อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 148 ก้นชาม
ตอนพิเศษ 148 ก้นชาม
ตอนพิเศษ 148 ก้นชาม
ไม่นานเสียงฝีเท้าก็หยุดลงที่หน้าประตู เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตาแล้วตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
นางเปิดประตูอีกครั้ง แล้วเดินออกไปเงียบๆ
“เป่ยเป่ย เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”
เย่ฉิงเป่ยมองเข้าไปข้างใน ความจริงแล้วเขากำลังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับไป๋หลิวอี้ว่าที่พี่เขยในอนาคตอย่างเต็มประดา
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? จุดประสงค์ในการมาอาณาจักรเทียนอวี่ของข้า ย่อมคือการเข้ามาในวังหลวง”
เนี่ยนเนี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใช่แล้ว เป่ยเป่ยมาสืบเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน และเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมาพบเสด็จลุงที่วังหลวง
“แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม?”
เย่ฉิงเป่ยเม้มปาก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าได้ยินเหวินหย่าบอกว่าวันนี้เจ้าเข้าวังมากับไป๋หลิวอี้ ข้าจึงมาหาเจ้า” อันที่จริงเขายังมีอีกเรื่องหนึ่งจะพูดว่าตอนที่เขามาได้บังเอิญเห็นคนในวังเดินลับ ๆ ล่อ ๆ มาทางนี้ จึงต้องลงมือจัดการ
แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกเนี่ยนเนี่ยน ระหว่างที่ไป๋หลิวอี้ไปสอบ เขาจะแอบซุ่มอยู่ข้างนอกตรงนี้
นึกได้ดังนั้น เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามนางว่า “เจ้าอยู่ในจวนไป๋เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ก็ไม่เลว” นางกินดีอยู่ดี นอนหลับสบาย ไป๋หลิวอี้ในฐานะเจ้านายของนางก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดี แม้ว่านางจะขี้เกียจ แต่เขาก็ไม่เคยตำหนินางสักคำ
เย่ฉิงเป่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะมองดูท่าทางของเนี่ยนเนี่ยนด้วยความประหลาดใจ ผ่านมาแค่สองสามวัน เนี่ยนเนี่ยนก็ดูเหมือน… จะไม่รังเกียจจวนไป๋เลย
แล้วไป๋หลิวอี้ล่ะ?
“ไป๋หลิวอี้น่าสงสัยหรือเปล่า?” เขาถามอีก แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความขบขัน
เนี่ยนเนี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง ดูหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะขมวดคิ้วพูดว่า “เขามีอะไรน่าสงสัย? เขาค่อนข้างซื่อและจดจ่อกับการสอบไป่กวนมาก แล้วเขาจะทำเรื่องอุกอาจเหล่านั้นได้อย่างไร อีกทั้งเมื่อห้าปีที่แล้วเขาก็ยังเด็กมากด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องสงสัยแน่นอน”
จุ๊ๆ ออกโรงปกป้องแล้วหรือ?
เย่ฉิงเป่ยรู้สึกว่าเขาสามารถเขียนจดหมายส่งข่าวดีไปบอกพ่อแม่ได้แล้ว
เขาลอบยิ้มในใจ แต่ยังทำหน้าจริงจังมาก พยักหน้าและพูดว่า “อืม ดีแล้ว ข้าก็ไม่ต้องการให้คนจวนไป๋เป็นผู้ต้องสงสัยมากเกินไป แต่เจ้าก็ยังต้องคอยสังเกตคนอื่น ๆ ในจวนไป๋ให้ดี หากมีเบาะแสใด ๆ ก็ติดต่อข้ามาได้ตลอด”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เนี่ยนเนี่ยนโบกมืออย่างกระวนกระวาย “เจ้าไปทำงานเถิด ข้าจะเข้าไปแล้ว ไม่อย่างนั้นใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
มุมปากของเย่ฉิงเป่ยกระตุก ไม่ดีหรือ? ไม่ดีสำหรับใคร? ไม่ใช่ไป๋หลิวอี้หรือ?
คำกล่าวที่ว่าสตรีซื่อสัตย์ต่อสามีคงเป็นความจริง
เขามองเนี่ยนเนี่ยนด้วยรอยยิ้มอ่อน “เจ้ากำลังช่วยไป๋หลิวอี้ ทำไม กลัวว่าคนอื่นจะเห็นว่าเขาแอบติดต่อกับคนอื่น แล้วเขาจะสอบตกหรือ?”
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร? แน่นอนว่าข้าไม่อยากให้เขาสอบตก หากคุณชายล้มเหลวเพราะเหตุนี้ แล้วสาวใช้อย่างข้าจะมีทางออกในอนาคตหรือ?”
“…” เย่ฉิงเป่ยรู้สึกว่านางเข้าถึงบทบาทได้ลึกเกินไป “สาวใช้… อย่างเจ้าหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนอยากจะกัดลิ้นตายจริง ๆ นางพูดได้เต็มปากเต็มคำ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ เฮ้อ อย่างที่คาดไว้ บทสาวใช้ไม่ง่ายเลย
เย่ฉิงเป่ยส่ายหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป เริ่มคิดถึงเหมยเขียวน้อยของเขา ไม่รู้ว่านางคิดถึงเขาบ้างหรือไม่ ต้องรีบกลับไปทำภารกิจ
เนี่ยนเนี่ยนกลับไปที่ห้องโถง ไป๋หลิวอี้ยังคงหลับสนิท
นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพัดให้เขาต่อไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา เนี่ยนเนี่ยนก็เห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว นางจึงปลุกเขาให้ตื่น
นางให้ยาเขาอีกเม็ดหนึ่ง แล้วตรวจดูบาดแผลให้ รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าแผลไม่ปริ
ทหารในวังพาเขากลับไปที่ห้องโถงใหญ่ เนี่ยนเนี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้และเริ่มรู้สึกง่วง
ขณะนึกถึงการดูแลไป๋หลิวอี้ในตอนกลางคืน นางก็นอนลงบนเก้าอี้ยาว และหลับไปด้วยความง่วงงุน
เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าหน้าประตู นางจึงตื่นขึ้นในทันใด
มองท้องฟ้าข้างนอกก็พบว่ามืดสนิทเสียแล้ว
เสียงฝีเท้าเป็นของไป๋หลิวอี้ สีหน้าเขาดูแย่กว่าตอนเที่ยงเล็กน้อย ดูเหนื่อยล้าไปทั้งคน
เนี่ยนเนี่ยนลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวอย่างรวดเร็ว เห็นเขาเข้ามาก็รีบประคองเขามานั่งบนเก้าอี้ยาว “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ไป๋หลิวอี้หลับตาลง แล้วถอนหายใจ “แผลเปิดแล้ว”
รูม่านตาของเนี่ยนเนี่ยนหดลง นางรีบเอื้อมมือไปปลดเสื้อของเขา และเห็นชัดว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดจนเป็นสีแดงชุ่ม นางหน้าเสียทันที และรีบพันผ้าพันแผลให้เขาอีกครั้ง “เหตุใดมันถึงเปิด? อย่าบอกนะว่าท่านต้องใช้กำลัง?”
บาดแผลนั้นถูกพันแน่นแต่ยังเปิดออกอีก เห็นได้ชัดว่าถูกทำให้เปิดโดยเจตนา
ไป๋หลิวอี้เอนกายลงบนเก้าอี้ยาว ปล่อยให้นางพันผ้าพันแผลให้ใหม่ แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขาค่อนข้างเย็นชา “ข่าวการบาดเจ็บของข้าเป็นที่ทราบกันดีแล้ว อาจจะเป็นการทดสอบข้า ตอนที่ข้าออกจากโถงเมื่อครู่นี้ มีคนจงใจชนข้า”
ความคิดนั้นเป็นจริงชัดเจน ไม่น่าแปลกใจเลย แม้ว่าบาดแผลจะเปิด แต่อย่างมากก็แค่เปื้อนผ้าพันแผลจนกลายเป็นสีแดง แต่ไม่ได้ซึมออกมานอกเสื้อผ้า
“แต่แผลเปิดแบบนี้ไม่ดีเลย ท่านต้องสอบต่ออีกหนึ่งคืน” คิ้วของเนี่ยนเนี่ยนแทบจะขมวดเป็นปม แม้ว่าบาดแผลจะไม่ใหญ่นัก แต่ทั้งคืนก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหมดกำลังใจได้
อีกทั้งนางได้สอบถามอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้วว่าคนที่มาเป็นผู้ทดสอบตอนกลางวันส่วนใหญ่เป็นขุนนาง และขุนนางก็ค่อนข้างอ่อนแอกว่าพวกทหาร จึงต้องพักผ่อนในตอนกลางคืน คนที่มาทดสอบตอนกลางคืนจึงเป็นพวกเจ้าหน้าที่ทหาร ความกดดันจึงยิ่งหนักกว่าเดิม เพราะทหารเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร และการต่อสู้นองเลือดในสนามรบ
โดยเฉพาะนายทหารบางคนที่ประพฤติตนหยาบคายและเย่อหยิ่ง บางทีพวกเขาอาจจะลงไม้ลงมือด้วยซ้ำ ซึ่งจะเป็นการทรมานไป๋หลิวอี้ทั้งเป็นไม่ใช่หรือ?
“ไม่เป็นไร ข้าพักสักสองชั่วยามก็พอแล้ว” เขาพูดพลางหลับตาลง ชายคนนั้นชนเขาอย่างแรง และคงจะรู้ว่าบาดแผลของเขาอยู่ตรงไหน ถึงได้เล็งแล้วเข้ามาชนเช่นนี้ได้ ตอนนี้จึงรู้สึกปวดมาก
เนี่ยนเนี่ยนยัดยาเข้าปากเขาอย่างรวดเร็ว ไป๋หลิวอี้พลันรู้สึกเจ็บปวดน้อยลงมาก
เขาลืมตาขึ้นมองนางด้วยรอยยิ้ม “ให้ยานี้อีกตอนที่ข้าจะเริ่มสอบ” นี่น่าจะเป็นยาแก้ปวด
แม้ว่าเขาจะทนความเจ็บปวดได้ แต่มันก็จะทำให้เขาเสียสมาธิได้ในระดับหนึ่ง
ในการสอบตอนกลางคืน มีคนคนหนึ่งที่เขาต้องให้ความสนใจมาก และไม่สามารถมองข้ามไปได้
อู่หยวนโหวผู้เป็นขุนพลมีความบาดหมางกับจวนซูกั๋วกง หลังจากรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ การรับมือการสอบในตอนกลางคืนอาจไม่ใช่เรื่องง่าย
เนี่ยนเนี่ยนมองยาในมือ ก่อนพยักหน้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”
ในไม่ช้าก็มีคนรับใช้ในวังเข้ามาพร้อมอาหารเย็น เนี่ยนเนี่ยนมองบาดแผลของไป๋หลิวอี้ จากนั้นมองมือของเขา แล้วจึงหยิบชามขึ้นมาอย่างมีสติ แล้วเริ่ม… ป้อนข้าว
ไป๋หลิวอี้ยังหัวเราะเบา ๆ และอ้าปากด้วยความพึงพอใจ
หลังจากป้อนหนึ่งคำแล้ว เนี่ยนเนี่ยนก็เริ่มกินส่วนแบ่งของตัวเอง อาหารของนางแตกต่างจากของไป๋หลิวอี้ ซึ่งค่อนข้างพิถีพิถันเมื่อเปรียบเทียบกัน
โชคดีที่ไป๋หลิวอี้ไม่รังเกียจที่จะกินด้วยกัน นางจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป
แต่เมื่อข้าวหมดชาม จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่ก้นชาม
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อะไรอยู่ที่ก้นชามอะ มีใครใส่อะไรไว้เหรอ
ไหหม่า(海馬)