อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 142 กังวลในเรื่องของอวี้ซี
ตอนพิเศษ 142 กังวลในเรื่องของอวี้ซี
ตอนพิเศษ 142 กังวลในเรื่องของอวี้ซี
ไป๋หลิวเจวี๋ยตกตะลึง แล้วถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านพ่อ ท่านว่าอย่างไรนะขอรับ?”
“สาวใช้คนนั้นชื่ออวี้ซีใช่หรือไม่?” ไป๋ชูเฟิงขมวดคิ้วขณะหันไปถามเขา
อวี้ซีหรือ? ไป๋หลิวเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่นาน แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ ถึงมีหัวหน้าสาวใช้ที่อ่อนโยนและงดงามอยู่ในห้องของพี่ใหญ่ เมื่อฟังจากน้ำเสียงของพี่ใหญ่ ก็เห็นได้ว่าเขาดูจริงจังมาก และปฏิบัติต่อนางแตกต่างจากสาวใช้คนอื่น
ไป๋หลิวเจวี๋ยเป็นซื่อจื่อ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เขาย่อมไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ดีไปกว่าพ่อบ้านไป๋ ติงเซียง และคนอื่น ๆ
เมื่อเขาได้ยินคำถามของไป๋ชูเฟิง เขาก็มีสีหน้าลำบากใจมาก ขณะตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ได้ยินพี่ใหญ่เรียกนางเช่นนั้นขอรับ… นางน่าจะเพิ่งมาใหม่ ท่านพ่อ ประเดี๋ยวข้าจะไปถามมาให้นะขอรับ”
หลังจากที่เขาพูดจบ ก่อนที่ไป๋ชูเฟิงจะทันได้ตอบ เขาก็รีบเดินไปหาสาวใช้ที่กำลังเก็บกวาดอยู่ไม่ไกล
ไป๋ชูเฟิงขมวดคิ้ว สุดท้ายหลิวเจวี๋ยก็ไม่นิ่งและรอบคอบเท่าหลิวอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องสถานะ และหลิวเจวี๋ยไม่ได้ทำผิดพลาดร้ายแรง เขาคงอยากให้หลิวอี้เป็นซื่อจื่อของเขาจริง ๆ
เขาถูหว่างคิ้วแล้วแอบถอนหายใจ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสาวใช้ลึกลับในห้องของไป๋หลิวอี้ขึ้นมาอีก และรู้สึกกังวล
ครู่หนึ่งไป๋หลิวเจวี๋ยก็รีบกลับมาหาไป๋ชูเฟิง ด้วยรอยยิ้มประจบประแจงบนใบหน้า แล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าได้สอบถามเรื่องนี้แล้วขอรับ อวี้ซีผู้นี้เพิ่งมาเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่า… ท่านอารองจะเป็นคนส่งเขามาที่จวน ทันทีที่นางมาถึง นางก็ได้เป็นหัวหน้าสาวใช้ของพี่ใหญ่ ที่คอยดูแลเรื่องต่าง ๆ เคียงข้างพี่ใหญ่เป็นพิเศษ แย่งความสนใจไปจากติงเซียงทันที อืม… “
ไป๋ชูเฟิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาสิ จะลังเลอะไรเล่า?”
“ขอรับ” เมื่อต้องเผชิญกับความเย็นชาของพ่อ ไป๋หลิวเจวี๋ยก็รีบเล่าสิ่งที่เขาไปรู้มาทั้งหมด “ได้ยินมาว่าท่านอารองส่งอวี้ซีมาให้พี่ใหญ่ในฐานะนางบำเรอ เพื่อคอยรับใช้เขาอย่างดี สอนวิธีการเป็นผู้ใหญ่ให้พี่ใหญ่ และผ่อนคลาย … “
เขารู้สึกเสียดาย
ใบหน้าของไป๋ชูเฟิงมืดมนทันที “เหลวไหล เหลวไหลยิ่งนัก น้องรองทำเรื่องเช่นนี้ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ช่างบังอาจนัก”
ในสายตาของไป๋ชูเฟิง ไป๋อีเฟิงผู้อุทิศทั้งชีวิตให้กับการทำสุรา เป็นเพียงคุณชายนิสัยเสียและหัวดื้อ
เป็นไปได้มากที่เขาจะทำเรื่องเช่นนี้ ส่งสตรีไปหาหลานชายตัวเองก่อนวันสอบไป่กวน
เมื่อเห็นว่าเขากำลังโกรธ ไป๋หลิวเจวี๋ยก็ก้าวถอยหลังหนีทันที เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะ
แต่เขาไม่คิดมาก่อนจริง ๆ ว่าพี่ใหญ่ผู้เคร่งขรึมของเขาจะยอมรับสตรีที่ท่านอารองส่งมาให้ ในช่วงเวลาสำคัญอย่างการสอบไป่กวน
แปลกจริง พี่ใหญ่รักษาตัวไม่ให้แปดเปื้อนมาโดยตลอด แม้แต่สาวใช้ก็แทบไม่กล้าเข้าใกล้เขาไม่ใช่หรือ? แล้วอวี้ซีผู้นี้ มีเสน่ห์มากเสียจนทำให้พี่ใหญ่ทำลายอุดมการณ์ตัวเองได้อย่างไร?
ไป๋หลิวเจวี๋ยสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก ความคิดในใจของไป๋ชูเฟิงก็คล้ายกับเขา
อวี้ซีคนนี้เป็นตัวหายนะแน่นอน
เขาสะบัดแขนเสื้อเดินไปข้างหน้าทันที
ไป๋หลิวเจวี๋ยผงะไปครู่หนึ่ง แล้วรีบตามไป
ทว่าหลังจากเดินไปสักพัก เขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทางที่ท่านพ่อไป… คือเรือนของท่านย่า
“เจ้ากลับไปไตร่ตรองให้ดี เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า” ในที่สุดไป๋ชูเฟิงก็หยุดเดิน ก่อนจะหันไปพูดประชดประชันกับไป๋หลิวเจวี๋ย “รอจนกว่าการสอบไป่กวนจะจบลง ข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก กลับไปที่เรือนของตัวเองเดี๋ยวนี้ และอย่าก้าวออกมาหากไม่มีคำสั่งของพ่อ เข้าใจหรือไม่?”
ไป๋หลิวเจวี๋ยหดคอและรีบตอบว่า “เข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ”
หลังจากที่เขาพูดจบ ไป๋ชูเฟิงก็หันหลังเดินเข้าไปในโถงเล่อฝูที่แม่เฒ่าไป๋อาศัยอยู่
ไป๋หลิวเจวี๋ยเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นขมวดคิ้วจ้องมองแผ่นหลังของไป๋ชูเฟิง
ดูเหมือนท่านพ่อจะกังวลเรื่องอวี้ซีคนนั้นมาก… เขาควรไปเตือนพี่ใหญ่ของเขาหรือไม่?
เฮ้อ แต่พรุ่งนี้เป็นวันสอบไป่กวน หากไปบอกพี่ใหญ่ก็จะทำให้เขาเสียสมาธิหรือเปล่า? อีกทั้งเขายังบาดเจ็บเพราะตนด้วย…
ไป๋หลิวเจวี๋ยถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่เรือนของเขา
รอจนกว่าการสอบไป่กวนจะสิ้นสุดลงก่อนแล้วกัน
หลังจากที่ไป๋ชูเฟิงเข้าไปในโถงเล่อฝูแล้ว เขาก็โบกมือให้สาวใช้ทุกคนในห้องถอยออกไป
แม่เฒ่าไป๋ที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ยาว และพูดคุยกับแม่นมข้างกายตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นเล็กน้อย และถามเขาด้วยความแปลกใจว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรหรือ ดูใบหน้าเคร่งเครียดของเจ้าสิ”
ไป๋ชูเฟิงก้าวเข้าไปประคองนาง แล้วมองแม่นมอวี๋ที่อยู่ข้างด้านข้าง เมื่อหญิงชราถอยออกไปและปิดประตูแล้ว เขาก็พูดด้วยเสียงเบาว่า “ท่านแม่ น้องรองส่งสตรีไปที่เรือนของหลิวอี้หรือขอรับ?”
หญิงชราพยักหน้าด้วยสีหน้างุนงง “เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีหัวหน้าสาวใช้เพียงคนเดียวในเรือนของหลิวอี้ เป็นเรื่องปกติที่จะมีอีกคนหนึ่งในตอนนี้”
ไป๋ชูเฟิงขมวดคิ้ว หญิงชราเห็นดังนั้นก็ยิ่งประหลาดใจ “สาวใช้คนนั้นทำอะไร? แม้ว่าปกติน้องรองจะดูไม่ค่อยประณีต แต่การทำงานของเขาก็ยังไว้ใจได้ และเขาก็ใจดีกับหลิวอี้มาโดยตลอด หญิงรับใช้คนนั้นจะไม่ทำร้ายหลิวอี้แน่นอน เจ้าไม่ควรรังเกียจเขาที่มอบสาวใช้ให้ลูกชายของเจ้า เพียงเพราะเจ้ามีอคติต่อน้องรอง”
“ท่านแม่” แม่เฒ่าไป๋รักไป๋อีเฟิงเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยถูกต้องนัก เมื่อเห็นท่าทางของนาง ไป๋ชูเฟิงก็รีบอธิบาย “แน่นอนว่าลูกไม่ได้สงสัยน้องรอง แต่สาวใช้คนนั้น ลูกเพิ่งได้เจอ นางช่าง…”
“เป็นอย่างไร??”
“เฮ้อ…” ไป๋ชูเฟิงถอนหายใจ “ท่านแม่ ท่านก็รู้ว่าหลิวอี้เป็นคนไม่แปดเปื้อนมลทิน และเคารพตนเองเสมอ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีแม้แต่นางบำเรอ แถมยังรักษาระยะห่างจากสาวใช้ที่อยู่รอบกายมาโดยตลอด เมื่อก่อนเรายังเคยสงสัยกันว่าที่เขาไม่สนใจสตรีนั้นเป็นเพราะนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันหรือไม่… โชคดีที่เขาไม่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม เขาทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ และมีแรงบันดาลใจมาก ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจ แต่ตอนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าเขามีความคิดบางอย่างกับสาวใช้”
หญิงชราตกตะลึง จากนั้นประกายแห่งความปีติก็ฉายบนใบหน้าของนาง “แล้วไม่ดีหรือ? เขาไม่เด็กแล้ว และเขาก็สนใจสตรีด้วย ไม่ได้ทำให้เราอุ่นใจกว่าเดิมหรือ? เรื่องนี้เจ้าต้องขอบคุณน้องรองนะ”
“ท่านแม่ ที่ว่าเขาสนใจสตรี ข้าไม่มีคำพูดใด ๆ ทว่าเมื่อข้าเจอสาวใช้คนนั้นในวันนี้ พฤติกรรมของนางดูผิดปกติจริง ๆ นางถึงกับ…วิ่งไปตรงหน้าหลิวอี้ โดยสวมชุดคนรับใช้ชาย เห็นได้ชัดว่า…เป็นการชักนำหลิวอี้ไปในทางที่ไม่ดี จะปล่อยไปได้อย่างไรขอรับ? ท่านแม่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งด้วย ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับ?”
“เรื่องอะไร?” เมื่อได้ยินว่าสาวใช้ที่สวมชุดคนรับใช้ชายวิ่งไปหาเจ้านาย แม่เฒ่าก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
“หลิวอี้ได้ส่งจดหมายขอแต่งงาน ไปให้ท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชางแล้วด้วย เขากำลังจะแต่งงานกับเนี่ยนเนี่ยนในอนาคต”
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีเรื่องใดให้ต้องกังวลเล่า ในเมื่อสาวใช้คนนี้คือจวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักอ๋องซิว
ไหหม่า(海馬)