อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 18 คุกเข่าบนเศษกระเบื้อง
ตอนพิเศษ 18 คุกเข่าบนเศษกระเบื้อง
ตอนพิเศษ 18 คุกเข่าบนเศษกระเบื้อง
สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่จวิ้นจู่จิ่นซิ่วคาดไว้ ทันทีที่หลานสุ่ยชิงเข้าไปในประตูจวนหลาน พ่อบ้านก็รีบวิ่งมาบอกว่าไท่ฮูหยินสั่งให้เรียกตัวนางไปพบ
เมื่อพ่อบ้านพูดเช่นนั้น แววตาของเขาก็ฉายแววเอ็นดูสงสาร
พ่อบ้านอยู่ที่จวนหลานมาหลายปีแล้ว และแม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งและอำนาจสูง แต่เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทางดูหมิ่นหลานสุ่ยชิงเหมือนคนรับใช้คนอื่น ๆ
เขายังดูแลนางอย่างดีด้วยซ้ำ แต่ขอบเขตงานของเขาไม่ได้ครอบคลุมเรือนชั้นใน จึงไม่อาจเข้าไปควบคุมเรือนชั้นในได้ แม้แต่ค่าอาหารและเสื้อผ้าของหลานสุ่ยชิงเขาก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ จึงทำได้เพียงแอบช่วยเหลือนาง
ตัวอย่างเช่นที่หลานสุ่ยชิงแอบออกจากจวนได้อย่างเงียบเชียบ อันที่จริงสาเหตุก็มาจากเขา
คราวนี้ไท่ฮูหยินดูจะเกรี้ยวกราด เกรงว่าคุณหนูใหญ่จะโชคไม่ดีเสียแล้ว
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองกับคุณหนูสามอยู่ในเรือนของไท่ฮูหยิน ดังนั้นโปรดระวังด้วยขอรับ”
หลานสุ่ยชิงส่งยิ้มให้พ่อบ้าน “ขอบคุณพ่อบ้านหลิว ข้าคิดไว้แล้วล่ะ”
พ่อบ้านหลิวถอนหายใจ ขณะมองแผ่นหลังของนางค่อย ๆ ห่างออกไป
เรือนของไท่ฮูหยินมีชีวิตชีวามากในขณะนี้ ไม่เพียงแต่ไท่ฮูหยินเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น แต่ยังมีจินซื่อ ผู้เป็นแม่ของหลานสุ่ยหยวน ที่ตอนนี้รองเจ้ากรมหลานเลื่อนตำแหน่งให้เป็นภรรยารอง และเสี่ยวจินซื่อ ผู้เป็นแม่ของหลานสุ่ยเถียนที่เป็นอนุภรรยา
ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน พวกนางล้วนมีรูปโฉมงดงามและกิริยามารยาทเรียบร้อย
อืม อย่างน้อยก็ในสายตาชาวโลก นิสัยของพวกนางเหมือนอยู่ในโอวาทมาก
จินซื่อไม่เคยจงใจแสดงให้เห็นว่านางเป็นคนชอบแข่งขันและทะเยอทะยาน เมื่อแม่ของหลานสุ่ยชิงถูกละเลย หรือถูกคลางแคลงใจ นางก็มักจะลุกขึ้นมาพูด
แต่ทั้งภายในและภายนอกคำพูดเหล่านั้น มักจะยิ่งกระตุ้นความสงสัยของรองเจ้ากรมหลานและไท่ฮูหยินเสมอ
ย้อนกลับไปตอนที่รองเจ้ากรมหลานต้องการรับนางเป็นภรรยารอง นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปฏิเสธ จนถึงกับบอกว่าจะยอมตายด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเหตุใดนางถึงถูกรับมาได้ เกรงว่าจะมีแต่นางเท่านั้นที่รู้
ตอนนี้นางมีหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดในจวน และนางไม่เคยปฏิบัติเลวร้ายต่อหลานสุ่ยชิงกับแม่ ในเรื่องอาหารและเสื้อผ้า เพียงแต่… ทุกสิ่งที่ให้มาล้วนดีที่สุดในจวน โดยบอกว่านี่เป็นการปฏิบัติที่ฮูหยินและลูกสาวพึงได้รับ
ทว่าเมื่อเรื่องนี้ถึงหูไท่ฮูหยินในวันรุ่งขึ้น ไท่ฮูหยินก็ลดงบประมาณลงด้วยความโกรธ ทำให้นางกับแม่ได้รับแต่สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าที่คนรับใช้ทั่วไปได้รับเสียอีก
ใช่แล้ว การปฏิบัติต่อแม่กับนางอย่างทารุณนั้น เกิดขึ้นเพราะจินซื่อไม่มีทางเลือก นางถูก… บังคับให้ทำเช่นนั้น นางทำอะไรไม่ได้เลย และอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเห็นความอยุติธรรมเช่นนี้ นางต้องรู้สึกทรมานใจเพียงใด
เมื่อหลานสุ่ยชิงคิดเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
แม่ของนางจะเป็นคู่ต่อสู้ของสองพี่น้องคู่นี้ได้อย่างไร? เมื่อเห็นว่ารองเจ้ากรมหลานไม่ได้เข้าไปในห้องของอนุคนอื่น ๆ มาหลายปีแล้ว ก็เห็นได้ถึงระดับความโปรดปรานที่พวกนางได้รับ
บัดนี้สองพี่น้องจินซื่อกำลังนั่งอยู่ข้างไท่ฮูหยิน พร้อมปลอบโยนด้วยเสียงแผ่วเบา
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนก็นั่งขนาบข้างไท่ฮูหยิน ขณะกอดนางร้องไห้อย่างโศกเศร้า
ทันทีที่หลานสุ่ยชิงเข้ามาในห้อง สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่นาง
จินซื่อพูดด้วยความ ‘เมตตา’ ทันทีว่า “สุ่ยชิง เหตุใดเจ้าไม่คุกเข่าให้ท่านย่าของเจ้า? ให้ท่านย่าของเจ้าสงบสติอารมณ์ก่อน”
ไท่ฮูหยินได้ยินดังนั้นก็นึกเย้ยหยันทันที แล้วปัดถ้วยชากระเบื้องบนโต๊ะข้างนางอย่างแรง
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนมีสายตาเฉียบคม นางยกมือต่อหน้าไท่ฮูหยินทันที “อย่าโกรธเลยเจ้าค่ะท่านย่า พี่สาว ท่านยังไม่ยอมคุกเข่าลงอีก จะทำให้ท่านย่าป่วยจริงหรือ?”
หลานสุ่ยชิงมองไปยังคนในครอบครัวนี้ แล้วรู้สึกได้ทันทีว่านางเป็นคนนอก ทุกคนกำลังมุ่งเป้ามาที่นาง และต้องการทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานโดยไม่ลังเล
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองไปยังถ้วยชาที่แตกกระจายอยู่บนพื้น หลังจากหาบริเวณที่สะอาดได้แล้วก็ค่อย ๆ คุกเข่าลง
ไท่ฮูหยินเบะปากมากกว่าเดิมด้วยความเย้ยหยัน “คุกเข่าบนเศษกระเบื้อง ได้ยินหรือไม่”
พี่น้องจินซื่อเริ่มเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “ไท่ฮูหยินเจ้าคะ เด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลงโทษเช่นนี้จะรุนแรงเกินไป อย่างไรเสียนางก็เป็นลูกสาวคนโตของจวนหลานที่มีผิวบอบบางและอ่อนนุ่ม นางจะคุกเข่าลงบนเศษกระเบื้องได้อย่างไรเจ้าคะ?”
ไท่ฮูหยินเหลือบมองพวกนางด้วยสายตาดุดัน เพื่อบอกให้พวกนางหุบปาก แต่สายตาชั่วร้ายของนางยังคงจ้องเขม็งไปที่หลานสุ่ยชิง “รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือ? นางกล้าทำให้คุณหนูเสิ่นตกลงไปในทะเลสาบ จะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้อย่างไร? คุณหนูเสิ่นเป็นใคร? จะปล่อยให้ถูกนางลูกนอกสมรสนี่ทำให้ขายหน้าได้อย่างไร?”
ลูกนอกสมรสหรือ? หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้ยินคำนี้
แต่ทุกครั้งที่ได้ยิน ก็รู้สึกเหมือนถูกหนามทิ่มแทงใจ
คุณหนูเสิ่นเป็นใครงั้นหรือ? เป็นคนนอก!! นางเป็นคนสกุลเสิ่น ส่วนหลานสุ่ยชิงเป็นคนสกุลหลาน
นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองไท่ฮูหยินเขม็ง “ข้าทำให้คุณหนูเสิ่นตกลงไปในทะเลสาบงั้นหรือ? ท่านย่าหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ? เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจ?”
“พี่สาว เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านบอกความจริงมาเถิดเจ้าค่ะ” หลานสุ่ยหยวนเกลี้ยกล่อม “แม้ว่าท่านจะปฏิเสธคำเชิญให้ไปว่ายน้ำในทะเลสาบของพี่เสิ่น แต่ท่านก็ต้องพูดออกมา พี่เสิ่นไม่ทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ แต่เหตุใดท่านต้องหาข้ออ้างออกไป แล้วแอบโจมตีพี่เสิ่นเช่นนั้นด้วย?”
“ใช่ พี่เสิ่นเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ เสนาบดีกรมราชทัณฑ์เป็นคนมีอำนาจ เมื่อมีคดีมาอยู่ในมือของเขา นักโทษจะต้องยอมสารภาพอย่างตรงไปตรงมา หากใต้เท้าเสิ่นรู้ว่าพี่สาวเป็นคนทำ เช่นนั้นพ่อของเราก็คง…” หลานสุ่ยเถียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ดูเป็นกังวลมาก
ทันทีที่ไท่ฮูหยินได้ยินคำพูดเหล่านี้ เส้นเลือดบนหน้าผากของนางก็เริ่มปูดขึ้นมา ก่อนจะพูดกับแม่นมที่อยู่ข้างนางว่า “กดตัวนางลงบนเศษกระเบื้องให้คุกเข่าให้ข้า แล้วอย่าลุกขึ้นมาจนกว่าจะผ่านคืนนี้ไป”
“เจ้าค่ะ” แม่นมเดินไปหาหลานสุ่ยชิง
ทันใดนั้นหลานสุ่ยชิงก็เงยหน้าขึ้นพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ข้าจะทำให้คุณหนูเสิ่นตกลงไปในทะเลสาบได้อย่างไร? น้องสาวทั้งสองเข้าใจผิดหรือไม่? ในเมื่อตอนนั้นข้าตอบตกลงไปแล้ว ข้าก็ย่อมต้องไป ขณะที่ข้ากำลังจะไปก็บังเอิญพบจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว จวิ้นจู่จิ่นซิ่วขอให้ข้าพูดคุยด้วย ข้าจึงปฏิเสธไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากจวิ้นจู่กริ้ว แล้วบอกว่าลูกสาวสกุลหลานของเราไม่รู้จักมารยาท นั่นก็จะทำให้น้องรองและน้องสามถูกตำหนิด้วยไม่ใช่หรือ?”
“เดี๋ยวก่อน” ไท่ฮูหยินผงะ แล้วรีบหยุดแม่นมที่เดินไปข้างหน้า ก่อนขมวดคิ้วถามหลานสุ่ยชิง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
จวิ้นจู่จิ่นซิ่วหรือ?
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนก็ตกตะลึงเช่นกัน จึงหันไปมองหลานสุ่ยชิงทันที
นางบอกว่าจวิ้นจู่จิ่นซิ่วต้องการคุยกับนางงั้นหรือ?
จินซื่อและน้องสาวขมวดคิ้วมากกว่าเดิม และจ้องมองนางราวกับพยายามจับผิดนางจากสีหน้า
หลานสุ่ยชิงพยักหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่จิ่นซิ่วยังบอกด้วยว่าจะชวนข้าไปว่ายน้ำในทะเลสาบ แต่ข้าคิดว่าข้าตกลงกับคุณหนูเสิ่นไว้แล้ว จึงกล่าวขอโทษไป และคิดหาวิธีให้ทั้งสองฝ่าย โดยคิดจะชวนน้องสาวทั้งสองมาว่ายน้ำในทะเลสาบด้วยกัน แต่แล้วข้าก็ได้ยินข่าวเหลือเชื่อที่ว่าคุณหนูเสิ่นตกน้ำ ข้าได้ยินมาว่านางกลัวแมลงที่ตกลงมาจากต้นไม้ อีกทั้งจวิ้นจู่จิ่นซิ่วยังบอกด้วยว่าโชคดีที่ข้าไม่ได้ไป ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องตกใจกลัวจะกลายเป็นข้าแทน”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สุ่ยชิงก็แสบใช่ย่อยนะคะ อยู่ร่วมกับคนแสบๆ พวกนี้เลยต้องพัฒนาไหวพริบและฝีปากสินะ
ไหหม่า(海馬)