อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 163 เจ้านับเป็นอะไรได้
ตอนพิเศษ 163 เจ้านับเป็นอะไรได้
ตอนพิเศษ 163 เจ้านับเป็นอะไรได้
หลิ่วซื่อรู้นิสัยใจคอของฮูหยินเฒ่าไป๋ดี โดยรู้ว่านางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการลงโทษไป๋หลิวเจวี๋ยของไป๋ชูเฟิง
แต่แน่นอนว่าไป๋หลิวเจวี๋ยคือลูกชายของนาง เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง
นายท่านเย็นชาเสมอ คนที่ทำให้เขาไม่พอใจจะต้องถูกโบย
แม้ว่านางจะเข้มงวดกับลูกชายของนาง แต่นางก็ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขาถูกโบยจนได้รับบาดเจ็บ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไป๋หลิวอี้ยังกลายเป็นบุคคลสำคัญในจวนไป๋อีกด้วย เขาได้เอาชนะไป๋หลิวเจวี๋ยแล้ว หากพวกคนรับใช้รู้ว่าซื่อจื่อแห่งจวนซูกั๋วกงถูกลงโทษ ไป๋หลิวเจวี๋ยก็จะต้องเสียหน้า
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงขอร้องฮูหยินเฒ่าไป๋ แม้ว่าจะยังคงมีการลงโทษ แต่อย่างน้อยนางก็สามารถทำให้การลงโทษเบาลงได้ ด้วยการพูดอะไรบางอย่าง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลิ่วซื่อก็เริ่มปาดน้ำตาอีกครั้ง “ท่านแม่เจ้าคะ เรื่องนี้เป็นความผิดของลูกสะใภ้ทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสะใภ้ประมาทเลินเล่อในเรื่องระเบียบวินัย หลิวเจวี๋ยก็คงไม่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนี้ ลูกสะใภ้ยินดีรับการลงโทษของนายท่านแทนหลิวเจวี๋ย ขอให้ท่านแม่โปรดช่วยพูดต่อหน้านายท่านด้วยเข้าค่ะ อย่างน้อยก็ควรจะเห็นแก่หน้าซื่อจื่อนะเจ้าคะ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋ขมวดคิ้ว แม้ว่าหลิ่วซื่อจะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่มีระเบียบวินัยดีและสามารถควบคุมผู้คนได้เสมอ แต่นางก็ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นางก็ทำตัวงี่เง่ามากขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ดีเท่าฮูหยินของลูกชายคนรอง
ขณะที่นางกำลังจะตอบ ไป๋หลิวเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ข้าเป็นต้นเหตุของเรื่อง ข้าจึงสมควรถูกลงโทษ ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องถูกลงโทษแทนข้า ดังนั้นอย่าพูดเช่นนั้นเลบขอรับ”
หลิ่วซื่อหงุดหงิดเขามาก นางกัดฟันแน่น “หุบปาก ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้วิธีลงโทษของพ่อเจ้า เจ้ายังอยากเป็นซื่อจื่ออยู่หรือเปล่า? เจ้าต้องการเป็นผู้มีเกียรติอยู่หรือไม่?”
“ท่านแม่ เป็นซื่อจื่อแล้วอย่างไรขอรับ? ข้าจะต้องรับโทษ เพราะข้าทำร้ายพี่ใหญ่ หากท่านพ่อไม่ลงโทษ ข้าคงรู้สึกผิดในใจ ปล่อยไว้ไม่ได้ อย่างน้อยการลงโทษของท่านพ่อก็ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น เพราะพี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บก่อนการสอบไป่กวน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยขอรับ”
“เจ้า เจ้าช่างทำให้แม่โกรธจริง ๆ เจ้ามีแนวโน้มที่จะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ? เจ้าอึดอัดหากเจ้าไม่ถูกลงโทษงั้นหรือ? แม่ให้กำเนิดลูกชายที่ไร้ประโยชน์อย่างเจ้าได้อย่างไร?”
“ท่านแม่ นี่เป็นความผิดของข้า ข้าเป็นชายชาตรี สมควรรับผิดชอบขอรับ”
“ความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบ เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร? เดิมทีคนเหล่านั้นมาเพื่อเล่นงานพี่ชายของเจ้า และเจ้าก็โดนลูกหลงไปกับเขา หากเจ้าคิดว่าเจ้ารู้สึกผิดต่อเขา แล้วเจ้าไม่รู้สึกผิดต่อแม่ของเจ้าบ้างหรือ?”
“ท่านแม่…”
“หุบปากไปเลย บอกเลยว่าหากเจ้ามีสมองก็ควรรู้จักฟังแม่บ้าง เจ้าเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ จะเป็นไปได้หรือที่แม่จะทำร้ายเจ้า? ครอบครัวนี้ดูแลเจ้าดีเหลือเกิน มีแค่แม่คนเดียวรู้หรือไม่?”
ฮูหยินเฒ่าไป๋ปวดหัวมาก การทะเลาะกันระหว่างคนทั้งสองทำให้นางรู้สึกแน่นหน้าอก และหูของนางก็อื้ออึง
โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของหลิ่วซื่อเมื่อครู่นี้ หมายความว่านางเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ต่อสู้เพื่อหลิวเจวี๋ยงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่านางผู้เป็นย่า และชูเฟิงผู้เป็นพ่อจะทำร้ายหลิวเจวี๋ย?
ใบหน้าของฮูหยินเฒ่าไป๋ซีดลงด้วยความโกรธ นางหายใจเฮือกใหญ่ครั้งเดียว ก่อนจะหมดสติไปทันที
สีหน้าแม่นมอวี๋เปลี่ยนไปมาก นางอ้าปากค้างขณะเอื้อมมือไปประคอง แล้วอุทานว่า “ฮูหยินเฒ่า…”
ทันใดนั้นห้องก็เงียบลง หลิ่วซื่อและไป๋หลิวเจวี๋ยหันหน้ามาพร้อมกัน
เดิมทีความสนใจของเนี่ยนเนี่ยนอยู่ที่ทั้งสองคน เมื่อฟังการสนทนาของพวกเขาแล้ว ความคิดของนางที่มีต่อไป๋หลิวเจวี๋ยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางยืนอยู่ห่าง จึงไม่ได้สนใจตอนที่ฮูหยินเฒ่าไป๋เป็นลม
บัดนี้รูม่านตาของเขาหดลง และรีบไปอยู่ข้างฮูหยินเฒ่าไป๋ ก่อนจะจับแขนนางอย่างระมัดระวัง
“ท่านย่า” ไป๋หลิวเจวี๋ยเดินเข้าไปอุ้มฮูหยินเฒ่าไป๋ แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องชั้นใน และวางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
หลิ่วซื่อเพิ่งรู้สึกตัว และตะโกนไปที่ประตูว่า “รีบไปตามหมอมา”
เสียงกระดิ่งที่ประตูผ้าม่านดังขึ้น นางเข้ามาทันที เมื่อเห็นฮูหยินเฒ่าไป๋นอนหมดสติอยู่บนเตียง นางก็รีบออกไปอีกครั้ง
เนี่ยนเนี่ยนมีสีหน้าเคร่งขรึม นางผลักไป๋หลิวเจวี๋ยที่ขอบเตียงออกไป แล้ววางมือลงบนข้อมือของฮูหยินเฒ่าไป๋
ไป๋หลิวเจวี๋ยถูกผลักเซจนเกือบล้มลงกับพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเนี่ยนเนี่ยนจริง ๆ
ตอนที่เขาเจอนางครั้งสุดท้าย นางยังคงสวมชุดคนรับใช้บุรุษอยู่ แต่ตอนนี้นางกลับมาสวมชุดสาวใช้อีกครั้ง รูปร่างหน้าตาของนางจึงดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิมเล็กน้อย
สตรีผู้นี้งดงามมากจริง ๆ
“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” เขาแปลกใจ นางไม่ใช่สาวใช้ของพี่ใหญ่หรอกหรือ?
เนี่ยนเนี่ยนไม่ตอบเขา เพียงแค่กลั้นหายใจสัมผัสชีพจรของแม่เฒ่า แต่หลิ่วซื่อที่เพิ่งเข้าจากประตู บังเอิญเห็นภาพลูกชายของนางถูกสาวใช้ผลักออกไป สีหน้าของนางจึงเปลี่ยนไปทันที
หลังจากก้าวไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว นางก็ยื่นมือไปจับเนี่ยนเนี่ยน “เจ้าเป็นอะไร เจ้ากล้าผลักซื่อจื่อแห่งจวนซูกั๋วกงออก ใครอนุญาตให้เจ้าอยู่ที่นี่? ออกไปเสีย”
แม่นมอวี๋ไม่พอใจอยู่แล้วที่ฮูหยินเฒ่าไป๋เป็นลมเพราะการทะเลาะกันระหว่างหลิ่วซื่อและไป๋หลิวเจวี๋ย และตอนนี้นางยังมุ่งความสนใจไปที่เรื่องลูกชายของนางถูกผลัก ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สีหน้าวิตกกังวลของเนี่ยนเนี่ยนทำให้นางประทับใจมากกว่า
เพียงแต่หลิ่วซื่อเป็นเจ้านาย นางจึงไม่สามารถตำหนินางดัง ๆ ได้ นางจึงได้แต่ระงับความไม่พอใจ แล้วอธิบายว่า “ฮูหยิน แม่นางอวี้ซีคนนี้เป็นหมอ นางเป็นห่วงฮูหยินเฒ่า จึงสูญเสียการควบคุมตัวเองไป เพราะความเป็นห่วงฮูหยินเฒ่าเจ้าค่ะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…” หลิ่วซื่อชักมือกลับเมื่อได้ยินว่านางเป็นหมอ
นางยังคงรู้สึกอยู่ในใจ ฮูหยินเฒ่าไป๋เป็นลมต่อหน้านาง หากตามหมอมาช้าอีก นายท่านอาจจะหย่ากับนางด้วยความโกรธ
“ข้าเข้าใจ ข้าไม่โทษแม่นางอวี้ซีหรอก” ไป๋หลิวเจวี๋ยรีบเปิดปากพูดแทนเนี่ยนเนี่ยน เขานึกได้ว่าตอนที่เขาอยู่ในสวนจิ่นเฟิง พี่ใหญ่ยังบอกด้วยว่าหญิงที่ชื่ออวี้ซีคนนี้มีทักษะทางการแพทย์ และรีบถอยหลังเล็กน้อยเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับนาง
เมื่อหลิ่วซื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของนางก็แย่ลงทันที
แม่นมอวี๋กลัวว่านางจะพูดอะไรไร้สาระอีก จึงรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามเนี่ยนเนี่ยนว่า “อวี้ซี ท่านแม่เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เป็นเพราะความโกรธ แต่จากนี้ไปต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าโกรธอีก เกรงว่าความดันโลหิตจะพุ่งสูงขึ้น และร่างกายจะรับไม่ไหวเจ้าค่ะ”
แม่นมอวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบพูดว่า “เช่นนั้นวันนี้แม่นางอวี้ซีควรอยู่ในโถงเล่อฝู ฮูหยินเฒ่าต้องมีหมอหญิงอย่างแม่นางอวี้ซีคอยอยู่เคียงข้าง เมื่อท่านแม่เฒ่าฟื้น แม่นางอวี้ซีค่อยกลับไปได้หรือไม่? ส่วนคุณชายใหญ่ที่อยู่ที่นั่นจะต้องเข้าใจแน่นอน”
คุณชายใหญ่ที่อยู่ที่นั่นงั้นหรือ?
หลิ่วซื่อที่อยู่ข้าง ๆ หูผึ่งทันที และมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยสายตาคมกริบ
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จงใจทะเลาะให้ฮูหยินเฒ่าโกรธหรือเปล่าเนี่ย จะได้บงการตระกูลง่ายๆ
ไหหม่า(海馬)