อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 186 เจ้าหลอกข้า
ตอนพิเศษ 186 เจ้าหลอกข้า
ในห้องเงียบอย่างยิ่ง เงียบสงัดจนวังเวง
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เนี่ยนเนี่ยน ราวกับว่าร่างกายของทุกคนถูกแช่แข็ง จนไม่อาจขยับเขยื้อนได้
เนี่ยนเนี่ยนมองไป๋หลิวอี้ด้วยความกังวล นัยน์ตาของเขามีรอยยิ้ม และยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เนี่ยนเนี่ยนก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในใจเขา
นางเม้มปากมองไปที่ฮูหยินเฒ่าไป๋อีกครั้ง สายตาของฮูหยินเฒ่าไป๋แลดูซับซ้อนขณะจ้องมองเนี่ยนเนี่ยนเช่นกัน
แม้ว่าไป๋ชูเฟิงจะประหลาดใจ แต่เขาก็สงบมากยามตระหนักได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแสดงว่ากำลังครุ่นคิด
ดวงตาของไป๋หลิวเจวี๋ยเบิกกว้าง เย่ชิ่นซีหรือ? นางคือเนี่ยนเนี่ยนงั้นหรือ? เด็กหญิงตัวน้อยในตอนนั้น โตขึ้นเป็นสาวงามถึงเพียงนี้เลยหรือ? ตอนนั้นนางปฏิเสธข้อเสนอของท่านอารองไป๋ ปฏิเสธที่จะทำสัญญาหมั้นหมายตอนเด็กกับเขา นางคือเนี่ยนเนี่ยนของพี่ใหญ่งั้นหรือ?
ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปมองพี่ใหญ่ของเขา เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงของไป๋หลิวอี้ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
สีหน้าของหลิ่วซื่อและหลิ่วยางยางเปลี่ยนไปมาก หลิ่วซื่อเป็นคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น และนางก็คุ้นเคยกับอวี้ชิงลั่วเป็นอย่างดี นางรู้สถานะของหญิงคนนั้นในตระกูลไป๋ ตระกูลลู่และแม้แต่ในราชวงศ์ชัดเจนมาก
ดังนั้น เมื่อไป๋อีเฟิงเสนอให้ไป๋หลิวเจวี๋ยหมั้นหมายกับเนี่ยนเนี่ยน นางจึงตกลงอย่างเต็มใจทันที เนี่ยนเนี่ยนคนนี้ได้รางวัลจากฮ่องเต้และราชวงศ์ทันทีที่นางเกิด หากนางได้เป็นภรรยาของไป๋หลิวเจวี๋ย ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแย่งตำแหน่งซื่อจื่อของเขาไปได้ เพราะสุดท้ายแล้ว หญิงอย่างอวี้ชิงลั่วและชายอย่างเย่ซิวตู๋ จะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวและลูกเขยของพวกเขาถูกรังแก
แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายโชคจะไปตกอยู่ที่ไป๋หลิวอี้ ดังนั้นเมื่อพวกเขากลับมาจากอาณาจักรเฟิงชาง นางจึงเกลียดเขามาก จนเกือบทรมานไป๋หลิวอี้จนตาย
ตอนนี้หญิงคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว และดูเหมือนว่านางจะเข้ากับไป๋หลิวอี้ได้ดี ทันใดนั้นนางก็กัดฟันแน่น และรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
หลิ่วยางยางสั่นสะท้านไปทั้งตัว นางอาจไม่รู้ว่าเย่ชิ่นซีเป็นใครมาก่อน แต่ตั้งแต่มีข่าวลือแพร่สะพัดในเมืองหลวง นางก็สลักชื่อนี้ไว้ในใจของนาง โดยหวังว่าจะเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ มีนิสัยอ่อนแอ และถูกกลั่นแกล้งรังแกได้ง่ายมาก
ทว่าคนตรงหน้านางไม่เพียงแต่มีรูปโฉมงดงามเท่านั้น แต่ยังมีนิสัยที่ตรงข้ามกับคำว่าอ่อนแอ หรืออาจกล่าวได้ว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย
หลิ่วยางยางกัดฟันแน่น ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมององค์หญิงสิบสาม ที่มีความคิดเช่นเดียวกับนาง
ปฏิกิริยาขององค์หญิงสิบสามรุนแรงกว่าเดิม นางกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนเกือบแตกเป็นแผล
นางเข้าใจชัดเจนกว่าหลิ่วยางยาง เข้าใจชัดเจนว่าการมีอยู่ของเนี่ยนเนี่ยนหมายถึงอะไร เพียงแค่ดูจากความสัมพันธ์ระหว่างไท่จื่อกับนางในตอนนี้ ก็รู้ว่าหากมีหญิงคนนี้อยู่ใกล้ ๆ เสด็จพี่จะไม่มีวันปล่อยให้ไป๋หลิวอี้กับนางแยกทางกัน และนางจะได้แต่งงานกับเขาเป็นแน่
ต่อให้นางจะยอมเป็นอนุหรือนางบำเรอ ก็คงเป็นไปไม่ได้
ถังมู่เทียนจิบชาเงียบ ๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ในที่สุดก็พูดกับเนี่ยนเนี่ยนด้วยรอยยิ้ม “ว่าอย่างไร? เหตุใดเจ้าไม่ตามข้าเข้าวังหลวงตอนนี้เลยเล่า เสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะต้องดีใจมาก”
เนี่ยนเนี่ยนมองไปรอบ ๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า
ถังมู่เทียนยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม องค์หญิงสิบสามตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางรีบกระซิบว่า “เสด็จพี่…”
ถังมู่เทียนมองนางแล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง น้องสาวคนนี้จะไม่เข้าใจความตั้งใจของเขาในเวลานี้อย่างชัดเจนได้อย่างไร? เขาเหลือบมองนางและถามว่า “มีอะไร? เจ้ายังต้องการจัดการเรื่องที่เนี่ยนเนี่ยนโต้แย้งเจ้าอยู่อีกหรือ? เจ้าออกจากตำหนักจื้อชูโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ยังไม่โดนคิดบัญชี เนี่ยนเนี่ยนเป็นแขกผู้มีเกียรติจากอาณาจักรเฟิงชาง แต่เจ้ายังตะโกนเรียกคนมาฆ่านาง นี่เป็นวิธีต้อนรับของเจ้างั้นหรือ?””
“ข้า…” องค์หญิงสิบสามหดคอด้วยความกลัว
ถังมู่เทียนเข้มงวดมากเมื่อเขาทำสีหน้าจริงจัง องค์หญิงสิบสามเริ่มรู้สึกกังวล โชคดีที่องค์ชายเก้าตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบจับมือนาง แล้วพูดกับถังมู่เทียนว่า “เสด็จพี่รองโปรดอภัยด้วยขอรับ มันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของสิบสามเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายขอรับ”
“ฮึ่ม” ตะโกนเรียกคนมาฆ่าคนขนาดนี้ ยังไม่เรียกว่ามีเจตนาร้ายอีกหรือ?
แต่ตอนนี้อยู่ในจวนซูกั๋วกง จึงเป็นเรื่องยากที่จะพูด เมื่อเห็นว่าองค์หญิงสิบสามไม่พูดอะไร เขาจึงพยักหน้าและยืนขึ้น
“เอาล่ะ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำในวัง ซูกั๋วกง ข้าจะพาเนี่ยนเนี่ยนเข้าไปในวังเพื่อเข้าเฝ้าเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ส่วนเรื่องการแต่งงานของนางกับหลิวอี้… ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง เจ้าและอุปราชแห่งเฟิงชางควรหารือเรื่องนี้กันก่อน หากต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าจะไม่รีรอแน่นอน”
คำพูดเหล่านี้ถือเป็นคำสัญญาที่หนักแน่น ดวงตาของซูกั๋วกงเป็นประกาย เขารีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนหลิ่วซื่อกัดปากตัวเองอย่างแรง ไท่จื่อให้ความสำคัญกับลูกสาวของอวี้ชิงลั่วมาก และระดับความโปรดปรานของนางก็เหนือกว่าองค์หญิงสิบสามอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับว่าฮ่องเต้รักอวี้ชิงลั่วที่เป็นธิดาบุญธรรม มากกว่าธิดาแท้ ๆ ของตัวเอง
ทุกคนในห้องส่งถังมู่เทียนและเนี่ยนเนี่ยนออกไปด้วยความเคารพ เนี่ยนเนี่ยนหันกลับมามองฮูหยินเฒ่าไป๋และไป๋หลิวอี้อีกครั้ง ในใจแอบรู้สึกหงุดหงิด
เหวินหย่าเดินไปหาโม่เพียว แล้วกระซิบกับนางว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปกับเนี่ยนเนี่ยน”
โม่เพียวรู้สึกว่าเหวินหย่าโกรธนางอย่างเห็นได้ชัด เหตุการณ์วันนี้เป็นอุบัติเหตุ จะโทษนางได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องคุณหนู และยืนหยัดต่อหน้าคุณหนูอย่างกล้าหาญ เพื่อไม่ให้คุณหนูถูกรังแก
นางกัดริมฝีปาก แล้วตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
ซูกั๋วกงและคนอื่น ๆ ออกจากห้องโถงด้านหน้า เพื่อส่งเสด็จไท่จื่อออกจากจวนซูกั๋วกง
ติงเซียงและหงหยายังคงคุกเข่าลงบนพื้นอยู่ในห้องโถงด้านหน้า ทั้งตัวของพวกนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
จนกระทั่งเจ้านายในห้องออกไปหมดแล้ว ทั้งสองก็นั่งลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง จ้องมองกันและกันเป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกตัว เมื่อครู่นี้พวกนางรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด เกือบตายแล้ว
โม่เพียวเงียบ และช่วยพยุงทั้งสองขึ้นด้วยความหวังดี
ติงเซียปล่อยให้นางดึงขึ้นขณะตัวอ่อนปวกเปียก สายตาของนางยังคงพร่ามัวจนถึงตอนนี้ และจิตใจของนางก็ว่างเปล่า
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของโม่เพียว “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? ให้ข้าช่วยพากลับไปพักผ่อนหรือไม่?”
ติงเซียงตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็กลับมามีสติ แล้วจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน “เจ้าหลอกข้า”
โม่เพียวทำหน้าใสซื่อ “ข้าหลอกเจ้าตอนไหน?”
“เจ้า เจ้า… เจ้าบอกว่าเจ้าอยากให้ข้าสนับสนุนคู่หมั้นของคุณชายใหญ่” ติงเซียงไม่ได้อยากตะโกนใส่โม่เพียวในตอนนี้ แต่นางยังคงตกใจอยู่ หากนางเปล่งเสียงออกมาเพื่อระงับความตกใจ นางอาจจะเป็นอัมพาตอีกครั้ง
โม่เพียวกะพริบตา “ถูกต้อง แต่นั่นไม่ใช่การหลอกเจ้าเสียหน่อย”
“เจ้าพูดอย่างชัดเจน เจ้าพูดอย่างชัดเจนว่าคู่หมั้นของคุณชายใหญ่จะมาที่จวนซูกั๋วกง และนางจะไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ดังนั้นนางจะพึ่งพาและใช้งานข้า”
แต่ดูสิว่าตอนนี้เป็นอย่างไร???