อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 147 เจ้าระวังตัวให้ดี
ตอนพิเศษ 147 เจ้าระวังตัวให้ดี
ตอนพิเศษ 147 เจ้าระวังตัวให้ดี
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มมุมปาก ขณะร่างกายของเขาผ่อนคลายลง
เนี่ยนเนี่ยนช่วยนวดให้เขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นนางกำนัลก็เข้ามาพร้อมอาหารกลางวัน
ไป๋หลิวอี้กินไม่มากนัก เพราะเขาไม่ค่อยมีความอยากอาหาร เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ช่วงบ่ายยังต้องใช้เวลาอีกนาน หากท่านไม่กินอีกสักหน่อย ต่อไปก็อาจจะทนไม่ไหว มา อ้าปากกินเสีย”
ไป๋หลิวอี้ชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางที่ถือชาม มืออีกข้างตักข้าวกับผักด้วยช้อน และกำลังจะป้อนเข้าปากเขา
เนี่ยนเนี่ยนรู้ตัวทันทีว่านางทำสิ่งที่โง่เขลาอีกแล้ว นางหัวเราะแห้ง ๆ และกำลังจะวางช้อนในมือลง
แต่ไป๋หลิวอี้หัวเราะ ก่อนจะยื่นหน้าอ้าปากงับช้อนที่นางยื่นให้ แล้วกินมันเข้าไปในคำเดียว
เนี่ยนเนี่ยนรีบวางชามลงราวกับว่ามือของนางถูกน้ำร้อนลวก และก้มหน้ากินข้าวของตัวเองเงียบ ๆ
คาดไม่ถึงว่าไป๋หลิวอี้จะเริ่มรุก “เจ้าป้อนข้าหน่อยสิ เมื่อเช้าข้าจับพู่กันเขียนคำมากมาย ตอนนี้มือของข้าจึงสั่นจนจับตะเกียบไม่ได้แล้ว”
ข้อสอบไป่กวนหลายข้อให้ตอบด้วยวาจา แต่หลายข้อก็ต้องตอบลงบนกระดาษ ซึ่งเข้มงวดและรัดกุมกว่าการสอบประเภทอื่นมาก บางครั้งก็ต้องเขียนคำตอบจนแทบเต็มหน้ากระดาษ
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นแก่ความบาดเจ็บและการต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เช่นนั้นก็ป้อนข้าวเขาไปเถิด
และเขาเป็นเจ้านายของนาง สาวใช้ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายใช่หรือไม่
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนรู้สึกสบายใจขึ้น นางจึงหยิบชามและตะเกียบขึ้นมา และเริ่ม… ป้อนข้าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ก่อนหน้านี้ไป๋หลิวอี้ยังรู้สึกว่าตนไม่ค่อยมีความอยากอาหาร แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอาหารที่วังหลวงเตรียมให้นั้นอร่อยมาก จนเขาไม่สามารถหยุดกินได้
รอจนกว่าจะกินข้าวเสร็จ เขามีบางอย่างที่จะพูด
ในที่สุดเนี่ยนเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนผู้นี้ยังคงกระสับกระส่ายหลังจากกินข้าวเสร็จ เพียงแค่ป้อนข้าว เหตุใดเขาต้องจ้องมองนางถึงเพียงนี้ด้วย?
แม้ว่าจะรู้ว่านางหน้าตาดีมาก แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองนางอยู่ครู่ใหญ่
เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าลงและเริ่มกินข้าวเงียบ ๆ ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม ก่อนจะลุกเดินไปพักผ่อนที่เตียงด้านข้าง
ผ่านการสอบไป่กวนไปเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้น ยังคงมีศึกหนักที่ต้องเผชิญต่อ
เนี่ยนเนี่ยนเฝ้าดูเขาหลับตาพักผ่อน และกินอย่างผ่อนคลายขึ้นโดยไม่รู้ตัว
รอยยิ้มที่มุมปากของไป๋หลิวอี้กว้างขึ้น แต่เขาก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
เนี่ยนเนี่ยนรู้ว่าเขาจะต้องสอบต่อจนถึงตอนกลางคืน ตอนนี้เขาจึงต้องรีบพักผ่อนด้วยการนอนหลับ นางนั่งเงียบ ๆ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ด้วยความที่เป็นสาวใช้ นางควรพัดให้เขา
ไป๋หลิวอี้สัมผัสได้ถึงลมเย็นสบาย และนอนหลับสนิทกว่าเดิม
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจ เม้มปากแล้วยกยิ้ม
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เนี่ยนเนี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วและรีบวางพัดลง แล้วเดินออกไปเบา ๆ
แน่นอนว่านางเห็นลู่อวี่ยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ข้างนอก
เนี่ยนเนี่ยนมองกลับไปที่ไป๋หลิวอี้ ก่อนเดินออกไปเงียบ ๆ และถามเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “กำลังทำอะไรอยู่?”
ที่นางถามเช่นนั้น เพราะไป๋หลิวอี้บอกว่าสถานะของตระกูลจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ในอาณาจักรเทียนอวี่นั้นสำคัญมาก พวกเขาจึงมาเป็นพยานในการสอบไป่กวน ดังนั้นจึงได้พบกับคนจากสี่ตระกูลใหญ่ที่นี่
ในช่วงพัก ไป๋หลิวอี้ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ แล้วตอนนี้ลู่อวี่มาที่นี่เพื่ออะไร?
ลู่อวี่ขมวดคิ้วชำเลืองมองนาง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ข้าสิที่เป็นฝ่ายต้องถามว่าเจ้ากำลังจะทำอะไรในวังหลวง?” เขาแอบมาที่นี่ และรู้ดีว่ามันผิดกฎ เขาจึงใส่ใจความเคลื่อนไหวรอบกายเขาเป็นพิเศษ ขณะที่พูดเส้นประสาทเขาก็ตึงไปหมด และสายตาก็มองไปรอบ ๆ
“ข้าเป็นสาวใช้ของคุณชายใหญ่ ข้าย่อมต้องมาดูแลเขาเป็นธรรมดา” คำถามของชายผู้นี้แปลกขึ้นทุกที
มุมปากของลู่อวี่กระตุกสองครั้ง “ดูแลหรือ? เขามีเด็กหนุ่มที่ชื่ออาเวินอยู่ข้างกายอยู่แล้ว เหตุใดถึงให้เจ้าปลอมตัวเป็นบุรุษเข้ามาในวัง?”
“เจ้านึกระแวงเกินไปแล้ว” เนี่ยนเนี่ยนกลอกตา “เจ้าไม่เห็นข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คุณชายใหญ่หรือ? ข้ามีทักษะทางการแพทย์นิดหน่อย ตอนนี้คุณชายใหญ่ได้รับบาดเจ็บ ข้าย่อมต้องตามมาเผื่อตรวจดูอาการ”
“…” ลู่อวี่เม้มปาก รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดมีเหตุผล
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง ไม่ต้องไปไหน” ลู่อวี่ยังคงกังวล และอธิบายต่ออีกว่า “วังหลวงแห่งนี้ไม่ใช่จวนซูกั๋วกง หากไม่ระวังจะถูกจับในฐานะมือสังหาร ยิ่งถูกค้นพบว่าปลอมตัวเป็นชายก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ต่อให้จะมีหลิวอี้ก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้ เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจ” เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าอย่างแรง ท่าทางจู้จี้ของลู่อวี่คนนี้คล้ายกับลู่อวี่ในคำบอกเล่าของพี่ใหญ่มาก
เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของนาง ลู่อวี่ก็รู้สึกกังวลและหงุดหงิดเล็กน้อย “เจ้าอย่าได้ลำพองใจ ข้ารู้ว่าเจ้ามีฝีมือ แต่อย่าคิดว่าจะไปมาอย่างอิสระในวังหลวงด้วยวรยุทธ์ของเจ้าได้ วังหลวงแห่งนี้มีเหล่าจอมยุทธ์อยู่มากมาย และยังมีพวกคนจากตระกูลจอมยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คอยปฏิบัติหน้าที่ในวังหลวง เจ้าต้องเดือดร้อนแน่หากเจ้าถูกจับได้”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก เแน่ใจหรือว่าลู่อวี่ผู้นี้ไม่ได้มาบอกแผนผังวังหลวงให้นางฟัง?
“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าเจ้าถูกดักทำร้ายระหว่างทางมาที่นี่ ข้าห่วงว่าถ้าคนพวกนั้นไม่เปลี่ยนใจ อาจมีคนแอบเข้ามาโจมตีก็ได้ เจ้า… ระวังตัวให้ดีและป้องกันตัวเองด้วย”
เนี่ยนเนี่ยนกะพริบตา ลงมือในวังหลวงหรือ? จะกล้าเกินไปหรือไม่?
ลู่อวี่ถอนหายใจ “เจ้าคงไม่เชื่อ สถานที่นี้อยู่ห่างจากวังหลวงชั้นในมากเกินไป และองครักษ์ก็ไม่เข้มงวดนัก ตราบใดที่เจ้าประมาท ก็อาจถูกกลอุบายบางอย่างเล่นงานได้ โปรดจำไว้ว่าก่อนกินดื่มอะไรเข้าไป ต้องตรวจสอบดูก่อนว่ามีการใส่อะไรลงไปหรือไม่”
ผู้มาเยือนไม่ใช่เจ้านายในวังหลวง บรรดาคนรับใช้ในวังที่มาส่งอาหารจึงไม่ระวังตัวเกินไป การวางยาพิษในอาหารจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
“อืม ข้ารู้แล้วน่า” ถ้าอยากจะยุ่งกับอาหารต่อหน้านางก็ไม่สำเร็จแน่ ๆ นางยังมีความมั่นใจเช่นนี้
ลู่อวี่ดูเหมือนจะต้องการพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่สุดท้ายเขาก็อ้าปากแต่ไม่ได้ส่งเสียง
เพราะสุดท้ายเขาก็ออกมานานเกินไปไม่ได้ และเขาได้อธิบายทุกอย่างที่ต้องอธิบายแล้ว หวังว่าอวี้ซีจะเข้าใจความปรารถนาดีของเขา
“เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถิด ระวังตัวให้มากกว่านี้ อย่าประมาท ข้าจะกลับไปก่อน”
เนี่ยนเนี่ยนโบกมือให้เขา “ค่อย ๆ ไปเถิด”
ใบหน้าของลู่อวี่มืดมน ก่อนจะรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เนี่ยนเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเปิดประตูเงียบ ๆ แล้วเดินเข้าไปอีกครั้ง
แต่เมื่อนางเพิ่งเดินเข้าประตูไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาค่อย ๆ ดังใกล้เข้ามา
รูม่านตาของเนี่ยนเนี่ยนหดตัว ไม่มีทาง ลู่อวี่พูดถูกจริงหรือ? คนที่มาที่นี่ลงมือเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?
เนี่ยนเนี่ยนเดินไปด้านข้างเงียบ ๆ แล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด แล้วกลั้นหายใจรอให้ใครบางคนเข้ามาใกล้ พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ขนาดอยู่ในวังก็ยังมีโอกาสโดนโจมตีเลยแฮะ อาณาจักรนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
ไหหม่า(海馬)
—————————————————————————————-