อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 150 เนี่ยนเนี่ยนลงมือ
ตอนพิเศษ 150 เนี่ยนเนี่ยนลงมือ
ตอนพิเศษ 150 เนี่ยนเนี่ยนลงมือ
แต่ลานเงียบสงัด ปราศจากวี่แววของผู้ใด
เจี่ยงโม่เซิงขมวดคิ้ว ก่อนจะค้นหาบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าข้าหูฝาด?”
“…” ลู่อวี่คิดว่าเขาไม่ได้หูฝาดหรอก
เขาเป็นคนแรกที่โผล่หน้าออกไปเมื่อครู่นี้ ซึ่งเคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่ได้ชื่อว่าแผ่วเบาที่สุดแล้ว และเขาทันได้เห็นร่างหนึ่งทะยานออกไปจากลานอย่างรวดเร็ว
บังเอิญว่าวิธีการเคลื่อนไหวเช่นนั้นคือการใช้เคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่เช่นกัน
ลู่อวี่เม้มปาก มีคนสกุลลู่ปรากฏตัวที่นี่หรือ? มาตามหาเขาหรือ? แต่ว่า… แต่งเป็นคนรับใช้ในวังในเช่นนั้น ทั้งยังรู้วิธีใช้ฝีเท้าตระกูลลู่ด้วย… เป็นนางหรือ?
ลู่อวี่รู้สึกว่าอย่างหลังมีโอกาสมากกว่า
หวงชิวผู่หัวเราะ “เอาล่ะ โม่เซิง น่าจะเป็นเสียงลมพัด คืนนี้ลมค่อนข้างแรง”
ลู่อวี่พยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย”
ถงเวยหลินที่อยู่ข้าง ๆ เม้มปาก เขาเป็นคนที่สองที่ออกมา ความจริงแล้วหางตาเขาทันเห็นชายเสื้ออยู่เล็กน้อย พูดตามเหตุผลแล้ว ลู่อวี่ที่ออกมาก่อนน่าจะเห็นได้ชัดเจนกว่านี้
แต่หน้าตาท่าทางของเขา บ่งบอกมีจุดประสงค์เพื่อปกปิดผู้มาเยือนอย่างชัดเจน แต่เขายังคงพูดอย่างเคร่งขรึมว่าไม่เห็นไม่ได้ยิน อาจเป็นคนที่เขารู้จักงั้นหรือ?
ถงเวยหลินขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็นิ่งเงียบ
ช่างเถิด กลับไปค่อยถามเขาอีกครั้ง
ทุกคนมองไปที่ลานอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปที่โถง
เนี่ยนเนี่ยนที่กระโดดออกไปไกลแล้ว แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แน่นอนว่าไม่ควรประเมินความแข็งแกร่งของคนทั้งสี่นี้ต่ำเกินไป เกือบจะถูกพวกเขาจับได้แล้ว
โชคดีที่นางเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ถ้านางถูกจับได้ คืนนี้นางจะทำอะไรไม่ได้เลย
เนี่ยนเนี่ยนตัวสั่น ก่อนจะหยิบแผนที่ยับยู่ยี่ออกมาคลี่อ่านอีกครั้ง
โถงที่เหลืออยู่คือโถงอู๋เลี่ยง
หวังว่าอู่หยวนโหวจะอยู่ในโถงอู๋เลี่ยง ไม่เช่นนั้นนางจะต้องลำบากมาก
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากและรีบเดินไปที่โถงนั้นทันที
มีองครักษ์สองสามคนคอยตรวจตราตามทางเดิน แต่โชคดีที่เนี่ยนเนี่ยนไม่ใช่คนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องในวังหลวง เป็นเรื่องปกติที่นางจะหลบสายตาของทหารองครักษ์ได้
นางรีบไปยืนอยู่ที่ประตูโถงอู๋เลี่ยง สิ่งที่แปลกก็คือมันเหมือนกับโถงเฟิงเล่อ ไม่มีองครักษ์คอยเฝ้าอยู่ข้างนอก
เนี่ยนเนี่ยนรีบเข้าประตูไป ข้ามทางเดินและยืนอยู่ตรงมุมมืด แล้วแอบแงะกระดาษหน้าต่างเพื่อมองเข้าไปข้างใน
ยังมีทหารหลายคนยืนอยู่ในโถงอู๋เลี่ยง โดยยืนหลับตาเงียบ ๆ อยู่ที่มุมห้อง บางคนก็กำลังพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
เนี่ยนเนี่ยนเงี่ยหูฟัง และได้ยินเสียงเบา ๆ ของใครบางคน
“ไม่ควรประเมินความแข็งแกร่งของคุณชายใหญ่สกุลไป๋ต่ำไป คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสอบผ่านตอนกลางวัน ข้าไม่รู้ว่าเขาจะรักษาระดับไว้จนถึงตอนกลางคืน และผ่านการทดสอบของเราได้หรือไม่”
“ข้าค่อนข้างมองคุณชายใหญ่สกุลไป๋ในแง่ดี ไม่ว่าจะเรื่องท่าทางหรือนิสัย เขาดูดี สงบเสงี่ยมและวางตัวดี เมื่อเทียบกับพวกขุนนางแก่หลายคน”
“ใช่แล้ว เขาพูดจาดี หากได้ร่วมงานกับเขาข้าก็ไม่ขัดข้อง”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้อโต้แย้งและข้อโต้เถียงที่เขาพูดในตอนกลางวัน ล้วนเป็นความคิดที่ล้ำเลิศ อยู่นอกเหนือขอบเขตของคนอื่น ยิ่งเราอายุมากเท่าไหร่ ความคิดของเราก็ยิ่งถูกจำกัดมากเท่านั้น เป็นไปไม่ได้จริง ๆ หากต้องฟังแต่คนเฒ่าคนแก่”
“ในราชสำนักควรจะมีคนหนุ่มเช่นเขาเข้ามา”
เนี่ยนเนี่ยนตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินอยู่ข้างนอก นางไม่คาดคิดว่าไป๋หลิวอี้จะได้รับการประเมินสูงจากคนอื่นภายในเวลาเพียงวันเดียว
นางสามารถบอกได้ว่าคนที่อยู่ในโถงตงจี๋ก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นขุนนางผู้ทดสอบไป๋หลิวอี้ในตอนกลางวัน ส่วนคนในโถงอู๋เลี่ยงที่นี่ น่าจะเป็นขุนนางผู้ทดสอบตอนกลางคืน
นางรู้ว่าไป๋หลิวอี้มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้อย่างแท้จริง ไม่เพียงเอาชนะขุนนางในตอนกลางวันได้เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าขุนนางทหารเหล่านี้ก็น่าจะถูกพิชิตด้วย
อืม ไม่เลว ไม่เลว
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกภูมิใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฮึ่ม” ทันใดนั้นเสียงดูถูกเหยียดหยามก็ดังขึ้นในห้อง
เนี่ยนเนี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปยังคนที่ส่งเสียง
จากนั้นก็เห็นชายวัยกลางคนผู้มีท่าทางน่าเกรงขาม และมีใบหน้าดุร้ายเดินมาข้างหน้าสองสามก้าว ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังคุยกันอยู่ตอนนี้ แล้วพูดเสียงดังว่า “พวกเจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่ากลัวเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมงั้นหรือ? พวกเจ้าทุกคนเป็นทหารที่ต่อสู้ในสนามรบ แต่กลับกลัวเกินกว่าจะส่งเสียงออกมาหลังจากฟังไปไม่กี่คำ ช่างไร้ประโยชน์นัก”
ทุกคนหันไปมองเขา และจ้องมองเขาด้วยความโกรธ แต่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งคำพูดของเขา พวกเขาจึงได้แต่เบือนหน้าหนีและแยกย้ายกันไป
มีเพียงขุนพลแก่แต่แข็งแกร่งเท่านั้น ที่ยังคงนั่งเชิดหน้าอยู่ตรงมุมและหัวเราะเสียงดัง “อู่หยวนโหว ท่านไม่ต้องพูดอะไรแบบนั้น เรารู้ว่าท่านกับจวนซูกั๋วกงมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ ท่านย่อมไม่ต้องการให้คุณชายไป๋ได้เป็นขุนนางในราชสำนัก ไม่เช่นนั้นท่านจะมีคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเพิ่มอีกคนหนึ่ง”
เขามีหน้าตาใจดี เนี่ยนเนี่ยนเห็นแล้วก็รู้สึกพอใจขึ้นเป็นสองเท่าทันที
จากนั้นสายตานางก็หันไปมองอีกคนหนึ่ง ปรากฏว่าคนที่เสียงดังและไม่เป็นมิตรคนนี้ ก็คืออู่หยวนโหวที่ดู… น่าเกลียดมาก
อู่หยวนโหวหันไปมองขุนพลเฒ่า สถานะของอีกฝ่ายน่าจะไม่ได้ต่ำต้อย ท่าทางก้าวร้าวของเขาลดลงมาก แต่น้ำเสียงยังคงเย็นชาและดูถูกเหยียดหยาม “ท่านอ๋องเลี่ยก็กล่าวเกินไป แม้ว่าไป๋หลิวอี้จะสอบผ่านตอนกลางวัน แต่ข้าเห็นว่าสีหน้าของเขาแย่มากแล้ว ข้าเกรงว่าเขาน่าจะทำได้เพียงประคองจนถึงตอนนี้ คาดว่าผ่านไปครึ่งคืนก็น่าจะสอบตกแล้ว คนอ่อนแอเปราะบางเช่นเขา กล้าดีอย่างไรมาเผชิญหน้ากับทหารผ่านศึกอย่างพวกเรา เกรงว่าเขาจะกลัวจนปัสสาวะราดภายในครึ่งชั่วยามน่ะสิ ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการเข้าสู่ราชสำนักในฐานะขุนนาง เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าผู้นี้”
ไม่นานมานี้มีกลุ่มโจรบุกอาณาจักรเทียนอวี่ ว่ากันว่ามีแม่ทัพเฒ่าคนหนึ่งเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยตัวเอง และกวาดล้างพวกโจรจนสิ้นซาก เป็นเขาเองหรือ?
ท่านอ๋องเลี่ยไม่ได้สนใจท่าทางของอู่หยวนโหวมากนัก เขายังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดเบา ๆ ว่า “เช่นนั้นก็มารอดูกัน”
เนี่ยนเนี่ยนลอบยิ้ม ใช่แล้ว นางก็ตั้งตารอดูเช่นกัน
มีเข็มเงินพิเศษอยู่ในมือของนาง นางหรี่ตาแล้วหัวเราะอย่างหนัก
สี่ชั่วโมงต่อมา เนี่ยนเนี่ยนกลับมาที่โถงจินหยางด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ไป๋หลิวอี้ยังคงหลับอยู่ เพราะเนี่ยนเนี่ยนแอบเติมผงยานอนหลับลงในอาหารที่เขากินก่อนหน้านี้ด้วย เพื่อให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
เมื่อเห็นนางกลับมาแล้ว เย่ฉิงเป่ยก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองนาง แล้วถามว่า “เจ้าไปทำอะไรมา? ไปหาอู่หยวนโหวมาหรือ?”
“ก็เปล่านี่” เนี่ยนเนี่ยนพูดอย่างไร้เดียงสา “ข้าเพิ่งไปส้วมมา”
เย่ฉิงเป่ยนึกเย้ยหยัน แต่ในขณะนี้เขาได้ยืนยันในใจแล้ว ว่าเมื่อกลับไป เขาสามารถส่งจดหมายกลับไปบอกพ่อแม่ได้แล้ว ว่าเนี่ยนเนี่ยน… ช่วยไม่ได้จริง ๆ
เนี่ยนเนี่ยนเข้าไปในห้องโถง หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งและเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว จึงเรียกไป๋หลิวอี้
นางช่วยเขาจัดเสื้อผ้า และหรี่ตายิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก ก่อนพูดว่า “ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เนี่ยนเนี่ยนจะวางแผนช่วยคู่หมั้นยังไงดีน้า
ไหหม่า(海馬)