อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 214 ฝีมือระดับปานกลาง
ตอนพิเศษ 214 ฝีมือระดับปานกลาง
ตอนพิเศษ 214 ฝีมือระดับปานกลาง
หลังจากที่ชายคนนั้นเดินออกประตูไป เขาก็ถอดหน้ากากออก
ท่ามกลางแสงเทียนจากตะเกียงตรงทางเดิน ใบหน้าเย็นชาและแข็งกร้าวถูกเปิดเผย แต่มุมปากยังคงมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด
เขามองกลับไปยังประตูที่ปิดสนิทอีกครั้ง ยังคงมีเสียงก่นด่าสาปแช่งลอยเข้าหูของเขาอยู่ เขาหัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง แล้วสั่งคนรอบข้างว่า “คอยจับตาดูนางให้ดี ส่งคนไปคอยจ้องมองในเงามืดเพิ่มอีก”
“ขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชารอบตัวเขาตอบด้วยความเคารพ แต่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็ถามอย่างลังเลว่า “นายท่าน หากเราจับตัวจวิ้นจู่มาเช่นนี้ จะทำให้ท่านอ๋องซิวขุ่นเคืองหรือไม่ขอรับ? ถึงตอนนั้น…”
“หากเราไม่จับนาง เราจะปล่อยให้นางทำลายภารกิจของเราหรือ?” ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของชายคนนั้นก็หายไป สีหน้ากลายเป็นเย็นชาทันที “นางอยู่ในมือเรา เย่ฉิงเป่ยจะได้ระมัดระวังขึ้นบ้าง และท่านอ๋องซิวคงไม่กล้าช่วยฮ่องเต้ง่าย ๆ”
“หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว หากท่านอ๋องซิวมาคิดบัญชีจะทำเช่นไรขอรับ?”
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากของชายผู้นั้น “ถึงตอนนั้น ข้าย่อมมีวิธีของข้าเอง”
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขาไม่กล้าพูด แล้วเดินตามเขาไปจนสุดทางเดินจากห้องที่เนี่ยนเนี่ยนถูกขังอยู่
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจ “รีบปล่อยข้าไปเร็ว ๆ ระวังพ่อข้าจะเผาบ้านพวกเจ้า ดึงลิ้นพวกเจ้าออกมาตัด แล้วตอนพวกเจ้าให้เป็นขันที…”
ทวารบาลตัวสั่นสะท้านขณะวางหน้าไม่ค่อยถูก สตรีพูดเช่นนี้ไม่เหมาะสมไม่ใช่หรือ?
“…ข้ากระหายน้ำ เหตุใดเจ้าไม่รินน้ำให้ข้าก่อน เจ้าบอกว่าจะไม่ปฏิบัติต่อข้าไม่ดีไม่ใช่หรือ?” เนี่ยนเนี่ยนเอนตัวพิงโต๊ะขณะพูด พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะอยู่เบื้องหลังหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ นั่นก็คือบัดนี้นางอยู่ใกล้ตัวฆาตกรในตอนนั้นมาก
หากเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่ต้องรีบจากไป เพียงคิดหาวิธีบางอย่าง
โชคดีที่คนพวกนั้นคิดว่าฝีมือของนางอยู่ในระดับปานกลาง อย่างน้อยนางก็ยังมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง
นางเพิ่งบอกไปว่านางต้องทำตัวถ่อมตนเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นนางจะเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่กลายเป็นหนามยอกอกคนอื่น ใช่หรือไม่?
เนี่ยนเนี่ยนค่อนข้างเหนื่อยจากการตะโกน นางค่อย ๆ คืบคลานเหมือนหนอนไปที่เตียง ก่อนจะพลิกตัวด้วยความยากลำบากเพื่อขึ้นไปบนเตียง
แน่นอนว่าการนอนบนเตียงนั้นย่อมสบายกว่า นางเริ่มคิดหาวิธีเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของชายคนนั้น
ก่อนที่จะคิดออก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่ประตู จากนั้นก็มีคนเปิดประตูเข้ามา พร้อมกาน้ำชาในมือ
เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนนอนอยู่บนเตียง มุมปากของเขาก็กระตุก เขาวางกาน้ำชาลงบนโต๊ะ “น้ำที่เจ้าขอ”
“… ถูกมัดเช่นนี้ข้าจะดื่มอย่างไร?” เนี่ยนเนี่ยนดิ้นไปมาเหมือนหนอนผีเสื้ออีกครั้ง
เมื่อเห็นนางทำเช่นนั้น ชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะพยายามเม้มปากอย่างสุดจะกลั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มาอยู่ข้างเนี่ยนเนี่ยน ปลดเชือกให้นาง พลางแนะนำนางขณะที่กำลังปลดเชือกว่า “ข้าจะแก้มัดเจ้าเดี๋ยวนี้ แต่อย่าแม้แต่จะคิดทำร้ายข้าแล้ววิ่งหนีไป มีคนมากมายอยู่ข้างนอก ตราบใดที่เจ้าเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย คนที่จะต้องเจ็บตัวก็คือเจ้าเอง”
เนี่ยนเนี่ยนกลอกตา นางต้องขอบคุณสำหรับความเมตตาของเขาหรือไม่?
เชือกถูกปลดออก เนี่ยนเนี่ยนขยับข้อมือได้แล้ว ในที่สุดก็รู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย
‘ฟึ่บ’ นางรีบวิ่งไปที่โต๊ะเพื่อเทน้ำใส่แก้ว แล้วดื่มอึกใหญ่
ชายคนนั้นขมวดคิ้ว เขารอจนกระทั่งเนี่ยนเนี่ยนดื่มเสร็จ ก่อนจะเก็บกาน้ำชาไป
เนี่ยนเนี่ยนลูบท้องตัวเอง จากนั้นหันไปมองเขาด้วยสีหน้าน่าเวทนา “ข้าหิว”
“เจ้า…” ช่างไม่สุภาพเอาเสียเลย ตอนนี้นางเป็นตัวประกัน เหตุใดถึงยังทำตัวสบาย ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ได้?
“รอสักประเดี๋ยว” ชายคนนั้นหยิบกาน้ำชาออกไป
แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน กับข้าวสองสามอย่างก็ถูกนำเข้ามา
เนี่ยนเนี่ยนมองไปที่จาน มันเป็นอย่างที่คนผู้นั้นพูดจริง ๆ นางไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้าย
นางชิมดูแล้วก็คิดว่าค่อนข้างอร่อย
“เฮ้ เจ้าชื่ออะไร?” นางคุยกับเขาระหว่างกินข้าว
ชายคนนั้นยืนเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้นางใช้กลอุบาย เขาไม่กล้าละสายตาไปแม้เพียงครู่เดียว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ลังเลก่อนจะพูดว่า “เรียกข้าว่าอาเซิงก็ได้”
นับจากนี้ไป เขาต้องรับผิดชอบหน้าที่นำน้ำและอาหารมาให้นาง เขาคงจะปล่อยให้นางเรียกเขาว่า ‘เฮ้’ ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้า “อาเซิง เจ้าจะยืนดูข้ากินอยู่ตรงนั้นหรือ? เจ้าดูข้าแล้วจะหิวหรือไม่?”
“…” จู่ ๆ อาเซิงก็รู้สึกว่าการนำน้ำและอาหารมาให้นาง อาจจะเป็นงานที่ยากมาก
“แต่ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ามานั่งกินด้วยหรอกนะ เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็ถือว่าเราเป็นศัตรูกันอยู่ใช่หรือไม่”
“……” เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าจะยังชวนคุยอยู่อีกหรือ?
“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ ว่าคนที่จับตัวข้ามาเป็นใคร?”
“……” จะเป็นไปได้อย่างไร?
“เจ้าช่างเงียบนัก ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าที่เอาแต่พูดกับตัวเอง”
“…” เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรอ้าปากพูด
อาเซิงรู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อเห็นว่านางใกล้จะกินเสร็จแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปเก็บจาน แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ตะเกียบในมือของเนี่ยนเนี่ยนยังคงเคว้งอยู่กลางอากาศ ขณะที่นางมองอาเซิงวิ่งออกไปนอกประตูด้วยความงุนงง
หลังจากนั้นไม่นาน อาเซิงก็กลับเข้ามาหยิบตะเกียบจากมือของเนี่ยนเนี่ยน แล้วจากไปอีกครั้ง
สีหน้าเนี่ยนเนี่ยนมืดมน ตกลงจะปฏิบัติต่อนางดีหรือไม่ดีกันแน่?
ไม่ยอมให้นางวางตะเกียบลงเอง นั่นไม่ใช่การปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้ายหรือ? ขี้โกงนี่นา
นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความสบายใจ
ท่านแม่บอกไว้ว่าในเมื่อมาแล้ว ก็สงบใจอยู่ให้เป็นสุข การกินดื่มให้เพียงพอ เพื่อหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณนั้นสำคัญที่สุด
ทว่าอาเซิงที่เพิ่งจากไปเดินกลับมาหน้าประตูห้องอีกครั้ง เขาพยักหน้าให้สองคนที่เฝ้าประตู แล้วยืนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น
หลังจากฟังอยู่นานก็พบว่าไม่มีเสียงจากด้านใน
เขาขมวดคิ้ว ก่อนหันหลังเดินจากไป
หลังจากผ่านทางเรือนสองหลังและซุ้มประตู อาเซิงก็มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เงียบงัน
คนที่อยู่ข้างในน่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา ไม่นานเสียงทุ้มก็ดังขึ้น “เข้ามา”
อาเซิงเปิดประตูเข้าไป แล้วโค้งคำนับคนสองคนที่นั่งอยู่เหนือเขา ด้วยท่าทางนอบน้อม “นายท่าน”
“อืม เป็นอย่างไรบ้าง?” ชายวัยกลางคนพยักหน้าเบา ๆ
อาเซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดเสียงเบาว่า “…ไม่ได้หนีไปไหน หลังจากกินดื่มจนอิ่มแล้วก็หลับไปขอรับ”
“หลับหรือ?” มือของชายวัยกลางคนชะงักด้วยความประหลาดใจ
อาเซิงพยักหน้า “นางถามข้าเรื่องตัวตนของนายท่าน เมื่อเห็นว่าข้าไม่ตอบจึงหยุดถามขอรับ”
“แม้ว่าฝีมือระดับปานกลาง แต่นิสัยกลับรักสงบ” เขาพูดขณะมองชายหนุ่มข้างเขา แล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ควรประมาท”
ชายหนุ่มยกยิ้ม “ถึงเวลาที่ข้าจะต้องปรากฏตัวแล้วหรือ?”
“ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม รออีกสักสองสามวัน เพื่อดูว่านางสงบจริง… หรือว่าแสร้งทำ” ชายวัยกลางคนหรี่ตาลง สีหน้าของเขาไม่มีผู้ใดหยั่งรู้จิตใจเขาได้
ชายหนุ่มพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชักสงสัยแล้วสิว่าตัวบงการเป็นใครกันบ้าง ถึงได้ไม่เกรงใจท่านอ๋องซิวพ่อเนี่ยนเนี่ยนเช่นนี้
ไหหม่า(海馬)