อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 21 สังหารพวกนาง
ตอนพิเศษ 21 สังหารพวกนาง
ตอนพิเศษ 21 สังหารพวกนาง
ทันทีที่หนานหนานกลับมาที่ตำหนัก เขาก็ไปหาอวี้ชิงลั่วก่อน จากนั้นไปคุยกับเย่ซิวตู๋ที่ห้องตำรา
พ่อลูกพูดคุยกันเป็นอยู่นาน แล้วคนรับใช้ก็นำอาหารเย็นเข้ามาให้ ทั้งสองคุยกันจนฟ้ามืดสนิทก่อนจะออกมา
หนานหนานเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางท่องไปทั่วจนไม่อาจซ่อนความเหนื่อยล้าบนใบหน้าได้ แต่นัยน์ตาของเขากลับเปล่งประกายสดใสมีพลังยิ่งนัก
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขาออกจากเมืองหลวง ซึ่งตอนนี้ผู้นำหนิงกลับไปพักฟื้นที่เฟิงเฉิง แต่คนที่เขาต้องไปพับก่อนก็คือชายชราที่ติดตามเขา และเขาควรจะไปทักทายด้วยความเคารพ
เดิมทีเขาคิดจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ แต่ความรู้สึกอยากกลับช่างแรงกล้านัก จึงมาถึงตำหนักอ๋องซิวในคืนนี้
ไม่ได้เจอนางมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่านางคิดถึงเขาหรือไม่
คิดดูแล้วก็น่าจะคิดถึง เพราะสุดท้ายในโลกนี้ก็มีคนหน้าตาดีเท่าเขาไม่กี่คน เพียงเห็นแค่รูปร่างหน้าตา ก็เพียงพอที่จะทำให้ประทับใจจนเก็บไปฝันถึงได้แล้วไม่ใช่หรือ?
หนานหนานเดินเข้าไปในตำหนักขณะครุ่นคิด
ทันทีที่เขายืนอยู่หน้าประตู เขาก็รู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่ในตำหนักของเขา
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไป เมื่อเห็นบุคคลหนึ่งนั่งเขียนหนังสืออยู่ในความมืด เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากจุดเทียนเสร็จก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าข้าง ๆ แล้วหยิบชุดดำออกมา
เมื่อแสงไฟในห้องสว่างขึ้น ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นเย่ฉิงเป่ยที่กำลังวาดอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ เช่นเดียวกับรายละเอียดบนกระดาษแผ่นนั้น
มันเผยให้เห็นภาพทิวเขาที่วาดด้วยหมึกบนกระดาษ แม้ว่าจะเป็นเพียงภาพขาวดำ แต่ก็ชวนให้สัมผัสได้ถึงความตระหง่านน่าเกรงขาม
เย่ฉิงเป่ยพอใจกับการวาดภาพในความมืดของตัวเองมาก เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้ววางพู่กันลง
เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นหนานหนานถือชุดดำอยู่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่จะไปจวนหลานหรือขอรับ?”
“อืม เรื่องที่ข้าบอกให้เจ้าไปสืบมาเป็นอย่างไรบ้าง?” หนานหนานตอบขณะเดินไปหลังฉากกั้นห้อง แล้วถามขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า
เย่ฉิงเป่ยนั่งลงอีกครั้งและตอบว่า “สืบแล้วขอรับ ชีวิตของลูกสาวคนโตแห่งสกุลหลานในจวนหลาน… ไม่มีความสุขเลยจริง ๆ”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบหยุดไปชั่วขณะ
เย่ฉิงเป่ยยกยิ้มและพูดต่อ “ข้าจดไว้แล้วว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง พี่ใหญ่ลองดูเอง… “
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีร่างหนึ่งแวบมาตรงหน้าเขา เย่ฉิงหนานมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาโดยพลัน จากนั้นหยิบกระดาษจากมือเขาไปเปิดอ่าน
“ใช่แล้ว ยังมีอีกอย่าง วันนี้ตอนกลางวัน ท่านแม่จัดงานเลี้ยงชมดอกบัว แล้วเชิญเหล่าสตรีจากตระกูลที่มีชื่อเสียงมามากมาย รวมไปถึงบุตรีคนโตแห่งจวนสกุลหลานด้วย”
ความจริงเขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าพี่ใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่
พี่ใหญ่ไม่ชอบเขาตั้งแต่เด็ก อืม คงเป็นเพราะเขาเป็นเด็กผู้ชายกระมัง เมื่อเทียบกับเนี่ยนเนี่ยนแล้ว ดูเหมือนพี่ชายจะหลงใหลนางแบบเข้ากระดูกทีเดียว
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ชายนั้นดีกว่าที่คนนอกจินตนาการไว้มาก
ความเชื่อใจระหว่างพวกเขา เกรงว่าคงไม่มีใครเทียบได้
พี่ใหญ่เคยไปที่จวนหลานมาก่อน และเมื่อเขากลับมาก็บอกว่า ลูกสาวคนโตของสกุลหลานนั้นแต่งตัวค่อนข้างซอมซ่อเกินไป เกรงว่าจะมีเรื่องไม่ค่อยดีนัก
เพียงว่าตอนนั้นเขากำลังจัดการเรื่องภายในอวี้เฟิงถัง เขาจึงมอบหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้ให้กับเขา
อืม เขาทำตามความคาดหวังด้วยการตรวจสอบหลายอย่างทีเดียว
ซึ่งรวมถึงเรื่องที่บุตรีคนโตของสกุลหลานพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องแม่ของตนตลอดหลายปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าจินซื่อต้องการลดสถานะอู๋ซื่อมารดาของนางให้เป็นอนุมาโดยตลอด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้นางจะใช้หลากหลายวิธีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ทำได้เพียงทำให้จินซื่อขึ้นมาอยู่ในสถานะภรรยาที่เท่าเทียมกันได้ แต่ก็ไม่สามารถลดสถานะอู๋ซื่อได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะบุตรีคนโตของสกุลหลาน
ต้องบอกว่าในสภาพแวดล้อมที่พ่อไม่รักอีกทั้งย่ายังสงสัยว่านางไม่ใช่ทายาทสกุลหลาน มันไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุระดับนี้
เย่ฉิงหนานฟังเขาขณะมองกระดาษในมือ
เมื่อเขาอ่านถึงบรรทัดสุดท้าย สีหน้าของเขาก็มืดมนจนแทบจะพ่นหมึกได้
“ปัง”ฝ่ามือฟาดลงบนโต๊ะจนกระดาษในมือของเขาแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่พู่กันที่เย่ฉิงเป่ยวางไว้บนโต๊ะ ก็กระเด้งตกลงบนภาพวาดหมึกที่กำลังจะแห้งของเขาจนดำเป็นปื้นหนา
เย่ฉิงเป่ยแอบเสียใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่ฉิงหนานแล้วถามว่า “พี่ใหญ่ ท่านจะทำอะไร?”
“ตอนนี้ข้าจะไปฆ่าคน” เย่ฉิงหนานแสยะยิ้มเย็นที่มุมปาก
เย่ฉิงเป่ยถอนหายใจ “หากท่านฆ่าพวกเขา ชีวิตของแม่นางหลานจะดีขึ้นหรือขอรับ?”
“ไม่” เย่ฉิงหนานยังคงยกยิ้ม “แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังอยากฆ่าพวกนาง”
“…” ช่างเอาแต่ใจและน่าสิ้นหวังเสียเหลือเกิน
เย่ฉิงเป่ยยักไหล่ “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะขอรับพี่ใหญ่”
เย่ฉิงหนานจ้องมองเขาด้วยแววตาดุดัน “นี่มันดึกแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ”
“…” พี่ใหญ่นี่เหลือเกินจริง ๆ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เขาก็ไล่คนออกไปโดยไม่ลังเล
เย่ฉิงเป่ยเก็บภาพวาดหมึกบนโต๊ะที่กลายเป็นเศษกระดาษเงียบ ๆ ลุกขึ้นและเดินออกไปที่ประตู
ผ่านไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ เขาก็หันหน้ามาถามว่า “แล้วพี่ใหญ่คิดจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”
“แก้ชื่อให้นางซะ!!” เย่ฉิงหนานหรี่ตาลงเล็กน้อย “จากนั้นก็ฆ่าพวกนาง”
ขณะที่เขาพูด เขาก็จัดแจงสวมชุดดำ แล้วพูดกับเย่ฉิงเป่ยว่า “ข้าจะไปจวนหลาน”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ออกจากห้องนำหน้าเย่ฉิงเป่ยหนึ่งก้าว
“…” เย่ฉิงเป่ยออกปากห้ามไม่ทัน พี่ใหญ่ ท่านไปที่จวนหลานกลางดึก ท่านแน่ใจหรือว่าจะแก้ชื่อให้ลูกสาวคนโตของสกุลหลาน ไม่ได้จะไปทำให้นางเสียชื่อใช่หรือไม่?
เอ๊ะ? แก้ชื่อหรือ? ชื่ออะไร?
เย่ฉิงเป่ยลูบคางตัวเองด้วยความงุนงง แต่นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจะมีอย่างอื่นที่เขาตรวจไม่พบเสียแล้ว
เขาเหลือบมองไปที่ห้องของพี่ชาย ก่อนจะหันหลังกลับ ปิดประตูแล้วจากไป
หลังจากคุยกับเย่ซิวตู๋ที่ตำหนักอ๋องซิวก่อนหน้านี้ เขาก็มาถึงบนหลังคาจวนหลานในเวลาไม่ถึงหนึ่งในสี่ชั่วยาม
จวนหลานเงียบสนิท มันเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว มีเพียงคนรับใช้ที่ปฏิบัติหน้าที่ถือตะเกียงเดินผ่านมาเป็นครั้งคราว
เย่ฉิงหนานเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และมาถึงเรือนที่หลานสุ่ยชิงอาศัยอยู่อย่างเงียบเชียบ
เมื่อมองไปยังเรือนหลังเล็กตรงหน้า เขาก็นึกถึงเรื่องที่นางอธิบายให้เขาฟังครั้งล่าสุด หากจะย้ายไปอยู่ใกล้ ๆ แม่ที่ป่วยเพื่อคอยดูแล เหตุใดต้องย้ายมาที่นี่ด้วย?
เห็นได้ชัดว่ามนุษย์กินคนเหล่านั้นในจวนหลานบังคับให้นางย้ายมาที่นี่ ชีวิตของคนใจดำเหล่านั้นจะต้องเลวร้ายยิ่งกว่าตายไม่ช้าก็เร็ว
รอยยิ้มที่มุมปากหนานหนานเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็กำลังจะเดินเข้าไปในเรือน
แต่ไกลออกไป เขาเห็นว่าเรือนของหลานสุ่ยชิงยังคงสว่างไสวด้วยแสงเทียน ภายใต้แสงตะเกียงคือร่างของนางที่กำลังเอียงคอเขียนหนังสืออยู่
วินาทีต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงของสาวใช้ที่น่าจะชื่อเยียนจือ “คุณหนู หยุดคัดเถิดเจ้าค่ะ ไท่ฮูหยินลงโทษให้ท่านคัดตําราสอนหญิง ท่านไม่ได้บอกว่าจะส่งวันมะรืนหรอกหรือเจ้าคะ? นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านควรรีบไปนอนนะเจ้าคะ”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานเดือดขึ้นมาแล้ววว ทำร้ายหญิงในดวงใจเขา คืนนี้จะมีใครเป็นศพไหมนะ
ไหหม่า(海馬)