อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 194 เสียชีวิต
ตอนพิเศษ 194 เสียชีวิต
ตำแหน่งนั้นที่มีคนเดินออกมา… บังเอิญเป็นห้องครัวเล็กที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในโถงเล่อฝู
เป็นเวลาอาหารกลางวันแล้ว จะเห็นได้ว่าพวกนางกำลังถือถาดเข้ามา อาหารทุกอย่างน่าจะเตรียมไว้สำหรับฮูหยินเฒ่า
แต่ปัญหาคือ อาหารเหล่านี้ล้วนแต่เป็น… เนื้อ เนื้อ เนื้อ
แก้มของเนี่ยนเนี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดง แม่นมอวี๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นได้ชัดเจน นางจึงรีบอธิบายว่า “ท่านฮูหยินเฒ่ากำลังโกรธจัด นางจึงไม่ยอมฟังคำโน้มน้าวของใครทั้งสิ้น นางยืนกรานที่จะกินเนื้อทั้งหมด อาหารมังสวิรัติเมื่อวานนี้ถูกฮูหยินเฒ่าโยนลงกับพื้น ถ้าไม่มีเนื้อ นางจะไม่ยอมกินข้าว บ่าวเองก็ไม่มีทางเลือก…”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยน เหวินย่า และโม่เพียวอดไม่ได้ที่จะกระตุก ก่อนจะนิ่งเงียบไป
เนี่ยนเนี่ยนเห็นว่านี่ไม่ใช่ปัญหา จึงพูดกับแม่นมอวี๋ว่า “ข้าจะไปหานาง”
“แต่ว่า…”
“เจ้าหยุดข้าไม่ได้” ต่อให้จะอยากหยุดนาง ก็หยุดไม่ได้หากนางจะเข้าไปจริง ๆ
ตามที่เนี่ยนเนี่ยนพูด นางเดินไปที่ห้องหลักอย่างรวดเร็ว
แม่นมอวี๋ทำได้เพียงแสร้งสงบนิ่ง แล้วยืนอยู่ข้างนอกโดยไม่ยอมเข้าไป
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเข้าไปในห้อง เหวินย่าและโม่เพียวยืนเฝ้าประตูไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ส่วนเนี่ยนเนี่ยนก็ไล่เฟิงหลิงในห้องออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินเฒ่าไป๋กำลังเอนกายอยู่บนเตียง เมื่อเห็นนางเข้ามา ก็หยิบองุ่นบนจานข้าง ๆ มาขว้างใส่นาง “ออกไป”
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองเนื้อบนโต๊ะอาหาร แล้วแอบถอนหายใจ “ท่านฮูหยินเฒ่า…”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ฮูหยินเฒ่าไป๋ประชด “จวิ้นจู่น้อยผู้มีเกียรติแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ยอมมารับใช้หญิงชราเช่นข้า ช่างน่าเจ็บใจเสียนี่กระไร ถึงกับยอมเป็นสาวใช้ที่ทุกคนรังแกได้ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อให้คนแก่เช่นข้าจะมีสองชีวิต ก็คงไม่พอชดใช้”
ยิ่งโกรธมากก็ยิ่งเหมือนเด็ก
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก ก่อนจะเดินไปข้างเตียง แล้วเก็บองุ่นที่ฮูหยินเฒ่าไป๋เพิ่งโยนไปขึ้นมา ลอกเปลือกออกแล้วป้อนฮูหยินเฒ่าไป๋ “กินหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่กิน” ฮูหยินเฒ่าไป๋ตบมันทิ้งไป จากนั้นลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะ แล้วมองเนื้อบนโต๊ะ ก่อนจะจ้องมองเนี่ยนเนี่ยนอย่างยั่วยุ หยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมจะคีบ
เนี่ยนเนี่ยนก็ลุกขึ้นเช่นกัน แล้วบอกเฟิงหลิงที่ด้านนอกประตูว่า “ไปเตรียมสำรับอาหารมังสวิรัติมา ข้าจะกินข้าวกับท่านฮูหยินเฒ่าด้วย”
เฟิงหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็แอบกำหมัดแน่น ก่อนจะตอบรับอย่างนอบน้อม แล้วรีบเดินไปที่ห้องครัวเล็ก
เนี่ยนเนี่ยนหันไปมองเหวินย่าที่พยักหน้า แล้วเดินตามไปเงียบ ๆ
จากนั้นเนี่ยนเนี่ยนก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าตะเกียบของฮูหยินเฒ่าไป๋ยังอยู่บนจาน และยังไม่ได้คีบเนื้อเข้าปากจริง ๆ นัยน์ตาของนางก็เป็นประกาย
ฮูหยินเฒ่าไป๋พ่นลมหายใจเย็นชา “เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวมากินข้าวกับคนแก่เช่นข้าหรอก ข้ากินอาหารมังสวิรัติไม่เป็น ข้าจึงจะกินแต่เนื้อสัตว์”
เนี่ยนเนี่ยนนั่งตรงข้ามกับนาง มองดูฮูหยินเฒ่าไป๋ด้วยความสนใจมาก ใบหน้านางยังคงมีรอยยิ้ม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า “ก่อนที่ข้าจะจากมา ท่านแม่และพี่ใหญ่ของข้า บอกข้าว่าท่านฮูหยินเฒ่าเป็นคนใจดีมาก หากข้ามาที่นี่จะไม่ลำบากแน่นอน ท่านแม่บอกว่าเป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่ไม่มีโอกาสมาอาณาจักรเทียนอวี่ ทำให้รู้สึกผิดมากในใจ นางบอกว่าถ้าข้าเจอท่านฮูหยินเฒ่า จะต้องดูแลท่านให้ดี เพื่อให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงดี และมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปีเจ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่ยังบอกให้ข้านำของขวัญมามอบให้ท่านฮูหยินเฒ่าด้วย โดยบอกว่าท่านไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าท่านฮูหยินเฒ่าจะยังคิดถึงเขาหรือลืมเขาไปแล้ว หากท่านลืมเขา ก็ให้ข้านำของขวัญมาให้ท่าน จะได้ช่วยเตือนให้ท่านจำได้เสมอว่าเขาเป็นอย่างไร ในตอนที่เขายังเป็นเด็กเจ้าค่ะ”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าได้เจอท่านฮูหยินเฒ่า ข้าก็กังวลอยู่ในใจมาโดยตลอด กังวลว่าหากวันหนึ่งท่านรู้ตัวตนของข้า แล้วท่านโกรธข้าขึ้นมา ข้าจะทำอย่างไรดี? ข้าไม่รู้จะง้ออย่างไร ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร หากท่านแม่กับพี่ใหญ่รู้เข้า จะต้องตำหนิว่าข้าใจร้ายมากเป็นแน่…”
เมื่อฮูหยินเฒ่าไป๋ได้ยินเนี่ยนเนี่ยนพูดถึงอวี้ชิงลั่วและหนานหนาน โดยบอกว่าพวกเขาคิดถึงตนมาหลายปีแล้ว นางก็อดรู้สึกตื้นตันไม่ได้ นัยน์ตาของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่ออายุมากขึ้น อารมณ์ต่าง ๆ จะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น
นางวางตะเกียบในมือลงเมื่อใดไม่รู้ จิตใจนางเต็มไปด้วยภาพความทรงจำในอดีต
เมื่อข้าได้ยินประโยคสุดท้ายของเนี่ยนเนี่ยน ในที่สุดนางก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความโกรธ “เห็นได้ชัดว่าเจ้าพูดง้อคนได้เก่งมาก แต่เจ้ายังจะบอกว่าตัวเองง้อไม่เก่ง ช่างเจ้าเล่ห์นัก”
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ
“ในเมื่อเจ้ากังวลว่าข้าจะโกรธเจ้า แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่บอกความจริงข้า?” ฮูหยินเฒ่าไป๋รู้สึกไม่พอใจมาก เมื่อนึกถึงการปกปิด
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกผิดมาก “ข้าไม่มีทางเลือกเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าบอกให้ข้ามาแต่งงานที่อาณาจักรเทียนอวี่ โดยบอกว่าข้าหมั้นกับใครบางคนตอนที่ข้าอายุสามขวบ สุดท้ายข้าก็ยังเด็กมาก การให้ข้าไปยังที่ห่างไกลที่ไม่คุ้นเคย เพื่อแต่งงานกับคนที่ข้าไม่รู้จัก ข้าย่อมรู้สึกหวาดกลัวเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋เห็นด้วย เมื่อเห็นนางเสียใจมาก ก็รู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย จึงกวักมือเรียกนางเข้ามาใกล้
เนี่ยนเนี่ยนนั่งข้างนาง แล้วพูดต่อว่า “ท่านแม่บอกว่าให้ข้ามาที่อาณาจักรเทียนอวี่ก่อน เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่ ต่อมาข้าได้พบกับท่านอารองไป๋ และท่านอารองไป๋ก็ให้ความคิดแก่ข้า โดยบอกว่าหากข้าต้องการเข้าใจนิสัยของเสนาบดีฝั่งขวา มีทางเดียวคือต้องใกล้ชิดเขา และแนะนำให้ข้าเข้ามาเป็นหัวหน้าสาวใช้ เพื่อดูว่าเขาคู่ควรที่จะได้แต่งงานกับข้าหรือไม่ ข้าเชื่อฟังความคิดของท่านอารองไป๋ นั่นคือเหตุผลที่ต้องเก็บเรื่องตัวตนไว้เป็นความลับเจ้าค่ะ”
จะมาโทษนางไม่ได้ ท่านอารองไป๋หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เมื่อวาน
เขาชิงหนีไปคนเดียวก่อน หากเขาไม่ออกมารับผิดชอบร่วมกับนาง เขาก็โทษนางไม่ได้ หากนางจะโยนความผิดทุกอย่างให้เขา
แน่นอนว่าทันทีที่ฮูหยินเฒ่าไป๋ได้ยินชื่อไป๋อีเฟิง นางก็เปลี่ยนเป้าหมายอย่างรวดเร็ว อย่างไรเสีย ไป๋อีเฟิงก็เป็นลูกชายของนาง แม้แต่ลูกชายก็พยายามปกปิดนางอย่างสุดความสามารถ แล้วนางจะกล้าตำหนิเนี่ยนเนี่ยนได้อย่างไร?
“เจ้าเด็กบ้านั่น เขาค่อนข้างแก่แล้ว แต่ยังทำตัวเด็กมาก เขากลับมาเมื่อไหร่ไม่รอดแน่”
เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตา “แล้ว… ท่านไม่โกรธข้าแล้วหรือเจ้าคะ?”
ฮูหยินเฒ่าไป๋ถอนหายใจเบา ๆ “ต่อไปอย่าปิดบังอะไรข้าอีก”
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าแรง ๆ แต่ค่อนข้างรู้สึกผิดในใจ นางยังคงต้อง… พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปกปิดเรื่องตระกูลหลิ่วไว้เป็นความลับ
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเอะอะข้างนอก ในไม่ช้า แม่นมอวี๋ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
แม้ว่านางจะมีประสบการณ์หลายอย่าง แต่ในขณะนี้ นางก็ยังหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
ฮูหยินเฒ่าไป๋ตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านฮูหยินเฒ่าเจ้าคะ มีเรื่องเกิดขึ้น เฟิงหลิง เฟิงหลิง นาง…” แม่นมอวี๋กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เนี่ยนเนี่ยนก็หรี่ตาลงเช่นกัน
“เมื่อครู่นี้คนในครัวเล็กมาบอกว่า เฟิงหลิงยืนอยู่ตรงประตูครัวเล็ก แล้วอยู่ดี ๆ นางก็ล้มตัวลงเสียชีวิตเจ้าค่ะ” แม่นมอวี๋แทบจะหายใจไม่ทัน ในที่สุดก็พูดจบด้วยความยากลำบาก