อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 151 คำถามของเจ้าคืออะไร
ตอนพิเศษ 151 คำถามของเจ้าคืออะไร?
ตอนพิเศษ 151 คำถามของเจ้าคืออะไร?
ไป๋หลิวอี้จ้องมองนาง จากนั้นครู่หนึ่งก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“เจ้า…” เขาเงียบ และในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มให้นาง แล้วหันหลังเดินจากไป
หลังจากนอนหลับสนิท สมองของไป๋หลิวอี้ก็ปลอดโปร่งขึ้นมาก
หลังจากเข้าไปในโถงใหญ่ ไท่จื่อก็นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงแล้ว ส่วนขุนนางฝ่ายทหารที่เป็นผู้ทดสอบก็เข้ามาทีละคน
ไป๋หลิวอี้ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ปราศจากความหวาดหวั่น
หลังจากที่อู่หยวนโหวเข้ามาในโถงแล้ว เขาก็นึกเย้ยหยัน ประเดี๋ยวก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าได้ขายหน้า
เขาจงใจเดินเข้าไปใกล้อีกนิด แต่ก่อนที่จะไปถึงข้างกายเขา จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแปลก ๆ ในท้องราวกับว่า… อยากจะไปเข้าห้องสุขาจริง ๆ
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที ขณะเดินไปก็ตัวสั่นเล็กน้อย
ไป๋หลิวอี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ไม่มีทางเข้าใกล้ได้อยู่ดี
คนที่อยู่ข้างหลังผลักเขา “ท่านโหว เหตุใดท่านไม่ออกไปเล่าขอรับ?”
อู่หยวนโหวอาการย่ำแย่ลงทันที ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง อยากจะรีบวิ่งไปห้องส้วมในบัดดล
แต่ในขณะนี้ไท่จื่อประทับอยู่บนนั้น และขุนนางทุกคนก็อยู่ต่อหน้าเขาด้วย ถ้าเขาออกไปก็จะเสียหน้ายิ่งนัก และต่อไปเขาจะเสียศักดิ์ศรีในหมู่ฝูงชน
ที่สำคัญกว่านั้นคือบัดนี้ศัตรูของเขาอยู่ไม่ไกล คำถามสุดหินที่เขาเตรียมการมานานยังไม่ได้ใช้ เขายังไม่พ่ายแพ้ แล้วเขาจะเป็นฝ่ายถอยก่อนได้อย่างไร?
อดทนไว้ อดทนไว้ ไป๋หลิวอี้ก็บาดเจ็บอยู่เช่นกัน คงอยู่ได้อีกไม่นาน
เขาขยิบตาให้คนสนิทที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งพยักหน้าอย่างรู้เท่าทัน ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ รอที่จะสร้างปัญหาได้ทุกเมื่อ
ขุนนางทุกคนยืนนิ่ง ขณะไท่จื่อโบกมือให้เริ่มการทดสอบได้
ผู้ถามคำถามที่ใช้สอบไป่กวนต่างเป็นที่ทราบกันดีว่าจะเริ่มจากขุนนางตำแหน่งต่ำที่สุด และเพิ่มความยากขึ้นทีละตำแหน่ง
ในบรรดาผู้คนในตอนนี้ อู่หยวนโหวเป็นรองเพียงแค่ท่านอ๋องเลี่ยเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเขาต้องถามคำถาม ก็เกือบจะเป็นคนสุดท้ายแล้ว
แต่เมื่อขุนนางคนที่สองถามคำถาม อู่หยวนโหวก็มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ร่างกายของเขาไม่ปกติ จิตใจของเขาปั่นป่วน จนไม่ได้ยินคำตอบของไป๋หลิวอี้อย่างชัดเจน
พลังงานทั้งหมดของเขามุ่งเน้นไปที่… ความอดทน
แต่เรื่องแบบนี้ไม่สามารถทนได้ แม้ว่าเขาจะมีทักษะล้ำเลิศ และทนทานต่อความเจ็บปวดได้ดีก็ตาม
แต่ตอนนี้เรื่องนี้…กำลังอยู่เหนือการควบคุม
ในไม่ช้าคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างเขา ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา และอดไม่ได้ที่จะกระซิบว่า “ท่านโหว…”
“หุบปาก” สีหน้าของอู่หยวนโหวย่ำแย่สุดขีด เขาไม่ต้องการพูดอะไรทั้งสิ้น และไม่ต้องการฟังคนอื่นพูดด้วย
เขากลัวว่าลมปราณจะรั่วออกมาทันทีที่เขาอ้าปาก และไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป
คนสนิทผงะ และรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังเห็นได้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี จึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่พักหนึ่ง และไม่กล้าพูดอะไรอีกจริง ๆ
ใบหน้าของอู่หยวนโหวซีดลง เขาหลับตาอดทนอย่างหนัก
ไป๋หลิวอี้ตรงนั่นได้ตอบคำถามไปสามข้อแล้ว แต่เขายังสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีเวลาเหลือบมองอู่หยวนโหวด้วย
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติของเขา เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
อู่หยวนโหวเงียบมาก ไม่แม้แต่จะหันมองมาที่เขา ซึ่งมันแปลกมาก
คำถามที่ห้าผ่านไป…
คำถามที่หกผ่านไป…
อู่หยวนโหวรู้สึกว่าเขาไม่อาจทนได้อีกแล้ว เขาบีบกำปั้นที่อยู่ข้างกายแน่นแทบตาย คำถามสุดหินสำหรับไป๋หลิวอี้ที่อยู่ในใจลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยปราศจากร่องรอยเสียแล้ว
อดใจรอ อดใจรอ เดี๋ยวก็ได้พักครึ่งแล้ว อดใจรอ…
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามพวกพ้องที่อยู่ด้านข้างว่า “ผ่านมานานเพียงใดแล้ว?”
“สองในสี่ชั่วยาม…”
รูม่านตาของอู่หยวนโหวหดลงทันที เพียงสองในสี่ชั่วยามเองหรือ? เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เป็นไปได้อย่างไร?
“คำถามข้อไหนแล้ว?” เขายังต้องพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
คนสนิทตอบว่า “ยังเป็นข้อที่หกอยู่ขอรับ คำตอบนี้ค่อนข้างยาว…”
สีหน้าของอู่หยวนโหวกลายเป็นดุร้ายทันที ไม่ ไม่ ไม่ได้การแล้ว เขาถึงขีดจำกัดแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น “กราบทูลไท่จื่อ”
เสียงนี้ทรงพลังมาก ทันทีที่เสียงดังขึ้นในห้องโถง ทุกคนต่างก็ตกใจ
ไป๋หลิวอี้ที่กำลังตอบคำถามอยู่ก็ตอบจบพอดี จึงหยุดนิ่งจ้องมองเขาพร้อมกับเลิกคิ้ว
ตอนนี้อู่หยวนโหวเพิ่งตระหนักในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ใบหน้าของเขายิ่งซีดเผือดกว่าเดิม
แต่สภาพท้องของเขากำลังแย่ลง เขาจึงทำได้เพียงพูดว่า “กราบทูลไท่จื่อ คำถามต่อไป กระหม่อมขอถามได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ถังมู่เทียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้านบนสุด เหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ย่อมได้”
ไม่มีกฎตายตัวในการถามคำถาม มันเป็นเพียงธรรมเนียมที่ตกทอดมาจากอดีต อุปมาว่ายิ่งตำแหน่งสูงคำถามก็จะยิ่งยาก
ตอนนี้หากอู่หยวนโหวต้องการถามก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ถังมู่เทียนไม่คัดค้านเรื่องนี้ “อู่หยวนโหวโปรดถามได้เลย”
อู่หยวนโหวกัดฟันเพื่ออดทนต่อท้องไส้ที่กำลังปั่นป่วน เขาแค่ต้องการถามคำถามให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อจะออกจากห้องโถงใหญ่
ตามกฎแล้วในการสอบตอนกลางคืน ขุนนางทุกคนที่ถามคำถามเสร็จแล้ว หากพอใจกับคำตอบก็สามารถกลับไปพักผ่อนก่อนได้ ซึ่งนับว่าเป็นธรรมเนียมที่มีมนุษยธรรมของอาณาจักรเทียนอวี่ แต่คนส่วนใหญ่ยังคงต้องการเห็นผลลัพธ์สุดท้าย จึงไม่มีใครออกไปก่อนจนถึงตอนนี้
ตอนนี้อู่หยวนโหวหมดหนทางแล้ว ความตั้งใจเดิมของเขาคือการทำให้ไป๋หลิวอี้อับอายจนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อให้เขาล้มเหลวในที่สุด
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดได้คือต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด การโจมตีเขาในวังนี้กลายเป็นเรื่องเล็ก แต่การเสียศักดิ์ศรีในวังเป็นเรื่องใหญ่
ดังนั้นหลังจากที่ถังมู่เทียนอนุญาต เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที จากนั้นก้าวไปข้างหน้า พลางจ้องมองไป๋หลิวอี้ด้วยสายตาเย้ยหยัน “คุณชายไป๋ เจ้าต้องตอบคำถามของข้าให้ถูกต้อง” เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย
“ท่านโหวเชิญถาม” รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋หลิวอี้ยังคงอ่อนโยนและไม่แยแส
เขาเห็นแล้วว่าอู่หยวนโหวดูค่อนข้างแปลกไป ถ้าจะบอกว่าเขาไม่สบายอย่างอธิบายไม่ถูก… มันก็แปลกจริง ๆ
เขาจำคำพูดที่เขาได้ยินก่อนที่จะมาที่นี่ได้ รอยยิ้มมีความสุขปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
แม่สาวน้อยคนนั้นลงมือทำอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน นางกังวลว่าอู่หยวนโหวจะทำร้ายเขาใช่หรือไม่? กังวลว่าบาดแผลของเขาที่แย่ลง จะกลายเป็นจุดอ่อนให้เขาถูกโจมตีใช่หรือไม่? เป็นห่วงว่าเขาจะเสียชีวิต เพราะไม่ผ่านการสอบไป่กวนใช่หรือไม่?
“ข้า…” เดี๋ยวนะ คำถามของเขาคืออะไร?
อู่หยวนโหวอดทนกับอาการปวดท้อง ใบหน้าของเขาซีดเซียว สมองของเขาว่างเปล่า เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าต้องการจะถามว่าอะไร
ให้ตายเถอะ คิดเร็ว ๆ คิดเร็ว ๆ จะปล่อยไป๋หลิวอี้ไปไม่ได้ ปวดท้อง อยากออกไปเร็ว ๆ อยากไปส้วม ไม่อยากทำให้ตัวเองขายหน้า จะเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าทุกคนในวังไม่ได้…
จิตใจของอู่หยวนโหวสับสนไปหมด อารมณ์ทุกประเภทตีกันอยู่ในหัวของเขา เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์และคิดถึงเรื่องอื่นได้เลย
ขุนนางทุกคนในห้องโถงกระซิบกัน ทุกคนมองไปที่อู่หยวนโหวที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปตลอดเวลาโดยไม่มีเหตุผล
ถังมู่เทียนก็หรี่ตาลงเล็กน้อยเช่นกัน “อู่หยวนโหว? คำถามของเจ้าคืออะไร?”
“ข้า…” อู่หยวนโหวตกใจ ตัวเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะโพล่งประโยคหนึ่งออกมาทันทีหลังจากนั้น
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เนี่ยนเนี่ยนทำดีมาก การอยากไปเข้าส้วมแต่ออกไปไม่ได้นี่คือความทรมานขั้นสุดแล้ว
ไหหม่า(海馬)