อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 219 กระอักเลือด
ตอนพิเศษ 219 กระอักเลือด
ตอนพิเศษ 219 กระอักเลือด
เขาพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง พลางใช้มือกุมบริเวณที่ไป๋หลิวอี้ฝากรอยแผลไว้ ก่อนจะไออย่างหนัก
สองในสี่ชั่วยามต่อมา ชายสวมหน้ากากก็กลับมาอีกครั้ง สายตาของเขาช่างมืดมนเกรี้ยวกราด น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ท่านพ่อ…” ชายหนุ่มกระแอมเบา ๆ แล้วชำเลืองมองเขา
ชายสวมหน้ากากเม้มปาก ก่อนจะเตะกำแพงในทันใด “ให้ตายเถอะ ล้มเหลวจนได้”
วันนี้เขาได้นำกำลังพลที่ซ่อนตัวอยู่ส่วนใหญ่ออกไป และไม่ได้อยู่เฝ้าบ้านพักด้วยตัวเอง เพื่อจัดฉากให้ลูกชายของเขาเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยเหลือเนี่ยนเนี่ยนได้ง่ายขึ้น คาดไม่ถึงเลยว่าไป๋หลิวอี้และเย่ฉิงเป่ยจะมาที่นี่ มันไม่ต่างจากการหยามหมิ่นพวกเขา
แผนการเดิมทั้งหมดต้องหยุดชะงัก ทำให้การดำเนินการต่อไป ไม่อาจเป็นไปตามที่วางแผนไว้ในตอนแรกได้อีกแล้ว
“ท่านพ่อ แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่าไป๋หลิวอี้ซ่อนเร้นฝีมือเอาไว้ เราจึงไม่ควรประมาท” สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ก่อนการสอบไป่กวน เราส่งคนไปลอบสังหารเขาแล้วครั้งหนึ่ง เดิมทีข้าคิดว่ามันเป็นความบังเอิญที่เขาหนีออกมาได้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะปกปิดความสามารถตัวเองได้แนบเนียนถึงเพียงนี้”
“บาดแผลของเจ้าเป็นฝีมือของไป๋หลิวอี้หรือ?”
ความหงุดหงิดและความละอายใจฉายชัดบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าประเมินศัตรูต่ำไป ข้าคิดว่าเขาเพียงแค่มีวรยุทธ์แมวสามขา ไม่คาดคิดเลยว่าระดับของเขานั้น… จะไล่เลี่ยกับข้า”
ไม่สิ พูดตามตรง อาจจะค่อนข้างสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ
ชายสวมหน้ากากตบไหล่เขา ก่อนถอนหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าควรกลับไปพักฟื้นก่อน เจ้าไป๋หลิวอี้คนนั้น… จะต้องถูกกำจัดในเช้าวันนี้”
ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นคนผู้หนึ่งก็ก้าวเข้ามาช่วยพยุงเขาออกไปช้า ๆ
จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาหายลับไป อาเซิงก้มหน้าลงเล็กน้อยขณะยืนข้างชายสวมหน้ากาก สีหน้าของเขาเคร่งเครียด และพูดด้วยเสียงเบาว่า “นายท่าน ตอนนี้เราควรทำเช่นไรดีขอรับ?”
“เฮ้อ…บ้านพักนี้ไม่อาจเก็บไว้ได้แล้ว เผาทิ้งเสีย” ชายสวมหน้ากากถอนหายใจด้วยน้ำเสียงผิดหวัง หลังจากที่เขาพูดจบก็หันหลังเตรียมเดินจากไป
“ขอรับ” อาเซิงตอบ แต่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดอย่างลังเลว่า “จวิ้นจู่ผู้นั้น…”
“มีโอกาสเพียงครั้งเดียว ครั้งนี้นางหนีไปได้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะจับนางอีก แต่ครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการเตือนว่าพวกเราเริ่มดำเนินการแล้ว ต้องเดินหน้าต่อไป” ชายสวมหน้ากากพูดเสียงเข้มขณะเดินไป
ทันใดนนั้นสีหน้าของอาเซิงก็เคร่งขรึม ฝีเท้าของเขาหยุดลง แล้วหันไปมองยังทิศทางที่นายน้อยชี้บอกว่าเนี่ยนเนี่ยนและคนอื่น ๆ ไปทางนั้น
เนี่ยนเนี่ยนนั่งพิงผนังรถม้าโดยไม่ยอมเอ่ยคำใด มือขวาของนางถูกจับไป๋หลิวอี้กุมไว้แน่น
นางรู้สึกรำคาญและอยากจะดึงมือกลับมา แต่ก็ล้มเหลวหลังจากพยายามมาหลายครั้ง ซึ่งทำให้เย่ฉิงเป่ยมองมาบ่อย ๆ
เนี่ยนเนี่ยนคิดว่าเขากับไป๋หลิวอี้ช่วยกันโกหกนาง นางจึงอดไม่ได้ที่จะโมโห และจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน
เย่ฉิงเป่ยลูบจมูกตัวเอง แล้วหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างเงียบ ๆ
จากนั้นเนี่ยนเนี่ยนก็พ่นลมหายใจเบา ๆ แต่นางไม่ได้พยายามเอามือออกจากฝ่ามือของไป๋หลิวอี้แล้ว
ภายในรถม้าเงียบกริบ อาเวินดีใจมากที่เขามองการณ์ไกล ถึงได้ออกมาขับรถม้า และไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุระของเจ้านาย
ไป๋หลิวอี้ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะมองเนี่ยนเนี่ยน
เนี่ยนเนี่ยนอยากจะเอื้อมมือไปจิ้มตาเขา ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่อเห็นว่าเขามองนางอยู่ เมื่อรถม้ามาถึงประตูเมือง และอาเวินกำลังแสดงเหรียญตราประจำตัวแก่ทหาร ในที่สุดนางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป จึงหันกลับไปจ้องมองไป๋หลิวอี้ “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา?”
ทหารอารักขาที่กำลังตรวจสอบเหรียญตราของอาเวินตกใจเพราะเสียงตวาดกะทันหันเช่นนั้น เมื่อรู้สึกถึงรังสีรุนแรงในรถ พวกเขาทุกคนก็พลันตื่นตัว แล้วโยนเหรียญตราไปให้อาเวินทันที ก่อนจะเล็งอาวุธไปที่รถม้า
อาเวินอยากจะร่ำไห้เงียบ ๆ จวิ้นจู่ อย่างน้อยท่านก็รอจนกว่าจะผ่านประตูเมืองก่อนจะพูดก็ได้ เกือบทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้นเสียแล้ว
จากนั้นไป๋หลิวอี้ก็ยกม่านรถม้าขึ้นครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นอาเวินถูกล้อมอยู่ เขาก็พูดกับทหารอารักขาว่า “ข้าเอง”
ชายคนนั้นย่อมจำเขาได้ จึงรีบลดหอกลง แล้วหันไปด้านข้างด้วยความเคารพ “ปรากฏว่าเป็นเสนาบดีฝั่งขวานั่นเอง ข้าน้อยจะให้คนรีบเปิดประตูเมืองให้ขอรับ”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็โบกมือให้กับคนที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นประตูเมืองขนาดใหญ่ก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แล้วค่อย ๆ เปิดออกต่อหน้าทุกคน
ไป๋หลิวอี้พยักหน้าให้เขา จากนั้นปิดม่านรถม้าลง แล้วรถม้าก็ออกเดินทางไปตามถนนอีกครั้ง
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก พลางจ้องมองมือขวาที่ยังคงถูกเขากุมไว้ในฝ่ามือ มุมปากของนางเริ่มกระตุก
แม้แต่ตอนเปิดม่านรถม้าคุยกับใครก็ไม่รู้ ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
ตอนนี้มือของทั้งคู่เริ่มมีเหงื่อซึมเล็กน้อย
ไป๋หลิวอี้นั่งลงอีกครั้ง แล้วถามว่า “เจ้าจะยอมคุยกับข้าแล้วหรือยัง?” ขณะที่เดินทาง เขามองท่าทางอึดอัดของนางและต้องการอธิบายหลายครั้ง แต่เนี่ยนเนี่ยนน่าจะไม่เต็มใจฟังเขาเสมอ เขาจึงได้แต่อดทนไว้ก่อน พยายามรอจนกว่าจะกลับไปถึงแล้วจึงค่อยอธิบาย
เมื่อครู่นี้นางยอมเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ไป๋หลิวอี้แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วยิ้มให้นาง “ข้ารู้ว่าข้า…”
“ไป๋หลิวอี้” เนี่ยนเนี่ยนขัดจังหวะเขาทันที “ข้าเหนื่อย อยากนอน อย่ามาคุยกับข้า”
หลังจากเนี่ยนเนี่ยนพูดจบ ก็ฉวยโอกาสตอนที่เขาเผลอเพื่อดึงมือออกอย่างแรง ทันใดนั้นนางก็ยืดเท้าเขี่ยเย่ฉิงเป่ยออกไปด้านข้าง แล้วนอนลงพักผ่อน
ไป๋หลิวอี้จ้องมองเปลือกตาของนางที่ยังคงสั่นระริก แม้ว่าจะปิดอยู่ ก่อนส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง แต่ก็ยังยอมนางด้วยการพูดว่า “เช่นนั้นก็พักผ่อนให้เพียงพอ”
เขานั่งลง แล้วดึงผ้าห่มจากด้านข้างออกมาห่มให้นางอย่างเบามือ
เย่ฉิงเป่ยยังคงหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างพลางแอบส่ายหน้า…ว่าที่คนกลัวภรรยาปรากฏตัวแล้ว
รถม้าแล่นไปข้างหน้าอย่างราบรื่น ในเวลาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะที่จะกลับไปจวนซูกั๋วกง
อาเวินขับรถม้าเลี้ยวสองสามรอบ มุ่งหน้าไปยังเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากจวนซูกั๋วกง
นี่คือจวนที่ฮ่องเต้ประทานให้ไป๋หลิวอี้เป็นรางวัล หลังจากที่เขาได้เป็นเสนาบดีฝั่งขวา ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมและทำความสะอาดแล้ว
ทว่ามีเพียงเรือนไม่กี่หลังที่ได้รับการทำความสะอาด แต่ก็ไม่มีปัญหาในการมาปักหลักชั่วคราว
เมื่อรถม้าจอดก็เข้าสู่รุ่งอรุณแล้ว เย่ฉิงเป่ยลงจากรถม้า ก่อนจะเดินเข้าไปในประตูโดยไม่ต้องคิด
อาเวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนชำเลืองมองเจ้านายของเขา แล้วรีบเดินตามเย่ฉิงเป่ยไปที่ประตูอย่างชาญฉลาด
ไป๋หลิวอี้ยังนั่งเท้าคางอยู่ในรถม้า เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนที่นอนอยู่บนรถม้าไม่ได้หลับ แต่ไม่ยอมลืมตา เขาก็อดหัวเราะไม่ได้
หยุดหัวเราะแล้ว เขาก็เอื้อมมือไปอุ้มนางกระโดดลงจากรถม้า
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เนี่ยนเนี่ยนก็จะลงจากอ้อมแขนของเขา “เจ้าทำอะไร?”
“ตื่นแล้วหรือ?” ไป๋หลิวอี้ยังคงจับแน่นไม่ยอมปล่อย ขณะกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน
ใบหน้าของเนี่ยนเนี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ นางไม่ได้พิการถึงขั้นต้องให้เขาอุ้มนางเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้น หญิงชายไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน แล้วจะไม่ให้นางโกรธเขาหรือ? ท่าทางแนบชิดสนิทสนมเช่นนี้คืออะไร?
เนี่ยนเนี่ยนพยายามดิ้นอย่างแรง แต่ขยับเพียงไม่กี่ครั้ง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงกลิ่นคาวในลำคอ แล้วกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โกรธจนอาการบาดเจ็บกำเริบเลยเหรอเนี่ยนเนี่ยน พักผ่อนก่อนนะแล้วค่อยคิดบัญชีกับคนผิดทีหลัง
ไหหม่า(海馬)