อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 229 เป็นฝีมือของราชวงศ์
ตอนพิเศษ 229 เป็นฝีมือของราชวงศ์
ตอนพิเศษ 229 เป็นฝีมือของราชวงศ์
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก ก่อนจะไปนั่งข้างนาง และทำได้เพียงพูดเสียงเบาว่า “อาเวินกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋รีบคว้ามือนาง “เขาบอกว่าอะไร?”
“ตระกูลถง… เหลือเพียงฮูหยินถงและคุณหนูอายุห้าขวบเจ้าค่ะ” ต่อหน้าหลิ่วซื่อและสาวใช้ เนี่ยนเนี่ยนทำได้เพียงบอกแค่เรื่องที่ควรบอกเท่านั้น นางย่อมไม่กล้าบอกเรื่องที่ถงเวยหลินยังมีชีวิตอยู่
ฮูหยินเฒ่าไป๋ปล่อยมืออย่างไร้เรี่ยวแรงทันที นัยน์ตาเจ็บปวดและร้อนผ่าว ก่อนยกมือเช็ดน้ำตาด้วยความเศร้าโศก
“ยังคง… ยังคงเป็นเหมือนเดิมใช่หรือไม่?” นางเฝ้าภาวนาขอให้มีข่าวดี โดยหวังว่าเรื่องจะไม่ร้ายแรงถึงเพียงนี้ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น… เรี่ยวแรงในกายนางก็ดูเหมือนจะหายไปในพริบตา
แต่เนี่ยนเนี่ยนได้เตรียมใจมานานแล้ว หากตระกูลเจี่ยงคิดจะเคลื่อนไหว มันจะเป็นเพียงการต่อสู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างไร? เขาจะยอมล่าถอยอย่างง่ายดาย โดยไม่เข่นฆ่าเจ้านายตระกูลถงได้อย่างไร? ถงเวยหลินนับว่าโชคดีแล้วที่รอดชีวิตมาได้
ว่ากันว่าคนตระกูลถงติดต่อกับคนสวมหน้ากากในชุดดำหลายคน ทุกคนมีใบหน้าน่าสะพรึงกลัว มองเพียงปราดเดียวก็รับรู้ได้ถึงความกระหายเลือด
หลิ่วซื่อก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน นางเบือนหน้าหนีด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
จู่ ๆ ฮูหยินเฒ่าไป๋ก็บีบมือเนี่ยนเนี่ยนแน่น “ใครทำเรื่องเยี่ยงนี้? เหตุใดฆาตกรถึงโจมตีตระกูลถงอย่างหนัก? มันต้องการอะไรกันแน่?”
เนี่ยนเนี่ยนไม่อยากบอกว่าตระกูลเจี่ยงกำลังจะก่อกบฏ เพราะกลัวทำให้พวกนางยิ่งหวาดกลัว
นางจึงได้แต่ยกยิ้มฝืดเฝื่อน “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันนัก จนพวกเราทุกคนตั้งตัวไม่ทัน และไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นมีจุดประสงค์อะไรเจ้าค่ะ เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อจวนซูกั๋วกง นอกจากจะหาตัวฆาตกรให้พบโดยเร็วที่สุด บัดนี้เรายังต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับองครักษ์ของจวนซูกั๋วกง อย่าได้เปิดโอกาสแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋ตกตะลึง ราวกับจับได้ถึงเรื่องบางอย่างที่แฝงอยู่ในคำพูดของเนี่ยนเนี่ยน
แต่นั่นก็ถูกแล้ว นางจึงพยักหน้า “เช่นนั้นจะประมาทไม่ได้ ใครจะรู้ว่าคนพวกนั้นต้องการทำอะไร และต้องการจะโจมตีใคร”
หลิ่วซื่อที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าหวาดกลัวเช่นกัน เรื่องราวความพินาศของทั้งตระกูลนั้นน่าตกใจเกินไป เมื่อคิดว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับจวนซูกั๋วกงบ้าง นางก็รู้สึกเหมือนขนทุกเส้นบนร่างกายจะร่วงหล่น เหงื่อเย็นผุดซึมออกมาทันที
เนี่ยนเนี่ยนอยากให้ฮูหยินเฒ่าไป๋พักผ่อน แต่ตอนนี้นางจะนอนหลับลงได้อย่างไร เมื่อคิดถึงจวนถง คิดถึงรุ่นน้องที่มักจะมาทักทายนางด้วยความเคารพในวันปกติ คิดถึงถงเวยหลินที่ร่าเริงที่สุด คิดถึงฮูหยินเฒ่าถง นางก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาอีกครั้ง ก่อนจะพิงพนักเก้าอี้แล้วร่ำไห้เบา ๆ
เนี่ยนเนี่ยนไม่กล้าออกไปไหน เมื่อรู้ว่าฮูหยินเฒ่าไป๋กินอาหารกลางวันไม่มากนัก นางจึงขอให้แม่นมอวี๋เตรียมของว่างเพิ่ม แล้วป้อนให้นางกินไปไม่กี่คำอย่างไม่เต็มใจ
ในตอนเย็น ไป๋หลิวเจวี๋ยได้เข้ามา
แม้ว่าปกติเขาจะเป็นคนไม่ค่อยกระตือรือร้น แต่ในเวลาเช่นนี้ เขาก็ยังคงเข้มงวดในการทำสิ่งต่าง ๆ
สายตาของเขาดูเคร่งขรึมมากขึ้น ขณะที่เข้ามาคุยกับฮูหยินเฒ่าไป๋ “… ตอนนี้คนทั้งเมืองหลวงต่างตื่นตระหนก เพราะอย่างไรเสีย ตระกูลถงก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขาถูกฆ่าล้างตระกูล เหล่าเจ้านายต่างก็กังวลเช่นกัน และทุกคนเดาได้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด ข่าวลือแพร่กระจายไปทุกที่ ฮ่องเต้ก็ทรงมีรับสั่งให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด ต้องไม่ปล่อยให้ฆาตกรลอยนวล”
เขาพูดก่อนจะเงียบไปชั่วครู่ ชำเลืองมองเนี่ยนเนี่ยน แล้วพูดต่อ “ในตอนบ่าย จู่ ๆ ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเป็นฮ่องเต้และไท่จื่อที่สั่งกวาดล้างตระกูลถง เพราะตระกูลถงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่มีใครสามารถล้างบางคนตระกูลถงได้ในชั่วข้ามคืน นอกเสียจาก… ราชวงศ์”
“เหลวไหล” ฮูหยินเฒ่าไป๋ตะโกนด้วยความโกรธ นางเกือบจะผุดลุกขึ้น “ตระกูลถงเป็นเสาหลักของอาณาจักรเทียนอวี่ ราชวงศ์จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ใครกันที่ปล่อยข่าวไร้สาระเช่นนี้”
ไป๋หลิวเจวี๋ยเม้มปากแล้วพูดต่อ “เป็นการเล่าลือกันเป็นตุเป็นตะ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล แต่บรรดาลูกหลานของตระกูลถงก็สร้างแรงกดดันให้ฮ่องเต้ โดยบอกว่าให้ตามหาตัวฆาตกรให้เร็วที่สุด ส่วนตระกูลจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกสามตระกูลก็เริ่มคลางแคลงใจ และเริ่มดำเนินการ… มุ่งเป้าไปที่ราชวงศ์ขอรับ”
มันไม่ง่ายสำหรับไป๋หลิวอี้ที่จะสืบสวนเรื่องเหล่านี้ เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของตระกูลเจี่ยง
มันคือการทำลายล้างตระกูลถง จากนั้นรวมกับอีกสองตระกูลเพื่อพุ่งเป้าไปที่ราชวงศ์
รอจนกว่าชื่อเสียงของราชวงศ์จะถูกทำลาย แล้วค่อยทำเรื่องน่าละอายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
โชคดีที่ตระกูลลู่บอกไว้ว่า ตราบใดที่พี่ใหญ่และเป่ยเป่ยก้าวออกมา ผู้อาวุโสตระกูลลู่และท่านลุงลู่จะเชื่อพวกเขา ความสัมพันธ์ระหว่างลู่อวี่และไป๋หลิวอี้ก็ดีมากเช่นกัน จึงไม่น่าจะหักหลังกัน
แต่ตระกูลหวง… ตระกูลหวงยังไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าไว้ใจตระกูลเจี่ยงมากกว่า หรือไว้ใจพวกเขามากกว่ากัน
ตระกูลหวงและตระกูลเจี่ยงน่าจะมีความสัมพันธ์กันด้วยการเป็นดองกัน แม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะเป็นในระดับสามัญชน แต่ตระกูลหวงและตระกูลเจี่ยงก็ใกล้ชิดกันอยู่เสมอ จึงมองได้ไม่ง่ายนัก
เดี๋ยวนะ การเป็นดองกัน…
เนี่ยนเนี่ยนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที นัยน์ตาของนางเป็นประกาย
คนอื่น ๆ ในห้องไม่รู้ว่านางครุ่นคิดไปถึงไหนแล้ว เมื่อเนี่ยนเนี่ยนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง นางก็ได้ยินเสียงพูดด้วยความลังเลของหลิ่วซื่อ “… ข่าวลือข้างนอกเหล่านั้นมีบางส่วนที่สมเหตุสมผล สุดท้ายแล้ว ตระกูลถงก็ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา แต่กลับถูกทำลายได้ในชั่วข้ามคืน นอกจากฮ่องเต้และไท่จื่อแล้ว จะมีใครมีความสามารถนี้อีกบ้าง?”
เนี่ยนเนี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ฮูหยินเฒ่าไป๋หันไปจ้องนางเขม็ง “หญิงใจแคบ คิดเล็กคิดน้อย”
หลิ่วซื่ออ้าปากแต่ไม่กล้าพูดอีก
เนี่ยนเนี่ยนพูดว่า “หากราชวงศ์ต้องการกวาดล้างตระกูลถงจริง ๆ ก็จะต้องมีแรงจูงใจ ตระกูลถงภักดีต่อราชวงศ์มาโดยตลอด แล้วเหตุใดราชวงศ์ถึงต้องหักปีกตัวเองด้วย? และถ้าหากเรื่องมันง่ายเช่นนั้นจริง ข่าวลือดังกล่าวจะแพร่กระจายได้อย่างไร?”
หลิ่วซื่อถอนหายใจด้วยสีหน้าลำบากใจ และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าแค่คาดเดาไม่ได้หรือ?” อันที่จริงนางไม่กล้าคาดเดาเรื่องนี้โดยไม่มีมูล แต่ข่าวลือข้างนอกค่อนข้างมีเหตุผล
ฮูหยินเฒ่าไป๋พ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วพูดกับไป๋หลิวเจวี๋ยว่า “ช่วงสองสามวันนี้เจ้าคงต้องเหนื่อยหน่อย เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นนี้ จวนซูกั๋วกงของเราจะประมาทไม่ได้”
“หลานเข้าใจแล้วขอรับ” ไป๋หลิวเจวี๋ยพยักหน้า แล้วออกไปทำงานอีกครั้ง
เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลง นางก็นึกถึงถงเวยหลินในหอหลินเยว่ ดังนั้นหลังจากกินอาหารเย็นกับฮูหยินเฒ่าไป๋แล้ว นางก็รีบกลับไป
เหวินหย่าคอยอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา เมื่อนางเห็นเนี่ยนเนี่ยนก็พยักหน้าเล็กน้อย “สถานการณ์ปกติดี”
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเข้าไปจับชีพจรของถงเวยหลิน ป้อนยาให้เขา จากนั้นลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เจ้าเฝ้ามาทั้งวันแล้ว มาเปลี่ยนกับโม่เพียวเถอะ ตอนนี้เจ้าจะได้พักผ่อน”
เหวินหย่ายกยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ไม่เหนื่อยหรอก”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน อาเวินก็เข้ามาพูดเบา ๆ ว่า “จวิ้นจู่ นายท่านกลับมาแล้วขอรับ”
เนี่ยนเนี่ยนรีบแหวกม่านเดินออกไป เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นไป๋หลิวอี้ยืนอยู่ตรงหน้านางแล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำและมีท่าทางเหนื่อยล้า
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตระกูลเจี่ยงน่าสงสัยสุดอะ ไม่รู้ว่าตอนนั้นที่ราชวงศ์แห่งอาณาจักรเทียนอวี่โดนวางยากันยกครอบครัวก็เป็นฝีมือของตระกูลนี้ด้วยหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)