อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 199 ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
ตอนพิเศษ 199 ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
ตอนนี้คนที่โกรธไป๋หลิวอี้และคิดจะให้เขาไม่ปรากฏตัวอีกเลยตลอดชีวิต พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวทันที
หงหยาวิ่งมาหานางด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “จวิ้นจู่ คุณชายใหญ่เพิ่งกลับมาเจ้าค่ะ”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก กลืนน้ำลาย ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
แต่เมื่อไปถึงประตูหอหลินเยว่ จู่ ๆ นางก็หยุดชะงักไป
หงหยาที่ตามมาข้างหลังมองนางด้วยความแปลกใจ “จวิ้นจู่ ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”
ชีวิตของหงหยาในตอนนี้ไร้ซึ่งความยากลำบาก ทุกคนต่างรู้ว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับว่าที่นายหญิงใหญ่ หลายคนจึงรีบประจบประแจงนาง ส่วนติงเซียงที่เป็นหัวหน้าสาวใช้กลับได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาในทุกวันนี้
แต่ติงเซียงก็เข้าใจในหลายสิ่งหลายอย่าง หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุด โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา นางค่อนข้างเงียบขรึมเป็นพิเศษ และท่าทางของนางที่มีต่อผู้อื่นก็สงบลงมาก
โชคดีที่วันนี้ทุกคนต่างตรวจสอบเรื่องเฟิงหลิงกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั้งจวน ทุกคนจึงยุ่งเกินกว่าจะดูแลตัวเอง และไม่มีใครสนใจนาง
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือในบรรดาเรือนมากมายจะต้องมีคนรับใช้หนึ่งหรือสองคนที่ถูกลงโทษเสมอ เรือนเดียวที่ปลอดภัยไม่มีใครถูกลงโทษก็คือสวนจิ่นเฟิง เรือนที่ไป๋หลิวอี้จัดการนั้นสะอาดที่สุด
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหงหยาหรือสาวใช้คนอื่น ๆ ก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลย
เรื่องแปลกเพียงอย่างเดียว คือคุณชายใหญ่ไม่อยู่เรือนเป็นเวลาหลายวัน คนส่วนใหญ่เดาว่าต้องเกี่ยวข้องกับจวิ้นจู่
ทันทีที่ไป๋หลิวอี้กลับมา หงหยาก็รีบมารายงานเนี่ยนเนี่ยน
แต่นางไม่คาดคิดว่าเนี่ยนเนี่ยนจะรีบลุกขึ้นและเดินไปกับนาง แต่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน?
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก แสร้งทำเป็นสงบขณะพูดว่า “ไม่มีอะไร เจ้ากลับไปได้ ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“หา?” หงหยางุนงง แล้วมองเหวินหย่าที่อยู่ข้างหลังนาง
เหวินหย่าพยักหน้าให้นาง หงหยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินจากไปด้วยความสับสน
เนี่ยนเนี่ยนกลับไปนั่งที่เก้าอี้ยาว เหวินหย่าเห็นการกระทำของนางแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น?”
เนี่ยนเนี่ยนกังวลมาก “ข้ากำลังคิดว่าจะ… จะอธิบายให้เขาฟังอย่างไรดี” รู้สึกเสมอว่าไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป ก็ดูจะผิดไปหมด
นางไม่สามารถบอกความจริงกับเขาได้ แต่เหตุผลอื่น ๆ ก็รู้สึกเหมือนเป็นข้อแก้ตัว แม้ว่ามันจะเป็นข้อแก้ตัวจริง ๆ ก็ตาม
เหวินหย่าและโม่เพียวมองหน้ากันก่อนจะเลิกคิ้ว เป็นความจริงหรือที่ว่าหากมีคนที่ชอบแล้ว ก็มักจะคิดมากได้ถึงเพียงนี้?
เนี่ยนเนี่ยนเอียงคอแล้วเอนกายลงบนเก้าอี้ยาว คิ้วของนางแทบจะขมวดเป็นปม
เหวินหย่าเห็นดังนั้นก็หมดหนทาง แต่โม่เพียวพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คุณหนู ถ้าท่านยังไม่ไปอีก บางทีคุณชายใหญ่อาจจะออกจากจวนซูกั๋วกงไปอีกก็ได้ คราวนี้เขาอาจจะไม่กลับมาอีก เป็นเวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนก็ได้นะเจ้าคะ”
มุมปากของเหวินหย่ากระตุก ก่อนจะปรี่เข้าไปหมายจะเตะนาง โม่เพียวรีบหลบ แล้วพูดด้วยความไม่พอใจว่า “จะทำอะไร ข้าไม่ผิดเสียหน่อย บางทีคุณชายใหญ่อาจจะกลับมาครั้งนี้เพื่อเก็บสัมภาระและวางแผนจะไปอาศัยอยู่ข้างนอก…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ เนี่ยนเนี่ยนก็กระโดดขึ้น แล้วเดินออกจากหอหลินเยว่ไปทันที
เหวินหย่าหันไปมองโม่เพียวด้วยสายตาแข็งกร้าว โม่เพียวหดคอ “ข้า ข้าแค่เดา แล้วก็โพล่งออกไป”
เหวินหย่าไม่สนใจนาง คิดว่าจะตามเนี่ยนเนี่ยนไปดีหรือไม่ แต่สุดท้ายนางก็หยุดรออยู่ที่หอหลินเยว่
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเดินออกไปนอกสวนจิ่นเฟิง นางก็บังเอิญเห็นอาเวินเดินเข้ามา เนื้อตัวของเขามอมแมมไปทั่ว
นางหยุดฝีเท้าทันที
อาเวินไม่ได้สังเกตนาง และรีบเข้าไปในห้องหลัก ส่วนไป๋หลิวอี้กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“นายท่าน” อาเวินยืนด้วยความเคารพอยู่นอกฉากกั้นห้อง แล้วกระซิบว่า “ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เฟิงหลิงถูกกำจัดไปแล้ว และกิจการของจวนก็กำลังพัฒนาไปตามการจัดการของนายท่าน ตอนนี้องครักษ์ของจวนซูกั๋วกงก็ระแวดระวังมากขึ้นกว่าเดิมมาก พวกสายลับที่ตระกูลหลิ่วส่งมาในจวน บ่าวก็แอบให้คนล่อออกมาแล้ว ตอนนี้พวกเขาถูกกำจัดออกไปหมดแล้วขอรับ”
ไป๋หลิวอี้ปล่อยผมลง แล้วเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นห้องด้วยรอยยิ้ม “อืม เจ้าควรให้ความสนใจกับหลิ่วยางยางให้มากขึ้น หลิ่วเหวยไม่สามารถหาใครมาเคลื่อนไหวได้ ข้าจึงเกรงว่าเขาจะใช้นาง”
ซูกั๋วกงมีทหารอยู่ในมือ ตระกูลหลิ่วและคนของเขาที่อยู่เบื้องหลังจึงไม่สามารถเอาชนะจวนซูกั๋วกงได้ พวกเขาจึงต้องพยายามกำจัดทุกวิถีทาง ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกไม่สบายใจ
หลิ่วยางยางอาจยังไม่รู้ว่าคนตระกูลหลิ่วกำลังทำอะไร แต่ด้วยความที่คนตระกูลหลิ่วกำลังจนปัญญา จึงอาจจะต้องขอให้นางช่วย
อาเวินคิดว่ามีคนตระกูลหลิ่วอยู่ในจวนอีกคน เขาจึงถามอย่างลังเลว่า “แล้วฮูหยิน…”
“…นาง” มือของไป๋หลิวอี้หยุดนิ่ง รอยยิ้มเย้ยหยันพลันปรากฏขึ้นที่มุมปาก “เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจนางมากนัก แค่หาคนไปคอยเฝ้าดูไว้ ไม่ต้องกังวลเรื่องนางมาก หากนางไม่ได้เคลื่อนไหว”
หากถามว่าใครในจวนแห่งนี้ที่รู้จักหลิ่วซื่อดีที่สุด คนผู้นั้นก็น่าจะเป็นไป๋หลิวอี้ หลิ่วซื่อผู้นี้มองว่าเขาเป็นหนามยอกอกอยู่ตลอดเวลา นางกำลังคิดอะไร นิสัยใจคอของนางเป็นอย่างไร ไป๋หลิวอี้ล้วนรู้อย่างแจ้มแจ้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น อาเวินก็ตอบด้วยความเคารพว่า “เช่นนั้นบ่าวจะจัดการให้ขอรับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ถอยกลับไป
“ประเดี๋ยวก่อน” เมื่อเห็นว่าอาเวินกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ไป๋หลิวอี้ก็ส่งเสียงเรียก
อาเวินชะงักและหันกลับมาทันที “นายท่านต้องการอะไรอีกหรือขอรับ?”
ไป๋หลิวอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะ “ไม่มีอะไร เจ้าไปทำงานเถิด”
“นายท่าน…” อาเวินพูดก่อนจะออกไป “ท่านไม่ได้หลับมาสองวันสองคืนแล้ว โปรดพักผ่อนก่อนเถิดขอรับ ส่วนอวี้ซี… บ่าวหมายถึงจวิ้นจู่ บ่าวจะให้คนเขียนจดหมายไปรายงานขอรับ หากท่านมีเรื่องจะพูด ท่านก็พักผ่อนให้ดีก่อนที่ค่อยพูดก็ได้ขอรับ”
อาเวินจำเรื่องที่เจ้านายของเขาพูดก่อนหน้านี้ได้ เขาบอกว่าตัวตนของอวี้ซีจะเป็นที่รู้กันไม่ช้าก็เร็ว ในตอนนั้นเขายังรู้สึกว่า ไม่ว่าตัวตนของนางจะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่แปลกใจเลย
จนกระทั่งไม่กี่วันก่อน เขาก็รู้ว่าอวี้ซีเป็นคู่หมั้นที่คุณชายใหญ่ได้หมั้นหมายไว้ในตอนนั้น เมื่อรู้ว่านางเป็นจวิ้นจู่น้อยแห่งอาณาจักรเฟิงชาง เขาก็ตั้งสติไม่ได้อยู่นาน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ดูเหมือนนายท่านจะรู้ตัวตนของนางมาตั้งนานแล้ว
คนหนึ่งจงใจปกปิดตัวตน อีกคนรู้อยู่แล้วแต่ไม่เปิดเผย ทั้งสองคงหนักใจมากทั้งคู่ กว่าจะคุยกันได้ก็ต้องใช้เวลามากแน่นอน
เขาคิดว่ามันจะดีกว่าสำหรับนายท่าน หากนอนหลับก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาพบจวิ้นจู่
ไป๋หลิวอี้ไม่ได้เอ่ยคำใด เขาโบกมือให้อาเวินออกไป
ในไม่ช้าเขาก็เหลือเพียงเขาคนเดียวในห้อง ไป๋หลิวอี้ลูบหว่างคิ้วตัวเอง ก่อนจะพลิกตัวลงนอนบนเตียง
เขาอยากเจอนางมาก แต่… เขาเหนื่อยมาก แผลที่ยังหายไม่สนิทคราวที่แล้วเริ่มปวด และเขาก็ไม่ได้บอกอาเวิน
แต่เมื่อต้องการพักผ่อนจริง ๆ กลับพบว่าแม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี
ช่างเถอะ ไปหานางแล้วค่อยคุยกัน
ไป๋หลิวอี้ลืมตาขึ้น และกำลังจะพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นที่หน้าต่าง เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รู้ว่าเนี่ยนเนี่ยนจะมาหาสินะ รีบทำเป็นนอนเลยคุณชายใหญ่
ไหหม่า(海馬)