อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 166 ข้าเชื่อทุกเรื่องที่เจ้าพูด
ตอนพิเศษ 166 ข้าเชื่อทุกเรื่องที่เจ้าพูด
ตอนพิเศษ 166 ข้าเชื่อทุกเรื่องที่เจ้าพูด
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเห็นเขายกยิ้ม สีหน้าของนางก็ยิ่งบึ้งตึงกว่าเดิม
นางอยากจะยิ้มเยาะเขา แต่ไม่สามารถควบคุมใบหน้าที่แข็งทื่อและน้ำเสียงห้วน ๆ ของตัวเองได้ “คุณชายใหญ่ ในอนาคตท่านจะแต่งงานกับคุณหนูเปี่ยวหรือเจ้าคะ?”
ไป๋หลิวอี้ผงะไปครู่หนึ่ง แล้วเผลอขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่งงานกับหลิ่วยางยางหรือ? หญิงคนนั้นเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกดูใจดีและอ่อนแอ แต่ภายในเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย เขาคงจะเสียสติไปแล้วหากแต่งงานกับสตรีเช่นนี้
เมื่อมองดวงตาสุกใสของเนี่ยนเนี่ยนและเห็นนางกำหมัด เขาจึงถามอย่างเสียไม่ได้ว่า “เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนั้น?”
“ทุกคนในจวนซูกั๋วกงพูดอย่างนั้น”
ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้วมองอาเวินที่อยู่ข้าง ๆ “หือ?”
อาเวินกำลังจะเตือนเนี่ยนเนี่ยนว่าคุณชายใหญ่เป็นเจ้านาย ดังนั้นจึงควรใช้น้ำเสียงนุ่มนวลกว่านี้ คาดไม่ถึงว่าจะเห็นสายตาของไป๋หลิวอี้มองมา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนรีบก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “ทั้งจวน… พูดเช่นนั้นกันจริงขอรับ”
แค่ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายไปถึงหูของคุณชายใหญ่ แม้แต่ติงเซียง ความเป็นจริงเป็นเพราะนางได้รับผลประโยชน์มากมายจากคุณหนูเปี่ยว จึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าคุณชายใหญ่ ด้วยเพราะนางไม่กล้า
ส่วนสาวใช้คนอื่นล้วนไม่สามารถเข้าใกล้คุณชายใหญ่ได้
ในฐานะองครักษ์ของคุณชายใหญ่ เขาเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มามากมาย แต่…
“บ่าวคิดว่าต่อให้คุณหนูเปี่ยวจะคิดอย่างไร สุดท้ายฮูหยินเฒ่าก็จะไม่เห็นด้วย บ่าวจึงไม่พูดต่อหน้าคุณชายใหญ่ เพราะเกรงว่าจะทำให้คุณชายใหญ่ลำบากใจมากขึ้นขอรับ” เขาอยากจะหยุดข่าวลือนั้น แต่กลับยุ่งอยู่กับการติดตามคุณชายใหญ่อยู่นอกจวนตลอดทั้งวัน แล้วจะสู้ความเร็วในการแพร่กระจายข่าวของคุณหนูเปี่ยวได้อย่างไร?
พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เคยเตือนคุณชายใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนคุณชายใหญ่จะไม่สนใจ ทั้งยังทำสีหน้าเย้ยหยันอีกด้วย โดยบอกแค่ว่าเขามีสัญญาหมั้นหมายแล้ว เรื่องเหล่านี้จึงไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเขาจึงไม่ถามอะไรอีก
อาเวินไม่พูดอะไรอีก สุดท้ายข่าวลือนี้ก็แพร่สะพัดแค่ในหมู่คนรับใช้เท่านั้น ฮูหยินเฒ่าและซูกั๋วกงก็ไม่เคยเข้าใกล้คุณชายใหญ่เพราะเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายใหญ่ดูเหมือนจะส่งจดหมายขอแต่งงานไปเมื่อสองสามวันก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้
ในเมื่อคุณหนูเปี่ยวต้องการเสี่ยงชีวิตและทำให้ชื่อเสียงของตัวเองด่างพร้อย แล้วเขาจะกล้าหยุดนางได้อย่างไร?
เขายังต้องทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการป้องกันไม่ให้คุณหนูเปี่ยว ฉวยโอกาสกับคุณชายใหญ่เสียจนสายเกินแก้
ไป๋หลิวอี้ก็ครุ่นคิดเช่นกัน เขามองใบหน้าโกรธเคืองของเนี่ยนเนี่ยน ก่อนจะหัวเราะและบอกให้อาเวินออกไป
อาเวินรีบออกจากห้องหลักด้วยความสงสัย
จากนั้นไป๋หลิวอี้ก็กวักมือเรียกเนี่ยนเนี่ยนให้ไปนั่งบนขอบเตียงของเขา
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว ค่อนข้างไม่เต็มใจ เหตุใดนางต้องทำตามที่เขาบอกด้วย?
แต่เมื่อเห็นว่าไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้วและกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง ในที่สุดนางก็กัดฟันเดินไปหา
ไป๋หลิวอี้ยังคงยกยิ้ม แล้วเอนตัวลงนอนอีกครั้ง “เหตุใดเจ้าจึงโกรธนัก?”
“ข้าไม่ได้โกรธ…” เนี่ยนเนี่ยนปฏิเสธ แต่ในใจเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้น ตอนที่อยู่ในโถงเล่อฝู นางยังมีความคิดจะแต่งงานกับเขา แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลิ่วยางยางทำตัวออดอ้อนออเซาะอยู่ที่ขอบเตียงของเขา นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตน ซึ่งกระตุ้นให้อยากจะกลับไปหยิบขวดสีแดงที่ห้องนางมาใช้
เมื่อไป๋หลิวอี้ถามคำถามนี้กับนาง นางก็คิดในใจว่านางไม่อาจทนได้แล้ว แม้ว่านางจะต้องการก็ตาม
ความคิดนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัด กระทั่งหายใจยังยากลำบาก
“หืม?” เมื่อเห็นสีหน้าของนางเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ไป๋หลิวอี้ก็กังวลเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่านางได้รับบาดเจ็บจากงูพิษ ที่หลิ่วยางยางปล่อยมา? “ไม่สบายหรือเปล่า?”
เนี่ยนเนี่ยนส่ายหน้าอย่างแรง ก่อนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แล้วลดเสียงลง “ไม่มีอะไร ข้าแค่… แค่อยากบอกท่านว่าคุณหนูเปี่ยวไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่เห็น หาก… หากท่านอยากแต่งงานกับนางในอนาคต ก็จะต้องเสียใจแน่นอน … ข้าแค่คิดว่าในฐานะสาวใช้ของท่าน ข้ามีภาระหน้าที่ที่จะต้องเตือนท่าน ท่านอาจจะไม่เชื่อคำพูดของข้า เพราะนางกับท่านอยู่ด้วยกันมาหลายปี ส่วนข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน ข้า…”
“ข้าเชื่อ” ไป๋หลิวอี้ยื่นมือออกไปวางไว้บนหลังมือของนางทันที
เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลใจของเนี่ยนเนี่ยนจากการพูดตะกุกตะกักของนาง
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ โดยไม่สนใจแม้แต่มือที่สัมผัสมือของนางอยู่ “ท่านเชื่อข้าหรือ?”
“ใช่”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก แล้วพูดอย่างลำบากใจว่า “แต่เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ท่านไม่กลัวหรือว่าข้าโกหก และต้องการพูดจาสร้างความบาดหมาง?”
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม “ข้าเชื่อทุกเรื่องที่เจ้าพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึง รู้สึกว่าหัวใจสาวน้อยของตนกำลังพองโต จนอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ไป๋หลิวอี้คนนี้ช่าง…
จะทำอย่างไรดี นางไม่อยากระงับความรู้สึกเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว
“แล้ว… แล้วถ้าข้าบอกว่าวันนี้คุณหนูเปี่ยวเอางูพิษมาทำร้ายข้าในสวนดอกไม้ ท่านจะเชื่อหรือเปล่า?”
จริงหรือ!
มือขวาของไป๋หลิวอี้กุมหลังมือนางแน่นขึ้นทันใด สีหน้าของเขาพลันเย็นชา
ตอนนั้นเองที่เนี่ยนเนี่ยนตระหนักว่านางกับเขากำลังจับมือกันอยู่จริง ๆ นางจึงรีบชักมือกลับ รู้สึกกระอักกระอ่วนไปทั้งตัว
“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนกระแอมเบา ๆ “ไม่ ข้าจับงูตัวนั้นได้ และให้คนเอาไปทำน้ำแกงงูแล้ว ท่านอยากกินหรือไม่?”
ไป๋หลิวอี้แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีสาวใช้คนหนึ่งในครัวที่ปรุงน้ำแกงงูได้เก่งมาก ถ้าเจ้าอยากกินก็ไปบอกนาง”
“โอ้…” เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าลง สายตาจับจ้องไปยังมือที่เขาจับ และยังคงสัมผัสได้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่หลังมือ ซึ่งทำให้นางยิ่งดูไม่เป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม
เมื่อไป๋หลิวอี้เห็นดังนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็สดใสขึ้นเรื่อย ๆ
เขาครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจบอกนางว่า “ข้าจะไม่แต่งงานกับคุณหนูเปี่ยว เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้ชอบนาง ปกติข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับนางมากนักอยู่แล้ว เพียงแค่นางเป็นแขกของจวนซูกั๋วกง เป็นธรรมดาที่นางจะมาเยี่ยมเมื่อข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่บังเอิญที่เจ้ากลับมาตอนที่นางเพิ่งนั่งลงพอดี เจ้ามาช่วยข้าได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องพิจารณาว่าข้าควรสั่งให้อาเวินไล่นางออกไปหรือไม่ พูดตามตรง ข้าทนไม่ได้ที่นางต้องการป้อนยาให้ข้า อีกทั้งข้าก็ไม่ได้คิดจะดื่มน้ำยานั่นด้วย ช่วงนี้ข้ากินแต่ยาที่เจ้าให้ข้า ทักษะทางการแพทย์ของเจ้าดีอยู่แล้ว ข้าย่อมไว้วางใจเจ้ามากกว่า”
เนี่ยนเนี่ยนกะพริบตา เขากำลังอธิบายให้นางฟังหรือ?
เขาบอกว่าเขาทนไม่ได้ที่หลิ่วยางยางป้อนยาให้เขา แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขเมื่อนางป้อนยาให้เขา
เนี่ยนเนี่ยนเริ่มหน้าแดงและหัวใจเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก นางลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตกใจกับความคิดของตัวเอง และอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปให้พ้นสายตาของไป๋หลิวอี้ ไม่เช่นนั้นนางกลัวว่าตนเองจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น เช่นนั้นข้าจะไปทำน้ำแกงงูก่อน…”
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็เดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ไป๋หลิวอี้ตอบ
เมื่อเห็นร่างของนางกำลังหลบหนี ไป๋หลิวอี้ก็ยกยิ้ม เขาหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเฉยเมย ก่อนจะเปล่งเสียงไปที่ประตู “อาเวิน”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขาเชื่อเธอหมดใจด้วยอะ ตกหลุมรักเขาได้ยังเนี่ยนเนี่ยน
ไหหม่า(海馬)