อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 132 นางทำเกินหน้าที่ไปหรือไม่
ตอนพิเศษ 132 นางทำเกินหน้าที่ไปหรือไม่
ตอนพิเศษ 132 นางทำเกินหน้าที่ไปหรือไม่
มือของอาเวินที่กำลังจะยื่นออกไปหยุดกึก ก่อนจะหันกลับมามองไป๋หลิวอี้ด้วยความไม่เชื่อ
คุณชายใหญ่เพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ให้สาวใช้คนใหม่เข้ามา… เปลี่ยนชุดให้งั้นหรือ?
อาเวินรู้สึกเหมือนว่ากำลังเห็นภาพหลอน คุณชายใหญ่ชอบทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่นแต่งตัวและซักผ้าด้วยตัวเองเสมอ หากว่าไม่สะดวกจริง ๆ ก็จะสั่งให้เขาทำ แม้แต่ติงเซียงที่อยู่กับคุณชายใหญ่มาหลายปี ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณชายใหญ่ด้วยตัวเองเลย
ตอนนี้สาวใช้ที่เพิ่งมาถึง…
ใบหน้าของติงเซียงแข็งทื่อขึ้นกว่าเดิม มือที่สั่นเทาเพราะได้โอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไป๋หลิวอี้ บัดนี้กำแน่น
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายใหญ่ เรื่องอาการบาดเจ็บของท่านต้องเก็บเป็นความลับ แต่นายท่านรองเป็นผู้ส่งอวี้ซีมา และวันนี้เป็นวันแรกที่นางเข้ามาในสวนจิ่นเฟิง แม้ว่าคุณชายใหญ่จะแต่งตั้งให้นางรับใช้อยู่เคียงข้างก็ตาม แต่ก็ยังไม่คุ้นเคยดี จะไม่… ระวังตัวสักหน่อยหรือเจ้าคะ?”
นางไม่ต้องการให้อวี้ซีมาเลย นางจึงรู้สึกโล่งใจที่นางไม่เห็นอวี้ซีขณะเข้าออก และถึงกับบอกหญิงชราที่เฝ้าสวนให้คอยขวางไว้ หากเห็นอวี้ซีกลับมา
“ตอนนี้เจ้ามีสิทธิ์ตัดสินใจแทนข้าด้วยหรือ?” เสียงเย็นชาของไป๋หลิวอี้ดังขึ้นทันที
ใบหน้าของติงเซียงซีดเผือด นางคุกเข่าลงบนพื้นทันที “บ่าวไม่กล้า บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเรียกอวี้ซีเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
นางไม่ลืมว่าแม้คุณชายใหญ่จะดูไม่เป็นอันตราย แต่วิธีการของเขาไม่ได้อ่อนโยนเลย
นางรีบวางเสื้อผ้าในมือไว้บนเก้าอี้ข้าง ๆ ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นจากพื้น แล้วรีบวิ่งออกไป
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่นางมาถึงประตู นางก็เกือบจะชนเข้ากับคนที่เดินเข้ามาอย่างจัง
ติงเซียงมองใกล้ขึ้น และเห็นว่าเป็นอวี้ซีที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น
ไฟในใจของนางก็ลุกโชนขึ้นทันใด แต่เมื่อคิดถึงไป๋หลิวอี้ในห้อง นางก็ยังพยายามระงับมันไว้อย่างสุดกำลัง
รอยยิ้มชวนอึดอัดใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง “อวี้ซี เจ้าหายไปไหนมา? รีบเข้าไปรับใช้คุณชายใหญ่เสีย”
นางอยากจะผลักนางแต่ก็ไม่กล้าเข้าไป จึงก้มตัวถอยออกมา
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากและก้าวเข้าไป นางได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากข้างนอก เมื่อรู้ว่าเขาบาดเจ็บจริง นางก็พยายามอดทนไว้ แต่ขาของนางก็ยังขยับมาทางนี้โดยไม่รู้ตัว
เมื่ออาเวินเห็นนาง เขาก็ลังเลใจ
ความจริงเขายังคงเห็นด้วยกับสิ่งที่ติงเซียงพูด อวี้ซีเพิ่งมา เขาจึงไม่สามารถไว้วางใจนางได้เต็มที่
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณชายใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เหตุใดเขาถึงปฏิบัติกับอวี้ซี หญิงคนนี้… แบบแตกต่างออกไปเล็กน้อย
“มาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า” ไป๋หลิวอี้ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเช่นกัน แล้วชำเลืองมองไปทางเนี่ยนเนี่ยน
สายตาเขาอ่อนโยนลง นางมาเร็วเสียจริง คงแอบฟังอยู่ข้างนอกใช่หรือไม่?
อืม นางยังคงห่วงใยเขา
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ?
นางชำเลืองมองเขา และเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือดสีแดงเต็มไปหมดจริง ๆ
รอยเลือดใหญ่เช่นนี้… เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว เขาได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลย
นางอดคิดมากไม่ได้ เมื่อนางได้สติ นางก็นั่งอยู่บนขอบเตียงแล้ว มือข้างหนึ่งจับชีพจรของเขาอยู่
ไป๋หลิวอี้หัวเราะ ส่วนอาเวินเบิกเบิกกว้าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถามขึ้นว่า “แม่นางอวี้ซี เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้าจับชีพจรเป็นด้วยหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนเอามือออกทันใด ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้วมองอาเวิน
“นั่นสินะ” เนี่ยนเนี่ยนกระแอมเบา ๆ พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าเคยเรียนจับชีพจรมาก่อนเล็กน้อย และเคยมีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วย”
“ใช่แล้ว ช่วงนี้ข้าต้องพักฟื้นอยู่ในห้อง เจ้าจะได้คอยดูแลทุกอย่างให้ได้” ไป๋หลิวอี้รีบพูดทันที “อาเวิน เจ้าออกไปเถอะ”
“…” เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกราวกับว่านางแกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียแล้ว นางมีภารกิจสำคัญต้องทำ เหตุใดนางต้องดูแลเขาด้วย?
แม้ว่าอาเวินจะสงสัยอยู่ในใจ แต่เขาก็ยังเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย และถอยกลับออกไปด้วยความเคารพ
ชั่วพริบตาก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนในห้อง เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกอายมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ? มันไม่ดีไม่ใช่หรือ?
“เสื้อผ้าสะอาดอยู่ตรงนั้น” ไป๋หลิวอี้บุ้ยปากไปทางเสื้อผ้าบนเก้าอี้
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากด้วยความไม่พอใจมาก
ไป๋หลิวอี้คงเหนื่อยมาก หลังจากพูดจบ เขาก็พิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรง หลับตานิ่งไม่ขยับเขยื้อน
สายตาของเนี่ยนเนี่ยนกวาดมองไปทั่ว เมื่อเห็นริมฝีปากสีเขียวคล้ำ และใบหน้าซีดเผือดของเขา สิ่งที่หงหยาเล่าให้นางฟังก็พลันแวบเข้ามาในความคิดนาง และนึกถึงความทุกข์ทรมานที่เขาเคยได้รับ
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าถ้าเขาถูกทรมานแบบนั้นตอนเด็ก ร่างกายของเขาย่อมไม่ค่อยแข็งแรงแน่นอน ตอนนี้เขาบาดเจ็บ อาการจะไม่ยิ่งแย่ลงหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาตายตั้งแต่ยังเด็ก?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกัดริมฝีปากพูดว่า “รอข้าสักครู่”
หลังจากนางพูดจบ นางก็หันหลังวิ่งจากไป
ไป๋หลิวอี้ลืมตาขึ้นมองแผ่นหลังของนางด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มจาง
เขาคิดว่าเนี่ยนเนี่ยนน่าจะต้องเตรียมใจอยู่นาน ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เนี่ยนเนี่ยนก็วิ่งกลับมาพร้อมถุงยาในมือ
เมื่อเห็นผ้าพันแผลแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยเสียงเย็นว่า “นี่ฝีมือหมอหรือ?”
นางไม่พอใจมาก จึงบ่นพึมพำขณะแกะผ้าพันแผลของเขาออก จากนั้นหยิบขวดยาออกมาจากถุงยา ก่อนจะเทผงยาทั้งหมดลงไปบนบาดแผลของเขา แล้วค่อย ๆ พันผ้าพันแผลกลับเข้าไปใหม่
ไป๋หลิวอี้มองศีรษะของนางด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขาอ่อนโยนจนแทบเป็นประกาย ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้น ไม่นานเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้เรียนรู้ทักษะแพทย์มามากกว่าแค่พื้นฐาน”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากแน่น ก่อนหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าโดยไม่พูดอะไร แล้วเทยาสองเม็ดออกมายัดเข้าไปในปากของเขา
“ก็แค่บาดแผลจากคมมีด แม้จะเคยเรียนรู้มาบ้างเพียงเล็กน้อย ก็ยังมีประโยชน์”
“อืม เข้าท่าดี” ไป๋หลิวอี้หลับตาลง ทันทีที่เขากินยา เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก ตอนนี้ร่างกายเขายังอ่อนแอ แต่จิตใจของเขากลับเบิกบานขึ้นมาก
เขาหัวเราะ “ดูเหมือนว่าที่ข้าตัดสินใจรับเจ้าเป็นสาวใช้นั้นถูกต้องจริง ๆ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” เนี่ยนเนี่ยนมองเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของเขา และเริ่มกังวลว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไร
ไป๋หลิวอี้ชอบเห็นนางสับสนและเขินอาย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วพูดว่า “อ่านหนังสือออก เล่นกู่ฉินเป็น และมีทักษะทางการแพทย์ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้ายังมีความสามารถอะไรอีกบ้างที่ข้ายังไม่เคยรู้มาก่อน”
เนี่ยนเนี่ยนตกใจทันที จู่ ๆ นางก็กลับมารู้สึกตัว แย่แล้ว นางทำเกินหน้าที่ไปหรือเปล่า นางจะเปิดเผยตัวตนของตัวเองหรือไม่?
ไม่น่าจะใช่ ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าพวกนางมาอาณาจักรเทียนอวี่ แต่ไม่ได้บอกจวนซูกั๋วกง ดังนั้น… ไป๋หลิวอี้คงไม่ฉลาดพอที่จะเชื่อมโยงนางกับเนี่ยนเนี่ยน ซึ่งเป็นคนจากตำหนักอ๋องซิว
“… มันเป็นแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น” เนี่ยนเนี่ยนทำได้เพียงกัดฟันเปลี่ยนเรื่องทันที “ว่าแต่ การสอบไป่กวนคืออะไรหรือเจ้าคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เผลอใจแล้วไหมนะเนี่ยนเนี่ยน จุดประสงค์ที่มานี่คืออะไรคะ
ไหหม่า(海馬)