึงรีบวางไม้กวาดไว้ แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แม่นางอวี้ซี มีอะไรหรือ?”
“เจ้าชื่ออะไร?”
“หงหยาเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบด้วยรอยยิ้ม นางดูอ่อนน้อมและฉลาดเฉลียว นางยังเด็ก จึงมีความไร้เดียงสา
เนี่ยนเนี่ยนเอนกายพิงเสาข้างนาง มองอยู่สักพักแล้วถามว่า “เจ้าอยู่ในจวนซูกั๋วกงมานานแค่ไหนแล้ว?”
“หงหยาเป็นเด็กที่เกิดในจวนเจ้าค่ะ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่เพิ่งได้มาทำงานในสวนของคุณชายใหญ่ได้ครึ่งปีเจ้าค่ะ” นางตอบอย่างตรงไปตรงมา
เนี่ยนเนี่ยนเลิกคิ้ว เด็กที่เกิดในจวนงั้นหรือ?
นางหัวเราะและยืดตัวขึ้นเล็กน้อย บังเอิญมากที่นางมีคำถามมากมายจะถาม และเด็กที่เกิดในจวนย่อมรู้ดีที่สุด
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
เนี่ยนเนี่ยนกลับไปที่ห้องด้านซ้าย นั่งดื่มชาที่โต๊ะ พลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ
ตามที่หงหยาเล่ามา เจ้าของจวนซูกั๋วกงในปัจจุบันคือซูกั๋วกงไป๋ชูเฟิง ผู้ที่อยู่เหนือเขาคือแม่เฒ่าไป๋ เหลียงซื่อ โดยคนที่แม่เฒ่าไป๋รักที่สุดก็คือท่านอาไป๋รองของเขา
น่าเสียดายที่ตอนที่ท่านผู้เฒ่าไป๋ยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากไป๋อีเฟิงใช้เวลาทั้งวันไปกับการร่ำสุรา เขาจึงเห็นว่าไป๋อีเฟิงเป็นคนไม่ได้ความ จึงไล่เขาออกไป ต่อมาเมื่อแยกจากครอบครัวแล้ว เขาก็ศึกษาธุรกิจสุราด้วยตัวเอง
แต่ด้วยเหตุนี้ แม่เฒ่าไป๋จึงยิ่งรู้สึกผิดต่อเขา และยิ่งสนใจเขามากขึ้น โดยหวังว่าเขาจะมาคุยกับนางที่จวนซูกั๋วกงทุกวัน
แต่ตอนนี้ผู้รับผิดชอบจวนคือหลิ่วซื่อ ผู้เป็นฮูหยินของซูกั๋วกง หลิ่วซื่อมีอารมณ์รุนแรงและไม่ชอบลูก ๆ ของอนุมาโดยตลอด นางจึงไม่ไว้หน้า อนุสองคนของซูกั๋วกงจึงไม่มีบทบาทอะไรเลย…
ส่วนไป๋หลิวอี้นั้นเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียว พูดตามเหตุผลแล้ว เขาเป็นลูกนอกสมรส แม่ของเขาไม่เคยเข้ามาในจวน และสถานะของเขาก็แย่ยิ่งกว่าอนุของพ่อเสียอีก
หลิ่วซื่อไม่เคยมองไป๋หลิวอี้ในแง่ดีเลย ด้วยความที่เขาเป็นลูกนอกสมรส นางจึงข่มเหงรังแกไป๋หลิวอี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่ากันว่าไป๋หลิวอี้มีชีวิตที่ลำบากมากตอนที่เขายังเด็ก ครั้งหนึ่งเขาเคยอดอาหารเป็นเวลาสามวัน ในฤดูหนาว เขาต้องคุกเข่าบนหิมะ โดยสวมเสื้อเพียงตัวเดียว ถูกมัดมือมัดเท้าโยนลงไปในบ่อ และเกือบถูกทุบตีจนตาย
แต่เขายืนกรานที่จะแบกรับไว้ จนกระทั่งเขาค่อย ๆ ไต่เต้าจนมีสถานะแบบปัจจุบัน
ด้วยสถานะเช่นนี้ ทั้งสวนจิ่นเฟิงหรือแม้แต่ในจวนซูกั๋วกง จึงไม่มีใครกล้ายั่วยุเขา รวมทั้งหลิ่วซื่อด้วย
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โม่เพียวไปติดความคิดนี้มาจากใครกันเนี่ย
เนี่ยนเนี่ยนคิดจะแก้เผ็ดไป๋หลิวอี้ยังไงหนอ
ไหหม่า(海馬)