อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 187 ไม่อนุญาตให้ไป
ตอนพิเศษ 187 ไม่อนุญาตให้ไป
พึ่งพาอะไร ใช้งานอะไรกัน?
อวี้ซีเป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่ ตอนที่เป็นเพียงสาวใช้ก็ดูเหมือนจะไม่เคยสนใจคุณหนูเปี่ยวหรือแม้แต่องค์หญิงสิบสามในสายตาเลยด้วยซ้ำ แล้วจะพึ่งพานางได้อย่างไร?
ดูผู้คนรอบกายนางสิ โม่เพียว… แม้ว่านางจะซุ่มซ่ามไปบ้าง แต่นางก็เพิ่งเตะนางกำนัลที่อยู่ข้างกายองค์หญิงสิบสามจนกระเด็น และยังเป็นคนที่แข็งแกร่งด้วย
ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่ถูกโม่เพียวเรียกว่าเหวินหย่าผู้เดินพกกระบี่เข้ามาเมื่อครู่นี้ มองปราดเดียวก็รู้ว่านางองอาจปราดเปรื่องมาก
ด้วยกลุ่มคนที่อยู่รอบตัวอวี้ซีเช่นนี้ และด้วยการสนับสนุนของไท่จื่อ นางก็แทบจะอาละวาดในจวนซูกั๋วกงได้แล้ว ฟังจากคำพูดของโม่เพียว ติงเซียงก็รู้สึกว่านางจะต้องใช้ตนให้เป็นประโยชน์ เพราะนางไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้
เมื่อติงเซียงคิดว่าตนเคยต่อต้านอวี้ซีมาก่อน ทั้งยังแอบไปหาหลิ่วยางยางเพื่อฟ้องและใส่ร้ายนาง นางก็รู้สึกว่าอนาคตของตนดูมืดมนนัก
นางควรจะหาทางรักษาชีวิตของตัวเองก่อน
คิดได้ดังนั้น ติงเซียงก็ปัดมือของโม่เพียวที่พยุงนางออก แล้วเดินกะโผลกกะเผลกออกไป
โม่เพียวงุนงง จากนั้นก็ยักไหล่และเดินจากไปพร้อมกับหงหยาในอ้อมแขน
ใบหน้าของหงหยาซีดเผือดและตื่นกลัวกว่าติงเซียง ขณะเดินไปนั้น ขาของนางยังคงสั่นระริก
จนกระทั่งเดินออกจากโถงด้านหน้ามายืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่อาบไล้ร่างกาย นางจึงค่อยกลับมามีสติ ก่อนจะมองไปที่โม่เพียว แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ ข้า ข้าไม่ตายแล้วจริงหรือ?”
โม่เพียวคิดว่าหงหยาน่ารักกว่ามาก นางยกยิ้มทันที แล้วพยักหน้าอย่างแรง “ไม่ต้องกังวล เจ้าปลอดภัยแล้ว”
“… โอ้” หงหยางุนงงเล็กน้อย นางเดินไปสองสามก้าว แล้วหันมาถามอีก “แล้ว แล้วอวี้ซีคนนั้น… เป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่หรือ?”
เมื่อครู่นี้นางได้ยินไม่ชัด เหมือนได้ยินไม่ชัดว่าไท่จื่อบอกว่าอย่างไร
ตอนนี้เมื่อนางกลับมารู้สึกตัวแล้ว จู่ ๆ นางก็ตกใจมาก รีบคว้ามือของโม่เพียว“แม่นางอวี้ซีเป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่จริงหรือ?”
มุมปากของโม่เพียวกระตุก ก่อนพยักหน้า และดึงนางให้เดินไปข้างหน้า
หงหยายังคงสับสน จนกระทั่งทั้งสองเดินไปถึงเรือนต้าทง พ่อแม่และน้องสาวของหงหยาที่รู้ข่าวต่างรีบวิ่งมากอดนางและร้องไห้ด้วยความดีใจ จากนั้นนางก็เล่าเรื่องทุกอย่างพลางร้องไห้ไปด้วย
โม่เพียวยกยิ้มและออกจากเรือนต้าทงไปเงียบ ๆ
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ไปถึงสวนดอกไม้ ฮูหยินเฒ่าเซินจะรีบเข้ามาจับมือนาง แล้วพูดว่า “ฮูหยินเฒ่าต้องการพบเจ้า”
หัวใจของโม่เพียวเต้นไม่เป็นจังหวะ และแอบตะโกนในใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อฮูหยินเฒ่าอยากเจอนาง แสดงว่าต้องการถามเรื่องคุณหนูแน่นอน นางคิดว่ามันจะดีกว่าหากคุณหนูมาอธิบายเรื่องนี้ด้วยตนเอง ถ้านางพูดอะไรผิดไป คุณหนูอาจจะฆ่านางก็ได้
เป็นเพราะเหวินหย่าล้วนๆ จะให้นางอยู่ต่อเพื่ออะไร?
นางรีบพูดกับแม่เฒ่าเซินว่า “ท่านแค่บอกว่าไม่เห็นข้า ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่”
พูดจบก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม่เฒ่าเซินตะลึงงัน และสายเกินไปที่จะวิ่งไล่ตามนาง โม่เพียวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
นางไม่หยุดวิ่งจนกระทั่งออกไปนอกสวนจิ่นเฟิง จากนั้นนางก็ปาดเหงื่อที่หน้าผาก เป็นความผิดของเหวินหย่าแท้ ๆ ที่ควรจะพานางไปด้วย
ในขณะนี้ เหวินหย่าที่อยู่กับเนี่ยนเนี่ยนถูกโม่เพียวนินทาในใจ นางขมวดคิ้วมององค์หญิงสิบสามที่กำลังจ้องมองเนี่ยนเนี่ยนอยู่
เนี่ยนเนี่ยนนั่งอยู่ในรถม้า นางหลับตาพิงผนังรถม้าอย่างผ่อนคลาย
องค์หญิงสิบสามพยายามอดทน ในที่สุดนางก็เอ่ยปาก ขณะอยู่ห่างจากประตูวังหลวงราวร้อยหมี่ “เจ้าอย่าชะล่าใจ เสด็จพี่ปกป้องเจ้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะปกป้องเจ้า ข้ารู้ว่าแม่ของเจ้าคือองค์หญิงเทียนฝู แต่อย่างไรเสีย นางเป็นเพียงธิดาบุญธรรมของเสด็จพ่อ หลังจากไม่ได้พบนางเป็นเวลาหลายปี ความสัมพันธ์ของเสด็จพ่อกับนางก็ย่อมจืดจางลง เจ้าคิดว่าในใจของเสด็จพ่อ ธิดาบุญธรรมจะเทียบได้กับธิดาแท้ ๆ ของตัวเองหรือ?”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก ตอนนี้ไม่ได้มีความบาดหมางกัน แล้วจะพูดกระแนะกระแหนไปเพื่ออะไร? เช่นนั้นเจ้าก็คอยดูให้ดีเถิด
ลูกสาวบุญธรรมไม่ดีเท่าลูกสาวแท้ ๆ ก็จริง แต่ก็ต้องดูด้วยว่าลูกสาวบุญธรรมเป็นแบบใด และลูกสาวแท้ ๆ เป็นแบบใด
เมื่อเห็นนางเงียบ องค์หญิงสิบสามก็ขมวดคิ้ว ขณะต้องการจะพูดอีก รถม้าก็หยุดลงแล้ว
นางกลอกตาก่อนจะรีบลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว และกำลังจะรีบเข้าไปในวังทันที ไม่ว่าอย่างไร นางต้องรีบไปก่อนเนี่ยนเนี่ยนและคนอื่น ๆ นางจะรีบไปฟ้องเสด็จพ่อของนาง
เพียงแต่นางไม่คาดคิดว่าตนจะถูกองค์ชายเก้าคว้าตัวไว้ทันทีที่ลงจากรถม้า
นางจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “พี่เก้า ท่านไม่ยอมออกหน้าช่วยข้าในจวนซูกั๋วกง แล้วท่านยังจะไม่ช่วยข้าที่นี่อีกหรือ?”
ถังอวี้เทียนถอนหายใจ และรู้สึกเสียใจที่พานางออกไปในวันนี้อีกครั้ง “สิบสาม ไท่จื่อยังอยู่ที่นี่ หากเจ้าประมาทแล้วทำให้เขาโกรธอีก เจ้าจะต้องเดือดร้อน”
องค์หญิงสิบสามหันไปมอง แน่นอนว่านางเห็นว่าไท่จื่อก็มองมาทางนางเช่นกัน
องค์หญิงสิบสามไม่กล้าทำผิดทันที นางก้มหน้าลงอย่างเชื่อฟัง แล้วตามเข้าไปในวังหลวง
กลุ่มคนมุ่งหน้าไปยังโถงเฉียนคุนที่ฮ่องเต้นอนพักฟื้นอยู่ เนี่ยนเนี่ยนมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว จึงทราบแผนผังของที่นี่ดี
ถังมู่เทียนยืนอยู่ข้างนาง ขณะพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน “เนี่ยนเนี่ยน ครั้งล่าสุดที่ไป๋หลิวอี้เข้าวังมาสอบ เจ้าก็มาร่วมสนุกด้วยใช่หรือไม่?”
“เสด็จลุง ท่านต้องการจะลงโทษข้าหรือไม่เพคะ?” เนี่ยนเนี่ยนถามเขาอย่างใสซื่อ
ถังมู่เทียนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วลูบหัวนาง “เจ้ามีความผิดหรือ? ผิดด้วยโทษอะไร? ข้าไม่เข้าใจ”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากและยิ้ม ท่านแม่และพี่ใหญ่พูดถูก เสด็จลุงเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายมาก
องค์ชายเก้าและองค์หญิงสิบสามที่เดินตามหลังมา ตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไท่จื่อ
องค์หญิงสิบสามกัดฟันแน่นกว่าเดิม พลางมองแผ่นหลังของเนี่ยนเนี่ยนด้วยสายตาคมกริบราวใบมีด
นางมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าสามารถไปถึงสวนหลังตำหนักได้ในไม่ช้า นางก็คิดว่าถ้านางหนีออกไปได้ในเวลานี้ นางจะไปที่โถงเฉียนคุนก่อน เพื่อไม่ให้เสด็จพี่รู้
คิดได้ดังนั้น องค์หญิงสิบสามก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง เพื่อหาโอกาสที่จะเดินไปตามทางนั้น
องค์ชายเก้าช่างสังเกต เมื่อเขาเห็นท่าทางของนาง เขาก็อยากจะตะโกนในใจ
เมื่อเห็นว่าองค์หญิงสิบสามหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี เขาก็รีบดึงนางกลับมา
องค์หญิงสิบสามกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “พี่เก้า ท่านจะทำอะไร?”
“ข้าสิต้องถามว่าเจ้าจะทำอะไร?”
“ข้าจะทำอะไรก็ไม่ต้องมาสนใจ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ” องค์หญิงสิบสามลดเสียงลง ขณะพยายามดึงชายเสื้อออกจากมือเขา แต่นางไม่กล้าออกแรงมาก เพราะแรงของนางสู้แรงเขาไม่ได้ นางจึงยังคงไม่ขยับมากเกินไป หลังจากคุยอยู่นานก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว
ใบหน้าของถังอวี้เทียนซีดเซียว “ข้าไม่ต้องสนใจงั้นหรือ? ข้าไม่ได้สนหรอกว่าเจ้าจะมีปัญหาใหญ่ สิบสาม อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไร เจ้าต้องการไปโถงเฉียนคุนเพื่อฟ้องก่อนไม่ใช่หรือ? ข้าบอกเลยว่าไม่อนุญาตให้ไปเด็ดขาด”
“เพราะเหตุใด?” องค์หญิงสิบสามถามเขา ขณะเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
องค์หญิงสิบสามจะทำอะไรคะ เลิกวุ่นวายค่ะ