อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 144 หน้าแดง
ตอนพิเศษ 144 หน้าแดง
ตอนพิเศษ 144 หน้าแดง
โดยไม่มีเวลาให้คิดมาก ชายชุดดำถือดาบกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้ว
คนขับรถม้าตกใจมากจนกลิ้งออกจากรถม้า ส่วนสีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนเปลี่ยนไป ในมือนางมีเข็มเงินพิเศษสองเล่มอยู่
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านบนของรถม้า วินาทีต่อมา ร่างหนึ่งในชุดสีน้ำเงินก็ทะยานลงมาจากท้องฟ้าและมายืนอยู่ตรงหน้าเนี่ยนเนี่ยน ก่อนเหวี่ยงดาบสองครั้งไปที่ชายในชุดดำ แล้วหยิบดาบกลับมาในมือ
เนี่ยนเนี่ยนกะพริบตา จากนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกาย นางคลี่ยิ้มขณะมองไปยังหญิงคนนั้นที่กำลังโบกสะบัดดาบป้องกันลูกธนูท่ามกลางชายชุดดำหลายคน
เป็นเหวินหย่านั่นเอง คาดไม่ถึงเลยว่านางจะปรากฏตัวในเวลานี้ ช่างมาได้ถูกเวลาจริง ๆ
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เนื่องจากมีเหวินหย่า จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว
นางหดศีรษะเข้ามา ก่อนจะลดม่านรถม้าลงด้วยท่าทางตื่นตระหนก นั่งตรงข้ามไป๋หลิวอี้และลูบอกตัวเอง “ไม่มีอันตราย ไม่มีอันตรายแล้ว คุณชายใหญ่ ปรากฏว่าท่านมีองครักษ์ เหตุใดท่านไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ ทำให้ข้ากังวลมากเจ้าค่ะ”
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้วมองนาง เมื่อครู่นี้เขามองเห็นได้ชัดเจนแล้ว ผู้หญิงที่โผล่มาจากไหนไม่รู้สบตากับนางชั่วครู่
คาดไม่ถึงว่ามีจอมยุทธ์อยู่เคียงข้างเนี่ยนเนี่ยนด้วย
โชคดีที่นางยังแสร้งทำเป็นกลัวและแสร้งทำเป็นไม่รู้
เขายิ้มโดยไม่ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใด ๆ แล้วกระซิบว่า “นั่นไม่ใช่องครักษ์ของข้าหรอก ข้าก็ไม่รู้ว่านางมาจากไหน”
“ไม่ใช่องครักษ์ของท่านหรือ?” เนี่ยนเนี่ยน ‘ประหลาดใจ’ “แล้วเหตุใดถึงมาช่วยเรา?”
“บางที… อาจมีคนแอบจัดมาให้ก็ได้” ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม “บางทีอาจจะเป็นพ่อของข้า บางทีอาจจะเป็นไท่จื่อก็ได้ บางทีอาจจะเป็นลู่อวี่ที่เป็นคนทำ บางที… คนที่ห่วงใยข้าอาจจะจัดให้ก็ได้”
คนที่ห่วงใย มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นที่นิยมมาก”
“จริงหรือ?” ไป๋หลิวอี้มองนางพยายามปกปิดสีหน้าตัวเอง หัวใจของเขาอ่อนโยนลงมาก เขาอยากจะเอามือลูบหัวนางจริง ๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เขาก็ต้องพยายามอดทนไว้
เสียงต่อสู้นอกรถม้าหยุดลงในไม่ช้า แล้วเนี่ยนเนี่ยนก็เปิดม่านมองออกไปอีกครั้ง
แน่นอนว่าชายชุดดำเหล่านั้นถูกเหวินหย่าเก็บกวาดจนเรียบ
เหวินหย่ายืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มให้นางเล็กน้อย ก่อนจะเคาะเท้าทะยานหายไปอีกครั้ง
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก หันหน้าไปมองคนขับรถม้าที่กำลังตื่นตระหนกและนั่งอยู่บนพื้น แล้วพูดว่า “ไปกันเร็ว ๆ ไม่งั้นเราจะสาย”
คนขับรถม้าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ตั้งสติได้ เขารีบลุกขึ้นจากพื้น ผงกศีรษะ แล้วกระโดดขึ้นไปบนเพลารถม้าอย่างรวดเร็ว ดึงบังเหียน แล้วรถม้าก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจ กลับไปนั่งที่แล้วถามไป๋หลิวอี้ “เรายังจะเจอการดักสังหารอีกหรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าและเตรียมพร้อมของนาง ไป๋หลิวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขานุ่มอ่อนหวานมาก “อย่ากังวล มีถนนใหญ่อยู่ข้างหลัง เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ไม่ต้องห่วงหรอก”
“โอ้” นางไม่ได้ห่วง นางไม่ได้ห่วง นางแค่ตื่นเต้นเข้าใจหรือไม่?
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากแล้วนั่งลง
รถม้ามาถึงประตูวังหลวงอย่างรวดเร็ว เนี่ยนเนี่ยนกระโดดออกจากรถม้าก่อน จากนั้นยื่นมือออกไปรับไป๋หลิวอี้ที่เดินลงมาช้าๆ
ที่ประตูวังหลวง ขันทีทำความเคารพไป๋หลิวอี้ “คุณชายไป๋ โปรดมาทางนี้ขอรับ”
เนี่ยนเนี่ยนประคองไป๋หลิวอี้ให้เดินเข้าไปข้างใน ไป๋หลิวอี้อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ทันใดนั้นก็เข้ามาใกล้หูของนาง แล้วกระซิบว่า “ถ้าเจ้าประคองข้าเช่นนี้ คนจะไม่เห็นว่าข้ามีอะไรผิดปกติหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกจั๊กจี้ที่หู เส้นขนที่ต้นคอลุกชันจากลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ใบหน้าของนางเริ่มร้อนผ่าวโดยไม่มีเหตุผลขณะจิตใจยุ่งเหยิง และรีบปล่อยมือทันที
“…” ไป๋หลิวอี้จ้องมองหน้าแดงของนางอย่างอารมณ์ดี
เนี่ยนเนี่ยนลอบสาปแช่งด้วยความโกรธ และอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาทันที “ข้าไม่รู้ว่าปกคิคนรับใช้ข้างกายท่านปฏิบัติต่อท่านอย่างไร ดังนั้นข้าแค่… คิดว่าจะดีกว่าที่จะประคองท่านไว้”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มอ่อน จ้องมองนางอย่างตั้งใจ
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก นางรีบก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย และทำท่าทางเชื้อเชิญ
ในที่สุดการเคลื่อนไหวของทั้งสองก็ทำให้ขันทีที่เดินนำหน้าหันกลับมา “คุณชายไป๋?”
“อ่า” ไป๋หลิวอี้หัวเราะเบา ๆ “ไม่มีอะไร ขันทีไปเถิด”
ขันทีพยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะมองเขามากขึ้น คุณชายไป๋คนนี้หล่อเหลาจริง ๆ ถ้าเขาผ่านการสอบไป่กวนในวันนี้ เขาจะมีอนาคตที่สดใส บางทีไท่จื่ออาจจะรับเขาไว้เป็นเขยเลยก็ได้
เมื่อขันทีคิดถึงเรื่องนี้ ทัศนคติของเขาที่มีต่อไป๋หลิวอี้ก็ยิ่งเคารพมากขึ้น
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่ารอยยิ้มของขันทีดูแปลก ๆ… อืม ใช่ ดูกะลิ้มกะเหลี่ย
ไป๋หลิวอี้ยังเดินอย่างมั่นคงตามหลังเขาไปช้า ๆ ดูไม่ออกเลยว่าเขาเพิ่งจะนอนอยู่บนเตียงเมื่อสองวันก่อน เพราะได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมาก
ทั้งสามเดินเข้าไปในวังหลวงอย่างรวดเร็ว มีขันทีคนหนึ่งที่ดูสง่างามและแต่งตัวดีมากกว่าคนอื่นยืนรออยู่ เมื่อเขาเห็นไป๋หลิวอี้ เขาก็เปิดประตูวังหลวงและเชิญเขาเข้าไปทันที
ขันทีคนเดิมก็ถอยออกไป
เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้ามองเพียงปราดเดียวก็พบว่าวังหลวงแห่งนี้งดงามและอลังการกว่าวังหลวงของอาณาจักรเฟิงชาง
พี่ใหญ่เคยเล่าว่ามีความแตกต่างมากมาย ระหว่างวังหลวงของอาณาจักรเทียนอวี่และของอาณาจักรเฟิงชาง อาณาจักรเทียนอวี่มีอายุมากกว่า เนื่องจากวังหลวงได้รับการซ่อมแซมหลายครั้ง จึงทำให้โครงสร้างบางอย่างซับซ้อนกว่า
ไป๋หลิวอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ จากนั้นรับชาที่ขันทีนำมาให้ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เนี่ยนเนี่ยน
เมื่อเห็นว่านางมองเสร็จแล้ว เขาจึงกวักมือเรียกนางให้เข้ามาหา “เจ้าต้องการดื่มชาหรือไม่?”
คนรับใช้ในวังได้ยินมาว่าบุตรชายคนโตของตระกูลไป๋นั้นอ่อนโยน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนถึงเพียงนี้ไม่ใช่หรือ?
เนี่ยนเนี่ยนกระหายน้ำจริง ๆ แต่พวกเขายกชามาให้เพียงถ้วยเดียว และนางรู้สึกอายที่จะรับถ้วยในมือของไป๋หลิวอี้
โชคดีที่คนในวังฉลาดมาก และยกชาอีกถ้วยมาให้ทันที
เนี่ยนเนี่ยนจึงดื่มด้วยความสบายใจ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็วางแก้วลงและถามว่า “คุณชายใหญ่ การสอบไป่กวนจะเริ่มเมื่อใดหรือ?”
“น่าจะสักสองในสี่ชั่วยาม” ไป๋หลิวอี้หันไปมองนาฬิกาทรายข้าง ๆ แล้วตอบอย่างอดทน
ยังมีเวลาอีกสองในสี่ชั่วยาม เนี่ยนเนี่ยนลังเล ก่อนหยิบขวดสีน้ำตาลออกมาจากแขนเสื้อ และเทยาสองเม็ดออกมา “เช่นนั้นท่านกินนี่ก่อน”
“อืม” ไป๋หลิวอี้ไม่ลังเลเลย เขากินทุกอย่างที่ได้รับมาจากนาง และกลืนมันลงท้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเห็นท่าทางที่เรียบร้อยของเขา นางก็ทำหน้าไม่ถูก เหตุใดเขาถึงกินมันโดยไม่ถามอะไรเลย? ถ้าเป็นยาพิษล่ะ?
นางชักมือกลับด้วยท่าทางไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสความอบอุ่นจากปลายนิ้วของเขา
โชคดีที่มันไม่ได้ทำให้นางเขินอายนานนัก เพราะไม่นานก็มีเสียงพูดคุยดังขึ้นนอกห้องโถง
ฟังจากเสียงฝีเท้าแล้ว น่าจะมีคนเข้ามาสักสี่ห้าคน
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หวั่นไหวแล้วล่ะสิ จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ไหมหนอ
ไหหม่า(海馬)