อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 145 ไป๋หลิวอี้ชอบสตรีแบบใด
ตอนพิเศษ 145 ไป๋หลิวอี้ชอบสตรีแบบใด
ตอนพิเศษ 145 ไป๋หลิวอี้ชอบสตรีแบบใด
เสียงพูดคุยกันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เนี่ยนเนี่ยนจิบชาและวางถ้วยลง จากนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ โดยก้มหน้าลงเล็กน้อย
ประตูถูกผลักเปิดอย่างรวดเร็ว และมีคนสี่คนเดินเข้ามา
เสียงที่ลอยเข้ามาในหูฟังดูค่อนข้างคุ้นเคย ทำให้เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่คนเหล่านั้นเงียบ ๆ
วินาทีต่อมาที่รูม่านตาของนางก็หดลง นางรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง และเริ่มเดินไปอยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างแนบเนียน
นางเริ่มแอบร้องไห้อยู่ในใจ เหตุใดไม่มีใครบอกเลยว่าคนจากตระกูลจอมยุทธ์ผู้โด่งดังทั้งสี่จะมาด้วย?
นั่นคือพวกลู่อวี่ ครอบครัวของเขากับนางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลลู่อยู่แล้ว จึงไม่เป็นไรที่จะมาด้วย
แต่อีกสามครอบครัวที่ดูเหมือนว่าจะติดต่อกับท่านแม่ด้วย แต่ก็ไม่ได้สนิทเท่าตระกูลลู่ จะเป็นอย่างไรหากพวกเขาเปิดโปงนางในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้?
ต้องรีบซ่อน ต้องรีบซ่อน ต้องรีบซ่อน
เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าลง เกือบจะก้มจนตัวดูเตี้ยลงเล็กน้อย
โชคดีที่หลังจากคนเหล่านั้นเข้าประตูมา พวกเขาก็ทักทายไป๋หลิวอี้ สายตาของพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่คนรับใช้อย่างนาง
ทว่านางกำนัลที่นำชาและน้ำมาให้เมื่อครู่นี้กลับมองนางด้วยความสงสัย
ไป๋หลิวอี้ย่อมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเนี่ยนเนี่ยน เขาจิบชา เม้มปากและยกยิ้ม เขาพอใจมากที่นางมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงทุกคน
เขาหันหน้าไปตอบคำถามของหวงชิวผู่ “… ก็ดี ข้าเตรียมใจไว้แล้ว”
ถงเวยหลินหัวเราะเสียงดัง ตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “เจ้าช่างกล้าหาญนัก ถ้าข้าเป็นข้า ข้าคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ การสอบไป่กวนนี้ถูกคนในราชสำนักจำนวนมากจ้องมองอยู่ แค่คิดข้าก็ขนลุกแล้ว”
“พูดก็พูดไป ไม่ต้องขยับมือไม้ก็ได้” ลู่อวี่ปัดมือเขาออก และมองไป๋หลิวอี้ด้วยความเป็นห่วง
รอยยิ้มที่มุมปากของฝ่ายหลังยังคงไม่ลดลง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้ถือสา
ลู่อวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วจ้องมองถงเวยหลิน “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ว่ามือของเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน เจ้าเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ ส่วนหลิวอี้เป็นบัณฑิตที่ไม่มีแรงพอแม้แต่จะฆ่าไก่ หากถูกเจ้าทุบครั้งเดียวแล้วช้ำในขึ้นมาจะทำอย่างไร? เขายังต้องสอบไป่กวนอยู่นะ”
มุมปากของถงเวยหลินกระตุก แต่หลังจากฟังคำพูดของเขาแล้ว ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีก
เจี่ยงโม่เซิงที่เงียบมาตลอดขมวดคิ้ว และมองไปที่ไป๋หลิวอี้ “ข้าได้ยินมาว่ามีคนดักทำร้ายเจ้าระหว่างทางมาที่นี่ เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่เป็นไร ข้าได้รับการช่วยเหลือแล้ว” ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มและตอบอย่างเฉยเมย
“ใครมาช่วยไว้?” ถงเวยหลินสงสัย
ไป๋หลิวอี้ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้จักหญิงคนนั้น ดูเหมือนว่านางจะมีฝีมือดี ชายชุดดำพวกนั้นทุกคนพ่ายแพ้นาง”
“สตรีหรือ?” หวงชิวผู่วางถ้วยชาในมือลง แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “หญิงที่เจ้าไม่รู้จักมาช่วยเจ้าไว้งั้นหรือ? ฮ่าฮ่า ไม่ใช่หญิงที่ตกหลุมรักเจ้าใช่หรือไม่? หน้าตาเป็นอย่างไร? “
เนี่ยนเนี่ยนหงุดหงิด เจ้าน่ะสิตกหลุมรักไป๋หลิวอี้ ทั้งตระกูลเจ้าน่ะสิตกหลุมรักไป๋หลิวอี้
เหวินหย่ามาที่นี่เพื่อช่วยนาง ช่วยนาง เข้าใจหรือไม่? อย่าคิดไปเอง
นางกลอกตา จากนั้นได้ยินไป๋หลิวอี้ตอบว่า “ข้านั่งอยู่ในรถม้า แต่เห็นแค่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร”
มุมปากเนี่ยนเนี่ยนกระตุกเล็กน้อย อืม ไป๋หลิวอี้ยังคงทำตัวดีมาก อย่างน้อยสายตาเขาก็ไม่ไวพอ แล้วคนเหล่านี้ที่มานี่เป็นอย่างไร ใครจะไปรู้ว่าหญิงคนนั้นหน้าตาดีหรือไม่ เหตุใดพวกเขาไม่ถามว่าจอมยุทธ์ที่มีทักษะดีเช่นนี้มาจากไหน?
“คุณชายขอรับ ถึงเวลาสอบไป่กวนแล้วขอรับ” ทันใดนั้นเสียงของขันทีก็ดังมาจากประตู ด้วยท่าทางนอบน้อมอย่างยิ่ง “ฝ่าบาทรับสั่งให้พวกบ่าวมาเชิญพวกท่านไปที่ห้องโถงใหญ่ขอรับ”
“ได้เลย” ทุกคนยืนขึ้น แล้วเดินออกจากประตูวังหลวงทีละคน
ไป๋หลิวอี้ก้าวถอยหลัง หันหน้าไปมองเนี่ยนเนี่ยน
เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเขา ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มมุมปากเงียบ ๆ
เนี่ยนเนี่ยนหน้าแดง และก้มหน้าลงอีกครั้งทันที
ลู่อวี่หันกลับมาเห็นเนี่ยนเนี่ยนพอดี เขาตกตะลึงจนรูม่านตาหดลงเล็กน้อย มองไป๋หลิวอี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
แม้ว่าไป๋หลิวอี้จะยอมรับว่าเขาคิดอะไรกับแม่นางอวี้ซี แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะพานางเข้ามาในวังหลวง
เข้าวังหรือ? อวี้ซีกำลังจะทำอะไรในวังหลวง? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของนาง ในการเข้าไปในจวนซูกั๋วกงคือการเข้ามาในวังหลวง?
ลู่อวี่ขมวดคิ้วแน่น และหันไปมองไป๋หลิวอี้อย่างพินิจพิเคราะห์
ประตูวังหลวงปิดลงอีกครั้ง หลังจากที่เห็นพวกเขาทุกคนออกไปแล้ว ในที่สุดเนี่ยนเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นคนรับใช้ในวังที่อยู่ข้าง ๆ ก็เดินมาหานางเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “น้องชาย คุณชายไป๋ใจดีกับเจ้ามาก”
เนี่ยนเนี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนหันหน้าไปมองเขาด้วยสายตาแปลกใจ จากนั้นมุมปากของนางก็กระตุก และพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า “ก็ดี ก็ดี”
“น้องชาย ข้ามีเรื่องจะถามสักหน่อย” คนรับใช้ในวังมองไปรอบ ๆ ก่อนส่งแผ่นเงินให้นางเงียบ ๆ
“…” เข้าวังแล้วยังมีการแอบให้เงินอีกหรือ? นางเก็บเงินอย่างใจเย็นด้วยใบหน้าจริงจัง “พูดมาเลยขอรับ”
“ปกติคุณชายไป๋ชอบทำอะไร? ชอบกินอะไร? ชอบสีอะไร สนใจหนังสืออะไร และชอบสตรีแบบใด?” คนรับใช้ในวังถามหลายคำถามทีเดียว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแสดงถึงความคาดหวังและการเยินยอ
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยความแปลกใจ “เหตุใดท่านถึงถามเช่นนี้เล่าขอรับ?”
ถามเรื่องไป๋หลิวอี้ อยากจะทำอะไรกันแน่? เป็นไปได้หรือไม่ว่าศัตรูทางการเมืองของตระกูลไป๋กำลังต่อต้านเขา?
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนนึกถึงการโจมตีที่นางเผชิญระหว่างทาง สายตาของนางก็พลันเย็นชา
คนเหล่านี้ไร้ยางอายเกินไป อย่างน้อยตระกูลไป๋ก็กำลังจะเป็นดองกับตระกูลนางแล้ว และไป๋หลิวอี้ก็เป็นคู่หมั้นของนางด้วย จะถูกพวกเขารังแกเช่นนี้ได้อย่างไร
คนรับใช้ในวังไม่ได้สังเกตสีหน้าของเนี่ยนเนี่ยน แต่ก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาว่า “องค์หญิงสิบสามของเราผู้อ่านบทกวีและหนังสือมากมาย มีรูปโฉมดั่งนางสวรรค์ นิสัยใจคอและความสามารถล้วนเป็นอันดับหนึ่ง จากมุมมองของเรา การจับคู่กับคุณชายไป๋ช่างเป็นดั่งสวรรค์สร้าง เปรียบดั่งกิ่งทองใบหยก”
“…”เดี๋ยวก่อน เขากำลังพูดถึงอะไร? กิ่งทองใบหยกงั้นหรือ?
“น้องชาย” คนรับใช้ผู้นั้นสะกิดเนี่ยนเนี่ยน กะพริบตาแล้วลดเสียงลงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณชายไป๋ได้เป็นราชบุตรเขย ฮ่องเต้และทุกคนในราชวงศ์จะมองเขาต่างออกไป อนาคตจะไร้ขีดจำกัด น้องชายเอ๋ย เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าเองก็ย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วย”
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมอง ไป๋หลิวอี้ผู้นี้อันตรายเพียงใด? แม้แต่องค์หญิงในวังก็ยังตกหลุมรักเขา
แย่แล้ว แย่แล้ว แย่แล้ว หลิ่วยางยางในจวนซูกั๋วกงคนเดียวยังไม่พอ แต่ยังมีองค์หญิงสิบสามอีกคนหนึ่งโผล่มาอีก พวกเขาคิดว่านางตายไปแล้วหรือ?
เนี่ยนเนี่ยนหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก รู้สึกอึดอัด ไม่พอใจ กัดฟันแน่น และจู่ ๆ ก็อยากจะจับคนมามัดแล้วเฆี่ยนเสียเดี๋ยวนี้
เมื่อคนรับใช้ในวังเห็นว่านางใจลอยอยู่นานจึงเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นใบหน้าดุร้ายของนาง หัวใจเขาก็เต้นรัว
“เจ้า เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เนี่ยนเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ หันกลับมามองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ประสานมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอยากรู้เรื่องเหล่านี้หรือขอรับ? มา ข้าจะบอกท่านเอง จะบอกท่านทุกเรื่องเลย”
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไหน้ำส้มเนี่ยนเนี่ยนแตกซะแล้ว ยังไม่ทันจะวางยาพิษเขาเลยนะ
ไหหม่า(海馬)