อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 20 หนานหนานกลับมาแล้ว
ตอนพิเศษ 20 หนานหนานกลับมาแล้ว
ตอนพิเศษ 20 หนานหนานกลับมาแล้ว
หลานสุ่ยหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตกใจเช่นกัน ทุกคนต่างมองหลานสุ่ยชิงด้วยความไม่เชื่อ
จวิ้นจู่จิ่นซิ่วจะมาหาพรุ่งนี้? พรุ่งนี้หรือ??
หลานสุ่ยหยวนทนไม่ได้ และรีบวิ่งไปหานาง “เจ้าบอกว่าจวิ้นจู่จิ่นซิ่วจะมาจวนหลานพรุ่งนี้หรือ?”
“ใช่” หลานสุ่ยชิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่บอกว่ารู้สึกเหมือนข้าเป็นสหายเก่าแก่ตั้งแต่แรกเห็น และอยากจะมาเที่ยวหามาก ตอนแรกข้าก็อยากจะบอกท่านย่าเหมือนกัน แต่เมื่อครู่นี้มีเรื่องที่ต้องพูดเยอะเกินไป จึงไม่มีโอกาสพูด”
ไม่มีโอกาสพูดอะไรกัน? ไท่ฮูหยินกัดฟันแน่น เห็นได้ชัดว่านางจงใจรอให้ถึงเวลานี้ก่อน
ตอนนี้นางอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางต้องหยุดลงโทษนาง
พรุ่งนี้จวิ้นจู่จะเสด็จมา…
ไท่ฮูหยินสงสัยว่าจวิ้นจู่จิ่นซิ่วมาสนิทกับหลานสุ่ยชิงได้อย่างไร แต่เรื่องที่หลานสุ่ยชิงพูดเมื่อครู่นี้ นางไม่อาจคิดว่าเป็นการพูดเหลวไหลได้ เพราะสุดท้ายถ้าพรุ่งนี้จวิ้นจู่จิ่นซิ่วไม่มา หลานสุ่ยชิงก็มีแต่จะถูกลงโทษหนักกว่าเดิม
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกนางไม่เพียงแค่เคยเจอกันเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอีกด้วย
จวิ้นจู่คนนี้ก็แปลกนัก หลานสาวที่น่ารักทั้งสองของนางกลับไม่ชอบ ดันไปชอบนางเด็กเหลือขอที่ไม่มีอะไรเลยเช่นนี้
ไท่ฮูหยินหน้าซีด และเงียบไปครู่หนึ่ง
หากหลานสุ่ยชิงยังคงถูกลงโทษอยู่ จวิ้นจู่ที่จะมาในวันพรุ่งนี้ก็ต้องถามว่าเป็นเพราะเหตุใด ด้วยข้อแก้ตัวที่ฟังดูสูงส่งของหลานสุ่ยชิงเมื่อสักครู่นี้ จวิ้นจู่จิ่นซิ่วอาจจะฟังแล้วตำหนินางว่าโง่เขลา และกลับไปเล่าให้องค์หญิงหว่านเยียนฟัง หรืออาจพูดจายั่วยุเพิ่มเติม ซึ่งก็เกรงว่าหลานสาวแสนดีทั้งสองของนางจะเดือดร้อนไปด้วย
แต่หากหลานสุ่ยชิงไม่ถูกลงโทษ นางก็ไม่สามารถข่มโทสะในอกลงท้องได้
เมื่อนึกได้ดังนั้น ไท่ฮูหยินก็จ้องมองหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยหยวนและพี่น้องจินซื่อไม่ได้เอ่ยคำใด แต่พวกนางล้วนโมโหและไม่พอใจสุดขีด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดไท่ฮูหยินก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ แล้วพูดว่า “เจ้าพูดถูก จวิ้นจู่เป็นแขกผู้มีเกียรติ ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจไปต้อนรับนางด้วยใบหน้ามอมแมมได้ แต่วันนี้เจ้าทำผิด หากไม่ถูกทำโทษเลย แล้ววันหน้าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องสาวได้อย่างไร? โชคดีที่วันนี้เจ้าไม่ได้ก่อเรื่องอะไรตอนออกไปข้างนอก ดังนั้นข้าจะลงโทษให้เจ้าคัดตำราสอนหญิง แล้วพรุ่งนี้…ตอนเช้าให้เอามาส่งให้ข้า”
“เจ้าค่ะ” หลานสุ่ยชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วแอบยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นกล่าวคำลาแล้วจากไป
ทันทีที่นางจากไป ไท่ฮูหยินก็ปัดแจกันลายครามข้างตัวนางจนแตกกระจาย สีหน้าของนางมืดมนยิ่งนัก “ให้ตายเถอะ แม่นมซ่ง เจ้าไปสืบมาว่าใครปล่อยนางออกไปเมื่อเช้านี้”
“เจ้าค่ะ” แม่นมซ่งหันหลังเดินจากไป
พูดง่าย ๆ คือแค่ถามก็รู้ว่าใครเป็นคนเฝ้าประตู
เมื่อเห็นว่าไท่ฮูหยินกำลังโกรธจนปวดหัว จินซื่อจึงรีบก้าวเข้าไปช่วยนวดให้ แล้วเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวลว่า “ไท่ฮูหยิน ท่านโปรดอย่าได้ถือสานางเลยเจ้าค่ะ อย่างไรเสียนางก็เป็นแค่เด็ก”
“เด็กหรือ? ตอนนี้นางยังเด็กอยู่หรือ? นางเป็นคนเจ้าเล่ห์และก้าวร้าว นางไม่เคยมองข้าเป็นย่าเลย”
“อย่าโกรธเลยเจ้าค่ะไท่ฮูหยิน นางเป็นคนไร้เหตุผล ถ้าไท่ฮูหยินไม่ต้องการเจอนางจริง ๆ ก็ให้นางแต่งงานกับครอบครัวดี ๆ ที่อยู่ห่างไกล เพื่อให้พ้นหูพ้นตาก็ได้นี่เจ้าคะ”
เรื่องการแต่งงานของหลานสุ่ยชิงนั้น อันที่จริงมันค้างคาอยู่ในใจของจินซื่อมานานแล้ว
เพียงแต่สถานะของหลานสุ่ยชิงนั้นก็ไม่ธรรมดา นางเคยลองเชิงไท่ฮูหยินและรองเจ้ากรมหลานมาก่อนแล้ว
เป็นเพียงว่าหลานสุ่ยชิงยังคงเป็นลูกสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก ถ้านางต้องแต่งงานกับครอบครัวที่ยากจน จวนหลานก็จะอับอายขายหน้า แต่นางก็ไม่เต็มใจให้นางได้แต่งงานกับคนดี และไท่ฮูหยินก็คงไม่เต็มใจเช่นกัน
เรื่องนี้จึงคาราคาซังยืดเยื้อ และนางก็ไม่ได้พูดถึงมันอีก
ตอนนี้นางได้โอกาสแล้ว หลานสุ่ยชิงก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว ในอนาคตเนื่องจากความสัมพันธ์ของจวิ้นจู่ สถานะของคนที่นางจะได้เป็นเพื่อนด้วยก็อาจจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงตอนนั้นไท่ฮูหยินและพวกนางจะไม่อาจควบคุมนางได้เลย พวกนางจะต้องเดือดร้อนแน่ และอาจทำให้สองพี่น้องสุ่ยหยวนสุ่ยเถียนชีวิตพลิกผันก็เป็นได้
ไท่ฮูหยินต้องเกรงใจหลานสุ่ยชิง หากจินซื่อเสนอความคิดให้นางแต่งงานกับคนที่อยู่ห่างไกล ไท่ฮูหยินอาจเห็นด้วยก็ได้
เพราะสุดท้ายหากนางแต่งงานกับคนไกล ต่อให้จะแต่งงานกับคนยากจน ก็จะไม่ทำให้จวนที่อยู่ในเมืองหลวงต้องขายหน้า
แน่นอนว่าเมื่อไท่ฮูหยินได้ยินเรื่องการแต่งงานในที่ห่างไกล นางก็ครุ่นคิด
หลานสุ่ยชิงเป็นดั่งเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงใจนาง มันน่ารำคาญเมื่อได้เจอนางทุกวัน นางจึงมักเลี่ยงไม่ให้หลานสุ่ยชิงมาแสดงความเคารพ เพื่อไม่ให้ตัวเองหงุดหงิด
บัดนี้เสี้ยนหนามนี้ยาวและหนาขึ้น จนสามารถข่วนให้เลือดออกได้แล้ว นางจึงไม่อาจทนได้อีกต่อไป
“นางอายุเท่านี้แล้ว ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องแต่งงานได้แล้ว” ไท่ฮูหยินพูดด้วยความเย้ยหยัน “ด้วยสถานะของนาง นางจะได้แต่งงานเข้าครอบครัวที่ดีได้อย่างไร?” ไม่รู้ว่านางเป็นคนสกุลหลานจริงหรือไม่ด้วยซ้ำ
พี่น้องจินซื่อเม้มปาก แล้วแอบยกยิ้ม
ตั้งแต่วันนั้น ไท่ฮูหยินก็หาบุรุษคนหนึ่งให้หลานสุ่ยชิง และเงื่อนไขทั้งหมดก็ธรรมดา รูปร่างหน้าตาของเขาไม่น่าพิสมัยแม้แต่นิด
หลานสุ่ยชิงย่อมไม่รู้เรื่องนี้ แต่วันนี้นางพลิกสถานการณ์ได้แล้ว
แม้ว่าจะยอมคุกเข่า แต่ก็หลีกเลี่ยงการลงโทษได้
เยียนจือประคองมือนางด้วยรอยยิ้มมีความสุข ระหว่างทางกลับเรือน นางไม่เห็นคุณหนูของนางเอ่ยคำใดเลย นางจึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “คุณหนู ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?”
“ข้าคิดว่า… มุมมองก่อนหน้านี้ของข้าช่างแคบเกินไปจริง ๆ”
“หือ?” เยียนจือไม่ค่อยเข้าใจ
หลานสุ่ยชิงยกยิ้ม “ข้าเคยคิดว่าเหล่าสตรีจากตระกูลขุนนางระดับสูง และผู้สูงศักดิ์ล้วนหยิ่งผยอง เอาแต่ใจตัวเอง เต็มไปด้วยเล่ห์กล และมักมีจุดประสงค์แอบแฝงในการผูกมิตรกับคนอื่น ข้าจึงไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านั้น แต่ตอนนี้หลังจากที่ข้ารู้จักเนี่ยนเนี่ยนและจิ่นซิ่วแล้ว ข้าก็รู้ว่า… ข้ามองคนในแง่ลบมากเกินไป ในโลกนี้ยังมีบางคนที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจแท้จริง”
เมื่อเยียนจือได้ยินเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
คุณหนูไม่ยอมออกไปสังสรรค์ เมื่อต้องคลุกคลีกับสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้น ก็ถูกคนเหล่านั้นดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อก่อนหลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนมักจะจัดงานเลี้ยงที่จวน แล้วเชิญเหล่าคุณหนูมาเข้าร่วมหลายคน คนเหล่านั้นดูถูกคนอื่นด้วยสายตาเหยียดหยาม หรือยกยอประจบสอพลอกันเอง แม้ว่านางจะไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่นางก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าคุณหนูถูกคนที่มองว่าเป็นสหายหักหลัง และทำให้อับอายต่อหน้าสาธารณชน
เมื่อเจอคนประเภทนี้มามาก คุณหนูย่อมรู้สึกรังเกียจอยู่ในใจ
ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อพวกคุณหนูเหล่านั้นพูดถึงคุณหนูกับฮูหยินลับหลัง ก็ยังเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายและไม่สุภาพด้วย พวกนางจึงไม่คู่ควรกับมิตรภาพอันลึกซึ้ง
หนักที่สุดคือเมื่อฮูหยินถูกใส่ร้ายหลังจากเพิ่งคลอดลูก และครอบครัวฮูหยินสูญเสียอำนาจ ภรรยาข้าหลวงที่เคยเป็นมิตรกับฮูหยินไม่เพียงแต่เยาะเย้ยฮูหยินเท่านั้น แต่ยังถูกจินซื่อติดสินบนให้เป็นฝ่ายของนาง และร่วมมือกันจัดการฮูหยินด้วย
เรื่องเหล่านี้ทำให้คุณหนูไม่มีความรู้สึกดี ๆ กับคนเหล่านั้นเลย และไม่คิดจะคบค้าสมาคมด้วย
คาดไม่ถึงว่าการเดินทางไปตำหนักอ๋องซิวในวันนี้ จะทำให้คุณหนูเปลี่ยนใจได้
ดีมาก นี่คือสิ่งที่ฮูหยินหวังมาโดยตลอด ฮูหยินไม่ต้องการให้คุณหนูหมกมุ่นอยู่กับอาการป่วยของตนตลอดเวลา จนสูญเสียวิถีชีวิตตามปกติไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยียนจือก็อารมณ์ดีขึ้นเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ตำหนักอ๋องซิวที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็มีชีวิตชีวาขึ้น เพราะการกลับมาของเย่ฉิงหนาน
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หนานหนานกลับมาแล้วเหรอ มาจัดการคนในจวนหลานหน่อยสิ
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-