อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 143 จะทำอย่างไรดี ต้องหนีหรือไม่
ตอนพิเศษ 143 จะทำอย่างไรดี? ต้องหนีหรือไม่?
ตอนพิเศษ 143 จะทำอย่างไรดี? ต้องหนีหรือไม่?
เปลือกตาของแม่เฒ่าไป๋กระตุก นางตบหน้าผากตัวเอง แล้วลอบถอนหายใจ “แม่แก่และสับสนจริง ๆ”
“ท่านแม่” ไป๋ชูเฟิงนั่งข้างแม่เฒ่า และพูดเสียงเบาว่า “ลูกไม่รังเกียจที่หลิวอี้จะมองหานางบำเรอ แต่อย่างไรเสียครั้งนี้ก็ไม่ควร เราเพิ่งส่งจดหมายขอเป็นดองกับอาณาจักรเฟิงชางไป หากเรากลับคำและรับนางบำเรอให้หลิวอี้ แล้วท่านอ๋องซิวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? หากชิงลั่วรู้เรื่องนี้เข้า ก็เป็นไปได้ที่เอาดาบมาสับหลิวอี้ถึงที่นี่แน่ขอรับ”
เมื่อนึกถึงนิสัยของอวี้ชิงลั่ว แม่เฒ่าก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผลมาก แล้วจะทำอย่างไร? ขายสาวใช้คนนั้นหรือ?”
“สุดท้ายน้องรองก็เป็นคนพามาให้ ดูท่าทางของหลิวอี้ตอนนี้แล้ว เขาน่าจะชอบสตรีคนนั้นมาก หากขายนางไปเลย ข้าก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต ซึ่งไม่ดีแน่ขอรับ”
“แล้วเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี?” แม่เฒ่าปวดหัว นางควรพิจารณาให้ดี ตั้งแต่ตอนที่ไป๋อีเฟิงพานางมาที่นี่
คนผู้นั้นไปกระตุ้นหัวใจของหลิวอี้ผู้บำเพ็ญตบะมาโดยตลอดได้อย่างไร?
ไป๋ชูเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ท่านแม่ ข้าคิดว่าไม่เช่นนั้น ท่านก็พาสตรีผู้นั้นมาอยู่เคียงข้างท่าน สอนกฎระเบียบให้นาง และเตือนนางเล็กน้อยด้วย เพราะเกรงว่าหากเนี่ยนเนี่ยนแต่งเข้ามาแล้ว นางอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าทำให้บางคนขุ่นเคืองเพราะความเย่อหยิ่ง รอจนกว่าเนี่ยนเนี่ยนจะเข้ามา และถ้านางตกลง ก็ให้หญิงคนนั้นกลับไปอยู่เคียงข้างหลิวอี้ได้ขอรับ
แม่เฒ่าขมวดคิ้ว นางกังวลมากกว่านั้น
นางยังคงรู้จักนิสัยของอวี้ชิงลั่วเป็นอย่างดี เนี่ยนเนี่ยนเป็นธิดาคนเดียวของนาง หากนางมีนิสัยแบบเดียวกับอวี้ชิงลั่ว นางคงไม่ปล่อยให้หลิวอี้รับนางบำเรอโดยไม่มีเหตุผล
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเดียว ย้ายหญิงคนนั้นให้มาอยู่เคียงข้างนาง คุยกับนางดี ๆ และจะดีที่สุดหากทำให้นางเลือกกลับไปด้วยตัวเองได้
ถ้าสมเหตุสมผล แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี
หากไม่สมเหตุสมผล ระหว่างเนี่ยนเนี่ยนกับนาง นางย่อมเลือกเข้าข้างเนี่ยนเนี่ยน
“เช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านแม่เรื่องนี้ด้วยขอรับ” ไป๋ชูเฟิงลุกขึ้นยืน “ลูกยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นขอตัวก่อนขอรับ”
“เอาล่ะ เจ้าไปทำงานเถิด” แม่เฒ่ายกมือขึ้น แล้วไป๋ชูเฟิงก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน แม่นมอวี๋ก็ผลักประตูเข้ามาเงียบ ๆ เมื่อเห็นแม่เฒ่าหลับตาอิงเก้าอี้ยาวอยู่ นางก็รีบไปด้านข้างและนวดขมับให้
“อาเสียน”
“เจ้าคะ นายหญิงผู้เฒ่า” แม่นมอวี๋ตอบด้วยเสียงเบา แต่แรงจากมือของนางไม่ได้ลดลง
แม่เฒ่าไป๋โบกมือให้นางนั่งลง ยืดตัวขึ้นช้า ๆ แล้วพูดกับนางว่า “พรุ่งนี้เจ้าไปที่สวนจิ่นเฟิง แล้วพาหญิงคนนั้นที่ชื่อ… อวี้ซีมา และให้นางอยู่เคียงข้างข้า”
แม่นมอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็รีบตอบรับอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ”
แม่เฒ่าไป๋โบกมือ และบอกให้นางนวดขมับต่อ
ทว่า…
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่นมอวี๋ไปสวนจิ่นเฟิงและกลับมา สีหน้าของนางจริงจังขึ้นกว่าเดิม
นางโน้มตัวไปข้างหูของแม่เฒ่าไป๋ และกระซิบว่า “คุณชายใหญ่พาแม่นางอวี้ซีคนนั้นเข้าวังหลวงเพื่อสอบไป่กวนเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?” แม่เฒ่าไป๋กำลังรับประทานอาหารเช้า เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางก็ปล่อยช้อนในมือทันที สีหน้าของนางบึ้งตึงเล็กน้อย
แม่นมอวี๋รีบโบกมือเพื่อให้คนอื่น ๆ ในห้องออกไป จากนั้นพูดเสียงเบาว่า “บ่าวไปสอบถามเรื่องนี้มาเจ้าค่ะ แม่นางอวี้ซีติดตามไปโดยแต่งตัวเป็นคนรับใช้ชาย นายน้อยพานางไปคนเดียว ไม่ได้พาอาเวินกับอาหลู่ไปด้วยด้วยซ้ำเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของแม่เฒ่าไป๋มืดมน นางเม้มปากแน่นและบ่นว่า “ดูเหมือนว่าหลิวอี้จะหลงใหลนางจริง ๆ เรื่องสำคัญเช่นนี้เขายังพาสาวใช้ไปด้วยอีก”
แม่นมอวี๋ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร
“เจ้าให้คนไปเฝ้าในสวนจิ่นเฟิง เมื่อสาวใช้คนนั้นกลับมา ให้คนพานางมาหาข้า”
“เจ้าค่ะ” แม่นมอวี๋เม้มปาก นึกถึงท่าทางรังเกียจของติงเซียงที่มีต่ออวี้ซี ตอนที่นางไปสวนจิ่นเฟิงเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าชีวิตในอนาคตของอวี้ซีจะไม่ง่ายเลย
นางเป็นคนที่ไม่รู้จักความสำคัญ สาวใช้จะหยิ่งยโสถึงเพียงนั้นได้อย่างไร? นางไม่ใช่คุณหนูตระกูลใหญ่ แต่กลับถือว่าตัวเองเป็นเจ้านายจริงหรือ?
ตั้งแต่ออกจากจวนมา เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกคันจมูกตลอด นางรู้สึกอยากจะจาม แต่ทำไม่ได้ ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังคิดถึงนางอยู่เสมอ
“เจ้าดูแย่ ไม่สบายใจหรือ?” ไป๋หลิวอี้ที่หลับตาพิงผนังรถม้าเพื่อพักผ่อน อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจของนาง
เนี่ยนเนี่ยนหายใจออกช้า ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไร แค่ไม่ชินกับการใส่ชุดเช่นนี้เจ้าค่ะ” โดยเฉพาะการรัดหน้าอกด้วยผ้าที่ทำให้นางอึดอัด
ไป๋หลิวอี้จ้องมองหน้าอกแบนราบของนาง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขารีบหันหน้าหนีและกระแอมเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่สบายใจจริง ๆ ก็กลับจวนไปก่อน ข้าไปคนเดียวได้ไม่มีปัญหา”
“ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยว ท่านได้รับบาดเจ็บ” เนี่ยนเนี่ยนยืดหลังให้ตรง “ข้าไม่สน อย่างไรเสีย วันคืนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว”
“…” ไป๋หลิวอี้ก็อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้พูด ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากนอกรถม้า ก่อนที่รถม้าจะหยุดลง
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วมองหน้าไป๋หลิวอี้ จากนั้นได้ยินเสียงสั่นเครือของคนขับรถม้าข้างนอก “คุณ คุณชายขอรับ… มีคนขวางทางเรา”
เนี่ยนเนี่ยนเปิดม่านรถม้าทันที และเห็นชายชุดดำสามสี่คนถือดาบยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
สถานที่นี้ค่อนข้างเปลี่ยวและยังเป็นเวลาเช้าอยู่ จึงไม่มีใครอยู่ใกล้เคียง จึงเหมาะสำหรับการดักซุ่มโจมตี
สีหน้าของนางบูดบึ้ง นางหันไปถามไป๋หลิวอี้ “ศัตรูของท่านหรือ?”
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม “ก็ไม่เชิง แต่วันนี้น่าจะมีหลายคนในราชสำนักที่หวังว่าข้าจะสอบไป่กวนไม่ผ่าน จึงมีการขัดขวางเกิดขึ้น ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะต้องการฆ่าข้าหรอก แค่ต้องการทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส”
อันที่จริงช่วงนี้เขาถูกไล่ล่าสังหารหนักกว่าครั้งนี้อีก แต่เขาก็หลีกเลี่ยงมาได้ทุกครั้ง
เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อสองวันก่อน แม้ว่าเขาจะเข้าไปขวางเพื่อไป๋หลิวเจวี๋ย แต่เขารู้อยู่ในใจว่าคนผู้นั้นน่าจะพุ่งเป้ามาที่เขามากกว่า
ตอนนี้การลอบสังหารหลายครั้ง ไม่ทำให้เขาได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย วันนี้เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาแล้ว
“ควรทำอย่างไรดีอวี้ซี? เราอาจถึงวาระในวันนี้” เขามองนางด้วยรอยยิ้ม แม่สาวน้อยปกปิดตัวตนและความแข็งแกร่งของตัวเอง นางจะปกป้องเขาตอนนี้หรือไม่?
เนี่ยนเนี่ยนสบถเบา ๆ เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เขาจะถูกดักสังหารในเวลานี้หรือ? จวนซูกั๋วกงไม่ส่งองครักษ์สักคู่หนึ่งมาคุ้มกันเขาบ้างเลยหรือ? นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
จะทำอย่างไรดี? ต้องหนีหรือไม่?
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จวนนี้เป็นอะไรนะ ไม่ส่งใครมาคุ้มกันคุณชายใหญ่ของบ้านเลยเหรอ
เนี่ยนเนี่ยนแสดงฝีมือหน่อยซิ
ไหหม่า(海馬)