อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 209 หาไม่เจอ
ตอนพิเศษ 209 หาไม่เจอ
ตอนพิเศษ 209 หาไม่เจอ
ประตูห้องเทียนจื้อหมายเลขสามถูกเปิดออกในทันใด
ไป๋หลิวอี้และเย่ฉิงเป่ยที่เล่นหมากรุกเสร็จแล้วและกำลังคุยกันอยู่พลันหันหน้ามาพร้อมกัน จากนั้นจึงเห็นอาเวินเดินโซซัดโซเซเข้ามา
สายตาของไป๋หลิวอี้เคร่งขรึมลง ใบหน้าของเขาพลันมืดมน “เกิดอะไรขึ้น?”
เย่ฉิงเป่ยก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ตอนที่อาเวินออกไปเมื่อครู่นี้ เขายังสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึง…จมูกช้ำหน้าบวมเช่นนี้?
“เจ้า… ผู้ใดทำร้ายเจ้า? เจ้าไม่ได้สู้กลับหรือ?” ดูแล้วเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายถูกทุบตีฝ่ายเดียว ไม่เช่นนั้น ด้วยวิทยายุทธของอาเวินแล้ว หากเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับผู้อื่น… สภาพเขาจะไม่เป็นเช่นนี้
มุมปากที่เป็นแผลของอาเวินกระตุก เขามองหน้าเจ้านายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำขอโทษและความรู้สึกผิด
“นายท่าน… คือว่า คือว่า…”
“พูดมาตามตรง” ไป๋หลิวอี้รู้สึกประหลาดใจ เขารู้จักทักษะของอาเวินดีที่สุด ไม่มีเหตุผลเลยว่าเหตุใดเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
อาเวินอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจครั้งหนึ่ง จากนั้นหลับตายกมือแตะมุมปากตัวเอง “คือว่าจวิ้นจู่เพิ่งมาขอรับ นางบังเอิญเห็นข้ากำลังสั่งให้เสี่ยวเอ้อร์ไปส่งอาหารและเครื่องดื่มที่ห้องเทียนจื้อหมายเลขสาม จากนั้นจวิ้นจู่ก็สงสัยว่านายท่านและคุณชายเย่รู้จักกันมานานแล้ว และ… เดาได้ว่านายท่านรู้ตัวตนที่แท้จริงของจวิ้นจู่ตั้งแต่แรก… นายท่าน ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวนะขอรับ จวิ้นจู่เดาเอาเอง…”
ไป๋หลิวอี้และเย่ฉิงเป่ยมีสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน ทันใดนั้นก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าอาเวิน “นางอยู่ที่ใด?”
“ไป ไปแล้ว…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ไป๋หลิวอี้ก็รีบออกจากห้องเพื่อไปตามหานางด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เย่ฉิงเป่ยขมวดคิ้วและถอนหายใจ ขณะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก เขาคิดว่าเนี่ยนเนี่ยนคงไม่คิดที่จะมาอีกแล้ว เพราะทุกครั้งที่เขาและเนี่ยนเนี่ยนพบกัน เหวินหย่าจะมาที่โรงเตี๊ยมเพื่อดูลาดเลาล่วงหน้า นางระมัดระวังอยู่เสมอ
วันนี้เลยเวลานัดไปมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเหวินหย่า เขาจึงคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนครั้งก่อน นางจึงน่าจะไม่มาแล้ว สุดท้ายแล้วเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งหรือสองครั้ง เขาจึงเล่นหมากรุกและพูดคุยกับไป๋หลิวอี้ที่นี่อย่างสบายใจ ไม่คาดคิดเลย…
“เจ้าไม่เห็นเหวินหย่าหรือ?” เย่ฉิงเป่ยหันไปถามอาเวิน
อาเวินยังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวด เขาส่ายหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ไม่เลยขอรับ ข้าน้อยเห็นเพียงแค่จวิ้นจู่คนเดียว แม่นางเหวินหย่าไม่ได้อยู่ด้วยขอรับ”
สีหน้าของเย่ฉิงเป่ยแข็งทื่อ เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้พาเหวินหย่ามาด้วยขณะที่ออกมาข้างนอกงั้นหรือ?
เขาพลันปวดหัวขึ้นมา เนี่ยนเนี่ยนต้องตำหนิเขาด้วยเป็นแน่
เขาลุกขึ้นยืนเช่นกัน “ออกไปดูกันเถอะ”
อาเวินพยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนจะรีบตามไป๋หลิวอี้ลงไปชั้นล่าง แล้วออกไป
ทว่าไป๋หลิวอี้มองทางเข้าโรงเตี๊ยมจวี้เป่าอยู่นานแล้วก็ไม่เห็นวี่แววของเนี่ยนเนี่ยนเลย เขาจึงหันไปมองอาเวิน “นางไปทางไหน?”
“ไปทางซ้ายขอรับ” อาเวินชี้นิ้วพลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นว่าสีหน้าเจ้านายของเขาบูดบึ้งเพียงใด เขาก็กลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
ทางซ้ายหรือ? ไป๋หลิวอี้มองดู มันเป็นทิศทางไปจวนซูกั๋วกง
“กลับจวน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วเดินนำหน้าไปยังจวนซูกั๋วกง
อาเวินรีบตามไป หลังจากเดินไปสักพัก เขาก็พูดด้วยความลังเลว่า “นายท่าน จวิ้นจู่สั่งให้ข้าบอกอะไรบางอย่างแก่ท่านขอรับ”
“บอกว่าอะไร?”
“จวิ้นจู่จะฆ่าท่านและคุณชายเย่ขอรับ”
“…” ไป๋หลิวอี้รู้สึกปวดหัวจนแทบจะทนไม่ได้ เขาถูหว่างคิ้วตัวเอง แล้วแอบถอนหายใจ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายจริง ๆ เดิมทีเขาต้องการอธิบายกับนาง แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเดินกลับไปถึงจวนซูกั๋วกงอย่างรวดเร็ว
เหล่าพ่อบ้านตกตะลึงเมื่อเห็นเขา และรีบโค้งคำนับ
ไป๋หลิวอี้หันไปถาม “จวิ้นจู่กลับมาแล้วหรือยัง?”
“จวิ้น จวิ้นจู่หรือขอรับ?” พ่อบ้านชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างประหม่าเล็กน้อย “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ข้าน้อยเพิ่งเข้ามา…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ไป๋หลิวอี้ก็ก้าวเข้าไปอย่างหมดความอดทน
อาเวินทำได้เพียงถอยหลังไปบอกเขาว่า “หากเห็นจวิ้นจู่กลับมา ให้ส่งคนไปบอกทันที”
“ขอรับ” พ่อบ้านตัวสั่นเทา เขาไม่เคยเห็นสีหน้าจริงจังและเย็นชาเช่นนี้ของคุณชายใหญ่มาก่อน หัวใจเขาจึงสั่นสะท้าน
ไป๋หลิวอี้เดินตรงไปยังหอหลินเยว่ เหวินหย่ากำลังเก็บข้าวของของเนี่ยนเนี่ยน และหยิบถุงใบใหญ่หลายใบออกมาใส่
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทำให้ไม่มีเวลาเก็บข้าวของ ตอนนี้ว่างแล้ว จึงสามารถเก็บของให้เป็นระเบียบได้
แต่เมื่อสายตาของไป๋หลิวอี้เห็นพฤติกรรมนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบก้าวเข้าไปถามอย่างกระวนกระวายว่า “เนี่ยนเนี่ยนต้องการไปแล้วหรือ?”
“เอ๊ะ? คุณชายใหญ่” เหวินหย่าลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางงุนงง ข้าวของบนตักของนางตกลงไปที่พื้น “ไป ไปไหนเจ้าคะ?”
ไป๋หลิวอี้ตั้งสติ และตระหนักได้ว่าปฏิกิริยาของเขารุนแรงเกินไป หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สงบสติอารมณ์ แล้วถามนางว่า “เจ้าเก็บของไปเพื่ออะไร? แล้วเนี่ยนเนี่ยนเล่า?”
“…เนี่ยนเนี่ยนออกไปแล้ว แต่ยังไม่กลับมา ข้าเห็นว่าข้าวของยังวางกองอยู่ จึงหยิบมันออกมาและจัดเรียง…” เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?
ไป๋หลิวอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังไม่กลับมางั้นหรือ? เช่นนั้นก็แสดงว่าเนี่ยนเนี่ยนยังคงเดินเตร่อยู่ข้างนอก? ฝีเท้าของเขาเร็วกว่างั้นหรือ?
ขณะที่คิดเรื่องนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว
เหวินหย่าที่อยู่ข้าง ๆ งุนงงและขมวดคิ้วเช่นกัน ถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คุณชายใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”
“ไม่มีอะไร หากเนี่ยนเนี่ยนกลับมา เจ้าต้องเกลี้ยกล่อมให้นางรอฟังข้าอธิบายทุกอย่างก่อน” ไป๋หลิวอี้อธิบาย จากนั้นรีบหันหลังเดินจากไป
เหวินหย่าประหลาดใจกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าอาเวินกำลังจะตามเขาออกไป นางจึงรีบคว้าตัวเขาไว้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“… คือว่า จวิ้นจู่เห็นเราที่โรงเตี๊ยมจวี้เป่า” หลังจากที่อาเวินพูดจบ เขาก็รีบจากไป
เหวินหย่าเป็นคนฉลาด เพียงแค่ประโยคเดียว นางก็รู้ถึงเหตุและผลของเรื่องทันที
สุดท้ายแล้ว ก่อนที่ตัวตนของเนี่ยนเนี่ยนจะถูกเปิดเผย นางมักจะอยู่เคียงข้างเย่ฉิงเป่ยมาโดยตลอด นางจึงรู้ว่าเย่ฉิงเป่ยและไป๋หลิวอี้พบกันตั้งแต่เมื่อใด
นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย พลางคิดว่าไม่น่าปล่อยโม่เพียวให้ไปกับเนี่ยนเนี่ยนเลย จนทำให้เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายเช่นนี้
ตอนนี้เนี่ยนเนี่ยนอาจตำหนินางด้วยด้วยซ้ำ
เหวินหย่าไม่มีกะจิตกะใจจัดของอีกต่อไป นางโยนของทั้งหมดทิ้ง แล้วลุกออกไปตามหาคน
แต่หลังจากคิดใคร่ครวญดูแล้ว นางก็ตัดสินใจอยู่ในหอหลินเยว่ต่อ เพื่อรอให้เนี่ยนเนี่ยนกลับมา
ไป๋หลิวอี้และอาเวินเดินทางจากจวนของซูกั๋วกงไปยังโรงเตี๊ยมจวี้เป่า แต่พวกเขาก็ไม่เจอเนี่ยนเนี่ยนระหว่างทาง
หลังจากคิดดูแล้ว พวกเขาก็ไปที่บ้านของไป๋อีเฟิง แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่น
มีเพียงไม่กี่คนที่เนี่ยนเนี่ยนรู้จักในเมืองหลวง พวกเขาจึงไปหาคนเหล่านั้นทีละคน แม้กระทั่งสอบถามกับทางวังหลวง แต่ก็ยังไร้ร่องรอยของเนี่ยนเนี่ยน
ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้า ไป๋หลิวอี้ค้นหาจนทั่ว ก่อนจะกลับไปที่จวนอีกครั้ง
ขณะเหวินหย่าเริ่มรู้สึกกระวนกระวายแล้ว โดยเฉพาะเมื่อนางเห็นโม่เพียวกลับมาคนเดียว สายตาของนางพลันคมกริบ และคิดอยากจะถลกหนังโม่เพียว
ไป๋หลิวอี้ก้าวเข้ามาในประตู มองไปยังหอหลินเยว่ที่เงียบงัน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยุ่งแล้วล่ะสิ เนี่ยนเนี่ยนหายไปไหนไม่รู้ จะหากันเจอไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)