อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 131 ให้อวี้ซีเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า
ตอนพิเศษ 131 ให้อวี้ซีเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า
ตอนพิเศษ 131 ให้อวี้ซีเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า
เนี่ยนเนี่ยนใช้ชีวิตท่ามกลางการปรนเปรอ แม้ว่านางจะรู้เรื่องสกปรกเกี่ยวกับตระกูลใหญ่มาบ้าง แต่อย่างน้อยเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับนาง หรือแม้แต่ในหมู่คนที่นางรู้จัก
หงหยาเล่าว่าไป๋หลิวอี้ถูกทรมานเช่นนี้ ตอนที่เขาอายุแปดหรือเก้าขวบ
แปดหรือเก้าขวบ… นั่นมันหลังจากที่เขากับนางพบกันไม่ใช่หรือ?
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
เด็กที่ยังคงรอดชีวิตจากการทำร้ายสารพัดเช่นนี้ได้ ไป๋หลิวอี้ต้องมีความอดทนมากเพียงใด?
หลิ่วซื่อผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป ซูกั๋วกงและแม่เฒ่าไป๋ไม่จัดการอะไรเลยหรือ นี่คือลูกชายและหลานชายของพวกเขาไม่ใช่หรือ? หากเขาตายขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไร?
อีกทั้งในตอนนั้น เขากับนางก็ได้หมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กไปแล้ว อย่างไรเสีย เขาก็ถือว่าเป็นคู่หมั้นของนางเช่นกัน หากเขาถูกฆ่าตาย แล้วพวกเขาจะอธิบายให้นางและตำหนักอ๋องซิวฟังอย่างไร?
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนนึกได้ดังนั้น สีหน้าของนางก็บึ้งตึง
แต่ในวินาทีต่อมา นางก็ขมวดคิ้วและสบถออกมาเบา ๆ เหลวไหล เหตุใดนางถึงต้องเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ด้วย?
ตอนนี้นางมาจวนซูกั๋วกงด้วยจุดประสงค์สองประการ หนึ่งคือถอนหมั้น และอีกหนึ่งคือค้นหาเบาะแส
ใช่ ๆๆ ค้นหาเบาะแสว่าจวนซูกั๋วกงน่าสงสัยเพียงใด
นอกจากแม่เฒ่าไป๋ ไป๋ชูเฟิง ไป๋หลิวอี้และหลิ่วซื่อแล้ว ในจวนแห่งนี้ยังมี… ไป๋หลิวเจวี๋ยด้วย
ว่ากันว่านางกับไป๋หลิวเจวี๋ยเคยรู้จักกันด้วย ปัจจุบันไป๋หลิวเจวี๋ยเป็นซื่อจื่อของจวนซูกั๋วกง ตามที่หงหยาเล่ามานั้น ไป๋หลิวเจวี๋ยในฐานะซื่อจื่อ ถูกหลิ่วซื่อตั้งความหวังไว้สูงมาก ทำให้ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก
หลิ่วซื่อไม่ต้องการให้เขาแพ้ไป๋หลิวอี้ เพราะต่อไปเขาจะไม่อาจรักษาตำแหน่งซื่อจื่อเอาไว้ได้ เขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งด้านความรู้และวรยุทธ์ของเขา
ความรู้ของไป๋หลิวเจวี๋ยนั้นเป็นที่ยอมรับ แต่ทักษะด้านวรยุทธ์ของเขานั้นอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม
ปัจจุบันอาณาจักรเทียนอวี่ขึ้นชื่อเรื่องวรยุทธ์ หลิ่วซื่อจึงมักจะโกรธถ้าวรยุทธ์ของเขาไม่กล้าแกร่งพอ
ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หลิวเจวี๋ยกับหลิ่วซื่อจึงแย่ลงทุกวัน จนกระทั่งแสดงอาการดื้อรั้นต่อต้าน อาละวาดไปทั่ว ออกไปพูดคุยกับกลุ่มสหายทุกวัน ร่ำสุราอยู่ข้างนอก ใช้ชีวิตเจ้าสำราญไร้แก่นสาร
ส่วนหลิ่วยางยางผู้ยืนกรานจะมาที่นี่เพื่อซื้อใจผู้คน และต้องการเป็นฮูหยินของไป๋หลิวอี้… ช่างเถิด นางไม่ได้เป็นคนสกุลไป๋ จึงไม่ต้องเก็บมาพิจารณาตอนนี้
หากเป็นเช่นนี้ หากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้วเกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋จริง ๆ ก็สามารถพบเบาะแสได้จากซูกั๋วกงหรือแม่เฒ่าไป๋เท่านั้น
เพราะเมื่อห้าปีที่แล้ว พี่น้องตระกูลไป๋ยังเด็ก จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถวางแผน และคิดกลอุบายอย่างรอบคอบเช่นนั้นได้เป็นเวลาหลายปี
เนี่ยนเนี่ยนเคาะนิ้วบนโต๊ะเร็วขึ้นเล็กน้อย สิ่งแรกที่นางทำจนถึงตอนนี้ คือหาเรือนที่ซูกั๋วกงอาศัยอยู่ให้เร็วที่สุด และหาโอกาสเข้าไปตรวจสอบให้ได้
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นข้างนอก
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นได้ยินเสียงของติงเซียงดังขึ้น “เร็วเข้า รีบไปดูว่าหมอมาหรือยัง”
ทันทีที่นางพูดจบ เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกคุ้นเคย มันน่าจะเสียงของเด็กหนุ่ม ที่เดินออกไปพร้อมกับไป๋หลิวอี้ “เร็วๆๆ เบา ๆ ก็ได้ติงเซียง ไม่ต้องเสียงดังมาก เจ้าต้องการให้คนทั้งจวนรู้เรื่องนี้หรือ?”
หลังจากที่ติงเซียงถูกตำหนิ นางก็หน้าเสียทันที แต่นางเบาเสียงลงจริง ๆ “ข้าแค่รีบ…”
เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียง สถานะของคนรับใช้หนุ่มดูเหมือนจะสูงกว่าติงเซียง
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก นิสัยของติงเซียงช่างน่าหมั่นไส้เสียจริง
แต่วินาทีต่อมา นางก็ลุกขึ้นยืนทันที พลางขมวดคิ้ว
เด็กคนนั้น… ออกไปกับไป๋หลิวอี้
ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไป๋หลิวอี้ก็ต้องกลับมาแล้วเช่นกันใช่หรือไม่? แล้ว… พวกเขาพูดถึงหมอ มีคนบาดเจ็บงั้นหรือ?
ใคร? ไป๋หลิวอี้หรือ?
รูม่านตาของเนี่ยนเนี่ยนหดตัว ก่อนรีบออกจากห้องด้านซ้าย
ทันทีที่ประตูเปิดออก ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนหมอก็รีบเข้าไปในห้องหลัก พร้อมกับถือกล่องยา และเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นจริง ๆ ที่ออกมาทักทายเขา
ฝีเท้าของเนี่ยนเนี่ยนดูลังเลเล็กน้อย นาง… จะเข้าไปดูดีหรือไม่?
แต่หลังจากนิ่งไปนาน นางก็ยังตัดสินใจไม่ได้ เวลาผ่านไปนาน ในที่สุดนางก็กัดฟันหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง
ถึงกระนั้นนางก็ยังฟังเสียงความเคลื่อนไหวในห้องหลักอยู่ด้านข้าง
โสตประสาทของนางดี ในไม่ช้านางก็ได้ยินเสียงแห่งความโล่งใจของหมอ “ซื่อจื่อโปรดอย่ากังวล คุณชายใหญ่สบายดี ไม่มีอาการบาดเจ็บสาหัส แต่ยังต้องดูแลเขาให้ดีเพื่อพักฟื้น ข้าจะสั่งยาและปรุงมันขึ้นมาให้คุณชายใหญ่ดื่มขอรับ”
ซื่อจื่อหรือ? ไป๋หลิวเจวี๋ยก็อยู่ด้วยหรือ?
แน่นอนว่าวินาทีต่อมา เสียงทุ้มต่ำที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “ดีแล้ว ขอบคุณหมอเว่ย หวังว่าหมอเว่ยจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และไม่แพร่งพรายออกไป”
“ซื่อจื่ออย่ากังวลไปเลย ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร” หลังจากพูดจบ ท่านหมอเว่ยก็เก็บกล่องยา แล้วหันหลังเดินจากไป
ติงเซียงรีบออกไปรับใบสั่งยาและปรุงยา ส่วนไป๋หลิวเจวี๋ยยังคงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ขณะมองไป๋หลิวอี้ที่นอนหน้าซีดบนเตียง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “พี่ใหญ่ ขอโทษนะขอรับ”
ไป๋หลิวอี้ส่ายหน้าไปมา สายตาของเขากวาดมองไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เห็นใครเลย คิ้วของเขาขมวดจนแทบจะเป็นปม
เมื่อได้ยินสิ่งที่ไป๋หลิวเจวี๋ยพูด เขาก็แค่ยกยิ้มและพูดว่า “เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนั้น? ในเมื่อข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า ข้าย่อมต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว เอาล่ะ นี่ก็มืดค่ำแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถิด ไม่เช่นนั้น…”
“แต่อาการบาดเจ็บของท่าน…”
“หมอยังบอกว่าไม่เป็นอะไร แค่พักฟื้นและฝึกฝนเดี๋ยวก็หาย”
ไป๋หลิวเจวี๋ยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “พักฟื้นและฝึกฝนหรือ มะรืนนี้คือวันสอบไป่กวน ท่านได้รับบาดเจ็บเช่นนี้แล้วจะเข้าร่วมได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น การสอบจะใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ท่านจะทนได้อย่างไร? ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้ามีปัญหา แต่กลับต้องให้พี่ใหญ่มาแบกรับแทน”
ไป๋หลิวอี้หลับตาลง คนรับใช้ที่ติดตามเขา ก้าวเข้ามาเกลี้ยกล่อมเขาด้วยความฉลาด “ซื่อจื่อขอรับ ท่านควรกลับไปก่อน เรื่องนี้ถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากฝึกฝนให้ดี คุณชายใหญ่รู้ดีขอรับ ตอนนี้ดึกแล้ว ถ้าฮูหยินรู้เข้า เกรงว่าความจะแตกหมดนะขอรับ”
ไป๋หลิวเจวี๋ยหันไปมอง แล้วเห็นว่าไป๋หลิวอี้หน้าซีดและดูเหนื่อยล้ามาก เขาจึงรีบลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะกลับไปก่อน พี่ใหญ่พักผ่อนให้ดี อาเวิน เจ้าคอยดูแลพี่ใหญ่ให้ดี หากต้องการอะไรก็ให้มาบอกข้า”
“ขอรับ บ่าวทราบแล้ว” อาเวินส่งไป๋หลิวเจวี๋ยออกไปอย่างสุภาพ
เมื่อกลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าติงเซียงกลับมาแล้ว นางกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบเสื้อผ้าที่สะอาดออกมา
อาเวินหรี่ตาลง และแน่นอนว่าเขาได้ยินติงเซียงมาที่ขอบเตียง แล้วกระซิบว่า “คุณชายใหญ่ บ่าวได้สั่งให้คนต้มยาแล้ว เสื้อผ้าของท่านเปื้อนเลือด บ่าวจะเปลี่ยนให้ท่านนะเจ้าคะ”
อาเวินนึกเย้ยหยัน คุณชายใหญ่ไม่ชอบให้นางเข้าใกล้ ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ เหตุใดต้องสร้างปัญหาด้วย?
แน่นอนว่าไป๋หลิวอี้บนเตียงลืมตาขึ้น แล้วจ้องมองติงเซียงด้วยสายตาเย็นชา
ติงเซียงยังคงถือเสื้อผ้าอยู่ในมือ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางค่อย ๆ แข็งทื่อ เพราะการจ้องมองของเขา “คุณชายใหญ่…”
“เจ้าออกไป” ไป๋หลิวอี้หลับตาลงอีกครั้ง
อาเวินไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินคำตอบเช่นนี้จากคุณชายใหญ่ เขาเบ้ปากด้วยความเย้ยหยัน และกำลังจะก้าวไปรับเสื้อผ้าจากมือของติงเซียง เรื่องแบบนี้มักเป็นหน้าที่ของเขา
คาดไม่ถึงว่าครู่ต่อมา ไป๋หลิวอี้จะสั่งด้วยเสียงที่เบาลงว่า “ให้อวี้ซีเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไป๋หลิวอี้ไปโดนอะไรมา มาตอนนี้คือบาดเจ็บแล้ว
เนี่ยนเนี่ยนจะเข้าไปรักษาหรือเข้าไปซ้ำเติมดี
ไหหม่า(海馬)