อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 220 หลอกล่อนาง
ตอนพิเศษ 220 หลอกล่อนาง
ตอนพิเศษ 220 หลอกล่อนาง
ไป๋หลิวอี้ตกตะลึง เมื่อเห็นคราบเลือดที่กระจายอยู่บนพื้น และเลือดสีแดงสดที่มุมปากของเนี่ยนเนี่ยน เขาก็รู้สึกว่าดวงตาของตนพลันแดงก่ำและแห้งผาก
เขาจับมือเนี่ยนเนี่ยนแน่นขึ้นทันใด แน่นมากเสียจนสั่นสะท้านเบา ๆ
เนี่ยนเนี่ยนยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก เมื่อหันไปเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของไป๋หลิวอี้ นางก็ตกใจ และรีบพูดว่า “เป็นแค่อาการบาดเจ็บภายในเล็กน้อย ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ข้าเป็นหมอย่อมรู้ดี ไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอันตรายแน่…”
เมื่อนางพูดเช่นนั้น ไป๋หลิวอี้ก็ไม่ได้ตอบนาง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดและนิ่งสงบราวผืนน้ำ ขณะเริ่มก้าวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
เนี่ยนเนี่ยนไม่เคยเห็นเขามีสีหน้าเช่นนี้มาก่อน นางจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย น้ำเสียงของนางอ่อนลง “มันเป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยจริง ๆ การกระอักเลือดออกมาสักสองสามคำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือ? เจ้าเองก็เคยเสียเลือดมากมาก่อน ยังไม่เป็นอะไรเลย”
สำหรับเนี่ยนเนี่ยนนั้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยจริง ๆ
นางเคยอุทิศตนเพื่อปรุงยาพิษ กระทั่งชิมยาพิษด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้พี่ใหญ่และพ่อของนางกลัวแทบตาย
ไป๋หลิวอี้ไม่ได้พูดอะไร แต่เม้มปากแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกถึงความตึงเครียดในร่างกายของเขาได้ชัดเจน แม้แต่การเดินก็เริ่มรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ
“เฮ้…”
ไป๋หลิวอี้พานางเข้าไปในห้องโถง เย่ฉิงเป่ยมาถึงนานแล้ว และกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “คืนนี้เรายังคง…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ใบหน้ามืดมนของไป๋หลิวอี้ก็ปรากฏท่ามกลางแสงสว่าง เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบปิดปากทันที
อาเวินก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ก่อนจะมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความสงสัย
เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หรือว่าทั้งสองจะทะเลาะกัน?
แต่ไม่น่าจะใช่ นิสัยของนายท่าน… จะต้องอ่อนข้อให้จวิ้นจู่แน่นอน อีกทั้งจวิ้นจู่ยังโกรธอยู่ด้วย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นายท่านไม่มีทางทะเลาะกับนางหรอก
แต่ดูแล้วจวิ้นจู่กลับมีสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย ประหนึ่งว่านายท่านเป็นฝ่ายโกรธ
เย่ฉิงเป่ยยืนขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อเห็นว่าไป๋หลิวอี้จะพาเนี่ยนเนี่ยนในอ้อมแขนเข้าไปในห้อง เขาก็ขมวดคิ้วและเดินตามไปโดยไม่รู้ตัว
คาดไม่ถึงว่าไป๋หลิวอี้ไม่แม้แต่จะหันกลับมา เมื่อเข้าประตูไปแล้ว เขาก็ยกเท้าข้างหนึ่งถีบปิดประตู
“…” ประตูเกือบจะชนจมูกของเย่ฉิงเป่ย สีหน้าของเขามืดมน
ไป๋หลิวอี้วางเนี่ยนเนี่ยนลงบนเตียง ก่อนหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเปิดประตู เขาก็ยื่นมือไปหาเย่ฉิงเป่ย “เจ้ามียารักษาอาการบาดเจ็บภายในหรือไม่?”
เย่ฉิงเป่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตั้งสติได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “เนี่ยนเนี่ยนได้รับบาดเจ็บภายในหรือ?”
เขากำลังจะเดินเข้าไปข้างใน แต่ไป๋หลิวอี้เอื้อมมือไปขวางเขา “เอายามาให้ข้า นางต้องพักผ่อน”
เย่ฉิงเป่ยไม่ค่อยพอใจนัก เนี่ยนเนี่ยนเป็นพี่สาวของเขาเอง และบิดามารดาก็ฝากนางไว้กับเขา หากพวกเขารู้ว่าเนี่ยนเนี่ยนได้รับบาดเจ็บภายใน ก็เกรงว่าเขาคงไม่อาจชดใช้ได้
แต่เมื่อเห็นใบหน้าดื้อรั้นของไป๋หลิวอี้ และนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาง ในที่สุดเย่ฉิงเป่ยก็ถอนหายใจ แล้วส่งขวดลายครามให้เขา
“ดูแลนางให้ดี”
ไป๋หลิวอี้ไม่ได้เอ่ยคำใด เขาหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
เย่ฉิงเป่ยมองประตูที่ปิดลงอีกครั้ง ใบหน้าของเขามืดมน ในวินาทีต่อมา จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเย่ฉิงหนานมาที่อาณาจักรเทียนอวี่ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
หากพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้เข้า ก็เกรงว่าจะไม่ได้ผลดีอะไรเลย
การที่พี่ใหญ่มาอาณาจักรเทียนอวี่ ถือว่าเป็นโชคดีหรือคำสาปสำหรับเขากันแน่
ไป๋หลิวอี้ไม่รู้ว่าเย่ฉิงเป่ยกำลังกังวลอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องเย่ฉิงหนาน เขากำขวดลายครามในมือแน่น แล้วกลับไปที่ข้างเตียง
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกโพลง อ้าปากแต่ไม่รู้จะพูดอะไร
ไป๋หลิวอี้เทยาออกมาจากขวดลายครามสองเม็ด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ายังโกรธข้าอยู่ หากเจ้าคิดอะไรออกก็ค่อยมาตกลงกับข้าทีหลัง ตอนนี้กินยานี้ก่อน น้องชายของเจ้าให้มา… อย่าได้ปฏิเสธ อาการบาดเจ็บภายในจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เด็กดี กินนี่ก่อนเถิดนะ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูใจเย็นอย่างยิ่ง เกือบจะเหมือนการหลอกล่อนาง
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับว่าเสียงของเขามีพลังทำลายล้างอย่างรุนแรง นางงับยาแล้วกลืนมันลงไป
“เจ้าพักผ่อนก่อน หากเจ้ามีอะไรจะพูด ก็ค่อยคุยกันหลังจากที่เจ้าตื่นแล้ว” ไป๋หลิวอี้ตบหมอนข้างหลังนาง เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมว่า “ข้าจะอยู่เคียงข้างเพื่อคอยดูแลเจ้า จะไม่ให้ใครมาจับตัวหรือทำร้ายเจ้าได้อีก”
เขาจริงจังมากขณะพูดเช่นนั้น ท่าทางเคร่งขรึมหนักแน่นนั้นราวกำลังให้คำสัญญา
เนี่ยนเนี่ยนอยากจะพูดสักสองสามคำ แต่เมื่อคำเหล่านั้นมาถึงปาก นางก็กลืนมันลงท้องไป แล้วนอนหลับตา
ไป๋หลิวอี้ยังจัดมุมผ้าห่มให้นาง แล้วนั่งมองใบหน้างดงามของนางอยู่ข้างเตียง
เนี่ยนเนี่ยนถูกจ้องมองเช่นนี้จะหลับลงได้อย่างไร นางลืมตาจ้องมองเขาด้วยความหงุดหงิด “เจ้าออกไปสิ”
“เนี่ยนเนี่ยน…”
“เจ้าเอาแต่จ้องข้าเช่นนี้ ข้าจะหลับลงได้อย่างไร?”
“…” ไป๋หลิวอี้เม้มปาก แล้วยิ้มให้นาง “ก็ได้ ข้าจะยืนเฝ้าอยู่นอกประตู”
ยืนเฝ้าเพื่ออะไร? เขาจะไม่นอนทั้งคืนเลยหรือ? โหมงานหนักแบบไม่ต้องหยุดพักงั้นหรือ?
“เจ้าไปนอนเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ ข้าบาดเจ็บเพราะข้า…” จงใจเอง นางไม่ได้พูดสองสามคำสุดท้ายออกไป นางสังหรณ์ใจว่าหากนางกล้าบอกว่านางจงใจถูกทำร้ายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ ไป๋หลิวอี้จะต้องโกรธมากแน่นอน
นางจึงหยุดคำพูดไว้ ก่อนจะหันด้านข้าง กระแอมเบา ๆ แล้วพูดว่า “เจ้า หากเจ้ากังวลมากจริง ๆ และไม่รังเกียจ เจ้าก็นอนบนเก้าอี้ยาวตรงนั้นได้ หากมีอะไรก็จะได้ยิน”
เนี่ยนเนี่ยนชี้ไปที่เก้าอี้ยาวนอกม่านลูกปัดด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
ชายหญิงอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน… นางเป็นคนเสนอเอง… แม้ว่าจะมีสัญญาหมั้นหมาย… ก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม…
จิตใจของเนี่ยนเนี่ยนเต็มไปด้วยความคิดบิดเบี้ยวทุกรูปแบบ ไป๋หลิวอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เนี่ยนเนี่ยนไม่ยืนกรานที่จะขับไล่เขาออกจากห้องอีกต่อไป เขาจึงไม่มีปัญหาที่จะพักผ่อนบนเก้าอี้ยาวตรงนั้น
ไป๋หลิวอี้พยักหน้าบอกให้นางพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วลุกไปที่เก้าอี้ยาว
เนี่ยนเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพลิกตัวและหลับไปทันที
ไป๋หลิวอี้นอนไม่หลับ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ตั้งแต่ตอนที่ค้นหาเนี่ยนเนี่ยน แต่เขาเงียบมาก และนอนนิ่งอยู่พักหนึ่ง
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนตื่นขึ้นอีกครั้ง พระอาทิตย์ข้างนอกก็จวนจะลับเหลี่ยมบรรพตแล้ว
เนี่ยนเนี่ยนลูบหัวตัวเอง นางไม่คิดว่าตนจะนอนได้ทั้งวัน
นางลุกขึ้นนั่งช้า ๆ หวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่นางจะเข้านอน แล้วมองออกไปนอกม่านลูกปัดโดยไม่รู้ตัว
ไม่มีใครอยู่บนเก้าอี้ยาว แต่มีร่างหนึ่งนั่งจิบชาอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ชายคนนั้นก็หันหน้ามายิ้มให้นาง “ตื่นแล้วหรือ?”
รูม่านตาของเนี่ยนเนี่ยนหดเล็กลง นางลุกจากเตียงทันที “พี่ใหญ่ ข้าถูกคนรังแก” ประโยคแรกกลับกลายเป็นคำร้องทุกข์
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานมาแล้ว เป่ยเป่ยกับหลิวอี้จะซวยไหมนะ
ไหหม่า(海馬)