อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 221 ฝีมือเจ้าหรือ?
ตอนพิเศษ 221 ฝีมือเจ้าหรือ?
ตอนพิเศษ 221 ฝีมือเจ้าหรือ?
เย่ฉิงหนานวางถ้วยในมือลง แล้วกวักมือเรียกนางให้มาหา “ผู้ใดรังแกเจ้า?”
ขณะที่พูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เหี้ยมเกรียม ราวกับต้องการจะช่วยนางระบายความโกรธ ด้วยการจับคนผู้นั้นมาล้างแค้น
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกโล่งใจทันที นางเม้มปากขณะยืนอยู่ตรงหน้าเขา แล้วพูดด้วยความเสียใจว่า “เป่ยเป่ยกับ…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นข้างนอก ประตูห้องถูกผลักเปิดออก แล้วไป๋หลิวอี้ก็เดินเข้ามา
เมื่อเขาเห็นเนี่ยนเนี่ยน สีหน้าของเขาพลันอ่อนโยนลงทันที “เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนอ้าปากค้าง อีกคำหนึ่งที่นางกำลังจะพูดติดอยู่ในลำคอ ไม่อาจพูดคำว่า ‘ไป๋หลิวอี้’ ออกมาได้ จึงรู้สึกอึ้งที่ไม่อาจพูดต่อหน้าพี่ใหญ่ของนาง
นางจ้องมองเขา แล้วนั่งลงโดยไม่พูดอะไร
เย่ฉิงหนานได้ยินนางพูดยังไม่จบ ก็เลิกคิ้วขึ้นถามว่า “เป่ยเป่ยกล้ารังแกเจ้าหรือ?”
“…” เนี่ยนเนี่ยนอ้าปาก ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
หากไป๋หลิวอี้อยู่ที่นี่ด้วย เขาจะเล่นลิ้นแน่นอน คนผู้นี้ทรงพลังมาก พูดจาไพเราะและอดทน ทุกครั้งที่นางอารมณ์เสีย นางมักจะตายต่อหน้าเขาอย่างอธิบายไม่ถูก ดังนั้น… ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูด
“เป่ยเป่ยรังแกเจ้าหนักถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เย่ฉิงหนานถาม
“เขา…” เนี่ยนเนี่ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พ่นลมหายใจเบา ๆ “พี่ใหญ่ ท่านลองถามเขาเองสิเจ้าคะ เขาไม่ถือว่าข้าเป็นพี่สาวเลย และไม่เคารพข้าด้วยเจ้าค่ะ”
เย่ฉิงหนานหรี่ตา “พี่จะไปหาเขาเพื่อจัดการตอนนี้เลย เจ้าบาดเจ็บอยู่ อย่าวิ่งไปมา พักผ่อนให้สบายนะ เข้าใจหรือไม่?”
“… อืม” เนี่ยนเนี่ยนคิดว่าจัดการกับเป่ยเป่ยก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยจัดการไป๋หลิวอี้ทีหลัง
จากนั้นเย่ฉิงหนานก็ลูบผมของนาง แล้วพูดว่า “พี่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะรังแกเจ้า พี่จะล้างแค้นให้เจ้าเอง”
ขณะที่เขาพูด เขาก็มองไป๋หลิวอี้ด้วยสายตามีเลศนัย จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เพื่อตามหาเย่ฉิงเป่ย
เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองไป๋หลิวอี้ด้วยความอิ่มเอมใจ “พี่ใหญ่ของข้ามาแล้ว แม้ว่าเป่ยเป่ยจะอยู่กับเจ้า เจ้าก็ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้”
ไป๋หลิวอี้หัวเราะ แล้ววางถาดในมือลงบนโต๊ะตรงหน้านาง
“ไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน มากินให้อิ่มท้องก่อนเถอะ มานี่สิ ลองชิมฝีมือข้าดู” ไป๋หลิวอี้เพิ่มประโยคดังกล่าวในตอนท้าย โดยไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
เนี่ยนเนี่ยนหยุดชะงักขณะที่นางกำลังจะไป แล้วหันมามองไป๋หลิวอี้ด้วยความประหลาดใจ “ฝีมือเจ้าหรือ?” นางมองจานที่อยู่ตรงหน้า ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “เจ้าทำเองหรือ?”
“นั่งกินข้าวก่อน” ไป๋หลิวอี้พยักหน้า แล้วจูงนางมานั่งบนเก้าอี้
เนี่ยนเนี่ยนตาโตด้วยความตื่นตระหนก บุรุษมักอยู่ไกลจากห้องครัว ชายธรรมดายังไม่เข้าใกล้เตาในครัวด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับบุตรชายผู้มีเกียรติแห่งจวนซูกั๋วกง เขาจะทำอาหารได้อย่างไร?
“ข้าจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจ้าไปที่ครัว เจ้าบอกว่าจะทำอาหารบำรุงร่างกายให้ข้ากิน ข้ายังไม่ได้ศึกษาเรื่องอาหารบำรุงเลย แต่อาหารเหล่านี้รสค่อนข้างอ่อน เจ้าได้รับบาดเจ็บ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดก่อน เมื่อกลับไปแล้ว ข้าจะทำทุกอย่างที่เจ้าอยากกินให้ ดีหรือไม่?” ไป๋หลิวอี้พูดพร้อมกับยัดตะเกียบใส่มือของเนี่ยนเนี่ยน
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนนึกถึงเรื่องที่นางทำครัวเละเทะไปหมด ใบหน้าของนางก็รู้สึกร้อนผ่าว
นางรีบก้มหน้าลง หยิบตะเกียบแล้วเริ่มกิน
รสชาติดีจริง ๆ… แม้ว่าจะไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่ครัวในตำหนักอ๋องซิว แต่ก็ยังทำให้อิ่มท้องได้
ตอนนี้นางหิวมาก กินอะไรก็รู้สึกว่าอร่อยไปหมด
แต่เนี่ยนเนี่ยนก็ยังคิดว่าการที่ไป๋หลิวอี้สามารถทำอาหารได้นั้น ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก
หลังจากที่นางเริ่มอิ่มแล้ว นางก็หันไปมองเขาเงียบ ๆ
ไป๋หลิวอี้นั่งดูนางกินข้าวอยู่ข้าง ๆ
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก นางรีบหันหน้าหนีทันที หลังจากคิดดูแล้วก็รู้สึกใจอ่อนอีกแล้ว นางจึงตัดสินใจหันไปจ้องเขาตอบ
จะทำอย่างไรดี? น่าจะไม่ค่อยโกรธเขาเสียแล้ว การหายโกรธเช่นนี้… ง่ายเกินไปหรือเปล่า?
“จิงจ้าวอิ่นรายงานมาว่าในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ บ้านพักแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองทางตะวันตกเกิดไฟไหม้ เปลวเพลิงลุกโหมรุนแรงมากจนไม่อาจดับได้ชั่วขณะหนึ่ง ทุกอย่างในนั้นถูกเผามอดไหม้ไปหมดสิ้น” ไป๋หลิวอี้เห็นว่านางกินเสร็จแล้ว จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง แล้วเล่าเรื่องนั้น
เนี่ยนเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง “ชานเมืองทางตะวันตกหรือ?”
“อืม สถานที่ที่เจ้าพักอยู่เมื่อสองสามวันก่อน… ทุกอย่างถูกไฟไหม้หมด ไม่เหลือร่องรอยใดเลย” ไป๋หลิวอี้อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นนางถือผ้าเช็ดหน้าไว้ แต่ไม่ขยับตัว เขาจึงดึงผ้าเช็ดหน้ากลับมาเช็ดมุมปากให้นางเอง “แต่นั่นก็อยู่ในความคาดหมายของเราเช่นกัน เนื่องจากเราค้นพบสถานที่นั้นแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกนั้นจะเก็บเอาไว้”
น่าเสียดายที่ตอนนั้นพวกเขาอยู่ได้ไม่นาน ไม่เช่นนั้น หากทำการค้นหา พวกเขาย่อมพบเบาะแสเป็นแน่
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเห็นว่าเขาเช็ดปากให้ นางก็อดไม่ได้ที่จะทำอะไรไม่ถูก เขาทำตัวสนิทสนมมากเกินไปหรือเปล่า? เขากับนางสนิทกันถึงเพียงนั้นเลยหรือ?
เนี่ยนเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอียงตัวไปข้างหลังเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสของเขา
ไป๋หลิวอี้ไม่ได้สนใจมากนัก เขายกยิ้ม แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ากลับไป—อย่างไรก็เช็ดให้สะอาดเสร็จแล้วอยู่ดี
“ไม่มีใครนอกจากพวกเราที่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้ามาอาณาจักรเทียนอวี่ ตอนนี้ความสนใจของคนเหล่านั้นอยู่ที่เป่ยเป่ย ซึ่งทำให้พี่ใหญ่ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ข้าคิดว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ พวกนั้นอาจจะลงมือเร็วขึ้น ช่วงนี้เจ้าจึงต้องระวังตัว อยู่แต่ในจวนซูกั๋วกง และอย่าออกไปไหน…” เขาหยุดชั่วขณะ กังวลว่าเนี่ยนเนี่ยนจะคิดว่าเขาจำกัดการกระทำของนาง และดูถูกความสามารถของนาง เขาจึงพูดเสริมว่า “เจ้าก็รู้ว่าจวนซูกั๋วกงไม่ปลอดภัย ท่านย่าก็แก่แล้ว เจ้าจึงต้องอยู่เคียงข้างเพื่อคอยปกป้องนาง”
เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เมื่อเขาพูดถึงฮูหยินเฒ่าไป๋ นางก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้ ตระกูลหลิ่วก็ยังเป็นเนื้อร้ายเช่นกัน หากรีบร้อนเกินไป บางทีคนในจวนซูกั๋วกงอาจถูกโจมตี”
เดิมทีนางวางแผนจะอยู่ที่จวนซูกั๋วกงอยู่แล้ว เพื่อคอยติดตามฮูหยินเฒ่าไป๋
ไป๋หลิวอี้หัวเราะ เขามองเนี่ยนเนี่ยนด้วยสายตาอ่อนโยนหวานหยาดเยิ้ม
เนี่ยนเนี่ยนหันมาพบกับสายตาของเขา มุมปากของนางกระตุก ก่อนจะพึมพำเบา ๆ “ข้าแค่รักฮูหยินเฒ่าไป๋ แน่นอนว่าข้าต้องดูแลนางอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะคำพูดของเจ้าเสียหน่อย”
“อืม ข้ารู้แล้ว”
“…” เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก “ไปเรียกพี่ใหญ่ของข้าเข้ามา ข้ามีเรื่องจะบอกเขา”
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้วขึ้น “บอกข้าไม่ได้หรือ?”
“ข้าไม่อยากบอกเจ้า” เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองเขา
ไป๋หลิวอี้ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเขา จู่ ๆ เนี่ยนเนี่ยนก็รู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าเขาเสียใจมากที่ถูกนางกีดกัน
นางโพล่งออกมาทันที “เจ้าจะยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็ได้”
ทันทีที่นางพูดจบ นางก็อยากจะกัดลิ้นตัวเอง
ฝีเท้าของไป๋หลิวอี้หยุดลงชั่วครู่ จากนั้นมุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้ม แล้วออกไปเรียกเย่ฉิงหนานกับน้องชายเข้ามา
…………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทำไมหนานหนานดูให้ความร่วมมือกับไป๋หลิวอี้แบบนี้ล่ะ งง
ไหหม่า(海馬)