อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 215 ความคิดช่างไร้เดียงสา
ตอนพิเศษ 215 ความคิดช่างไร้เดียงสา
ตอนพิเศษ 215 ความคิดช่างไร้เดียงสา
เนี่ยนเนี่ยนหลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อตื่นในวันรุ่งขึ้น ดวงตะวันก็แผดแสงแรงกล้าแล้ว
นางเดินไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง แล้วเคาะเบา ๆ มีเสียงตอบกลับอย่างรวดเร็วจากข้างนอก “มีอะไรหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนกัดฟัน “ข้าหิว”
“รอก่อน” ทวารบาลมีท่าทางเฉยเมยมากขึ้น เขาตอบสั้น ๆ และหยุดพูดทันทีหลังจากพูดจบสองคำ
เนี่ยนเนี่ยนพ่นลมหายใจเบา ๆ และกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง
ในไม่ช้าอาเซิงก็มาพร้อมกับอาหารเช้า เนี่ยนเนี่ยนไม่พูดอะไร เพียงแค่หันไปมองนอกประตูเป็นครั้งคราว
อาเซิงเฝ้าสังเกตเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียง แต่เมื่อเทียบกับเมื่อวาน นัยน์ตาของเนี่ยนเนี่ยนฉายแวววิตกกังวลมากขึ้น
เขาเผลอเลิกคิ้วขึ้น หรือจะเป็นดังที่นายท่านบอก ท่าทางสงบนิ่งของนางอาจจะเป็นเพียงการแสร้งทำ?
หลังจากเนี่ยนเนี่ยนกินอาหารเช้าเสร็จ อาเซิงก็เก็บจานแล้วออกไป
จากนั้นนางก็เริ่มเปิดหน้าต่างดูเงียบ ๆ ตอนที่อาเซิงเปิดประตูเมื่อครู่นี้ นางรีบเพ่งมองดูทันที และเห็นว่าเรือนที่นางอาศัยอยู่นั้นไม่ใหญ่นัก ดูตามแผนผังบ้านทั่วไป เรือนของนางจึงน่าจะอยู่ห่างไกลจากหลังอื่น
นางมองออกไปนอกหน้าต่างอีกด้านหนึ่ง มีสระน้ำอยู่ข้างนอก สระนั้นค่อนข้างใหญ่ กระแสน้ำไหลเชี่ยว ไม่มีเกาะแก่ง และมีสะพานโค้งอยู่ไกลออกไป
แต่เนี่ยนเนี่ยนก็พอจะทราบว่าว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร มีศาลา หอคอย พลับพลา ราวบันไดแกะสลัก อาคารและสวนมากมายด้านนอก ในสวนมีดอกไม้นานาพรรณปลูกไว้เป็นแนวกว้าง แต่ไม่เห็นสาวใช้เลยแม้แต่คนเดียว
การสร้างบ้านในเมืองหลวงต้องมีขอบเขตที่แน่นอน เพราะในตระกูลใหญ่มีคนจำนวนมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างสวนขนาดใหญ่เช่นนี้ในจวน
แม้แต่ตำหนักอ๋องซิวของนางจะมีจำนวนคนน้อย ทั้งยังร่ำรวยและมีอำนาจสูงส่ง จึงสร้างให้สมฐานะของท่านพ่อ แต่ก็ไม่สามารถสร้างสวนขนาดใหญ่เช่นนี้ได้
ดังนั้นสถานที่นี้จึงต้องเป็นบ้านพักที่อยู่ในเขตนอกเมือง
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก หากไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง มันก็ยากมากที่จะหนีออกไปได้ด้วยตัวเอง
และปัญหาก็คือ ข้อเท้าของนางยังบาดเจ็บอยู่ ทำให้ระดับความยากเพิ่มขึ้นไปอีก
เนี่ยนเนี่ยนปิดหน้าต่าง แล้วนั่งบนขอบเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเริ่ม… นวดข้อเท้า
อาเซิงที่อยู่นอกประตูไปรายงานสถานการณ์อีกครั้ง ชายวัยกลางคนเพียงแค่พยักหน้า หัวเราะ และบอกให้เขาดูต่อไป ตราบใดที่เนี่ยนเนี่ยนไม่ส่งเสียงดังเอะอะ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
ขณะที่เขามีความคิดเช่นนี้ ทางฝั่งเนี่ยนเนี่ยนก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
คืนนั้นเนี่ยนเนี่ยนเปิดหน้าต่าง โดยจงใจทำเสียงดัง แล้วโยนแจกันลายครามสีน้ำเงินขาวในห้องออกไปทางหน้าต่าง
ขวดลายครามร่วงลงสู่ผิวน้ำ ส่งเสียงดัง ‘ตูม’
เนี่ยนเนี่ยนรีบเข้าไปซ่อนใต้เตียง วินาทีต่อมา ประตูห้องก็ถูกเปิดออกดัง ‘โครม’
คนสองคนที่เดิมเฝ้าประตูวิ่งเข้าไปทันที เมื่อเห็นหน้าต่างที่เปิดอยู่ พวกเขาก็มองหน้ากัน หนึ่งในนั้นรีบพูดว่า “เจ้ารีบไปรายงานนายท่าน ข้าจะไล่ตามไปก่อน”
หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบ เขาก็กระโดดลงไปในบ่อน้ำ
อีกคนหน้าถอดสี จากนั้นรีบวิ่งออกจากห้องไป
หลังจากที่ห้องเงียบลง เนี่ยนเนี่ยนก็คลานออกมาจากใต้เตียง แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่รั้งรอ
ขณะยืนอยู่ที่ประตู นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร”
ขณะที่นางพูด นางก็เริ่มเดินไปทางซ้ายเงียบ ๆ
บ้านหลังนี้ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม มีศาลาอยู่ทุกหนทุกแห่งและใหญ่โตมาก ดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะร่ำรวยยิ่งนัก
เมื่อเดินไปได้สักพัก เนี่ยนเนี่ยนก็หยุดและขมวดคิ้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจเดินไปทางขวา
การเคลื่อนไหวของนางเงียบเชียบและรวดเร็วมาก นางเดินไปทางที่น่าจะเป็นทางออก โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองนางจากทางด้านหลัง
ใช่แล้ว ตั้งแต่วินาทีที่นางก้าวออกจากห้อง นางก็รู้สึกว่ามีดวงตามากกว่าหนึ่งคู่อยู่ข้างหลังนาง และตลอดทางก็เหมือนมีผู้คนกำลังจ้องมองนางอยู่ในความมืด
แต่ไม่ว่านางจะเดินไปนานเพียงใด ก็ไม่มีใครออกมาหยุดนาง
หลังจากเดินไปสักพัก ในที่สุดเนี่ยนเนี่ยนก็เห็นประตู ใบหน้าของนางดีใจมากขณะเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย
เมื่อกำลังจะเข้าใกล้ประตู จู่ ๆ ก็มีคนมาขวางหน้านางไว้
เสียงฝีเท้าของเนี่ยนเนี่ยนหยุดลง เมื่อนางหันไปอีกครั้งก็มีคนหลายสิบคนอยู่รอบตัวนาง
“พวกเจ้า…”
“จวิ้นจู่น้อยลืมคำพูดของข้าแล้วหรือ? ข้าบอกว่าหากจวิ้นจู่เชื่อฟัง ก็จะเดือดร้อนน้อยลง เจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวข้าลำบากใจหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนยกมือขึ้นป้องกัน “ข้าไม่ใช่คนโง่เขลา หากข้าถูกจับตัวมา ข้าจะไม่อยากหนีได้อย่างไร?”
ชายวัยกลางคนที่สวมหน้ากากหัวเราะ “นั่นก็จริง เพียงแต่จวิ้นจู่จงหนีไปให้ได้ก็แล้วกัน”
ทันทีที่เขาโบกมือ คนนับสิบก็เข้ามาล้อมนางทันที
สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนเปลี่ยนไป นางไม่สนใจสิ่งใด และรีบวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
ชายสวมหน้ากากเย้ยหยัน “ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน”
เขาซัดฝ่ามืออย่างแรง คลื่นพลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามาหานาง เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าตัวนางปลิวไปข้างหลัง ลำคอถูกบีบแน่น เมื่อนางล้มลงกับพื้นก็สลบไป
ชายสวมหน้ากากส่ายหน้าและถอนหายใจ “สุดท้ายนางก็ยังอ่อนแอและเพ้อฝัน” จากนั้นเขาบอกอาเซิงที่ตามมาว่า “พานางกลับไปขังไว้อีกห้องหนึ่ง”
“ขอรับ” อาเซิงรีบอุ้มเนี่ยนเนี่ยนขึ้นมา
เนี่ยนเนี่ยนห้อยหัวลง มีเลือดออกเล็กน้อย แต่เมื่อหันหลังเดินจากไป สีหน้าของอาเซิงก็กลายเป็นซับซ้อน แบบที่ไม่มีใครคาดเดาได้
อาเซิงรีบพานางเข้าไปอีกห้องหนึ่งที่ต่างจากห้องเดิม
ตอนนี้ห้องดูค่อนข้างมืดมน นอกจากประตูตรงกลางก็มีหน้าต่างเพียงสองบาน และหน้าต่างสองบานนั้นอยู่ทางเดียวกับประตู ทำให้ออกไปได้ยากยิ่งขึ้น
เนี่ยนเนี่ยนถูกอาเซิงโยนลงบนเตียง ใบหน้าของนางซีดเผือด แต่นางยังคงสลบอยู่
เมื่อตื่นมาก็ผ่านไปอีกคืนหนึ่ง
เนี่ยนเนี่ยนกุมหน้าอกที่รู้สึกอึดอัด พลางขมวดคิ้ว
วรยุทธ์ของชายสวมหน้ากาก… สูงมาก นางไม่เหมาะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องส่งจดหมายถึงเป่ยเป่ยก่อน เนื่องจากชายสวมหน้ากากต้องการใช้นางเพื่อขู่เป่ยเป่ย เขาจึงต้องบอกเป่ยเป่ยเรื่องการจับตัวนางมา
แล้ว…ไป๋หลิวอี้ก็น่าจะรู้ด้วยใช่หรือไม่?
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนคิดถึงเขา นางก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ไป๋หลิวอี้รู้จริง ๆ เมื่ออ่านจดหมายที่เย่ฉิงเป่ยส่งมาให้เขา สีหน้าของเขาก็เดือดดาลยิ่งนัก จดหมายนั้นถูกเขารวบขยำเป็นก้อนกลมทันที
เขาหันไปถามเย่ฉิงเป่ย “มีวิธีติดต่อนางหรือไม่?”
เย่ฉิงเป่ยเม้มปาก แล้วพูดเสียงเบาว่า “ถ้าพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ด้วยก็จะไม่เป็นอะไร เขามีแมงป่องที่ใช้ตามหาคนอยู่ในมือ แต่ข้าไม่มี…” เสี่ยวไป๋เหอในอดีตตายไปแล้ว แต่พี่ใหญ่คุ้นเคยกับการใช้แมงป่องในการสื่อสาร เขาจึงเลี้ยงดูขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือไม่มีทางอื่นแล้วหรือ?
“แต่อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่เรารู้ ก็คือคนที่สามารถจัดการเนี่ยนเนี่ยนได้นั้นไม่ได้มีฝีมือต่ำ จึงสามารถจำกัดขอบเขตของคนที่ต้องสงสัยได้”
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มขมขื่น “แต่ก็ไม่อาจตัดออกได้ว่าเนี่ยนเนี่ยนอาจจงใจถูกจับไป” ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินด้วยระดับของฝีมือ
เย่ฉิงเป่ยหันมามองเขา “ท่านค่อนข้างรู้จักนางดี”
ไป๋หลิวอี้ไม่ได้เอ่ยคำใด ก่อนจะยื่นมือไปลูบหว่างคิ้วตัวเอง
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมาจากข้างนอก
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พยายามหนีแล้วแต่ก็ยังไม่พ้น บุคคลลึกลับคนนี้ต้องไม่ใช่ขุนนางคนธรรมดาทั่วไปแน่
ไหหม่า(海馬)