อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 238 เจอกันยามจื่อ
ตอนพิเศษ 238 เจอกันยามจื่อ
ตอนพิเศษ 238 เจอกันยามจื่อ
ถงเวยหลินได้ยินมาว่าน้องสาวคนสุดท้องของเขาได้เห็นการสังหารหมู่แล้ว เกรงว่านางคงจะเจ็บปวดทั้งกายและใจ และยากจะกำจัดฝันร้ายออกไปได้
เนี่ยนเนี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ เพราะไป๋หลิวอี้ไม่ได้เล่าให้นางฟัง และนางก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้เช่นกัน
นางตอบตามตรง “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เช่นนั้นข้าจะไปสืบมาให้เจ้าทีหลัง แต่ฮูหยินลู่นั้นอ่อนโยนและใจดี มั่นใจได้ว่านางจะดูแลน้องสาวของเจ้าอย่างดี”
ถงเวยหลินอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่ในที่สุดก็นิ่งเงียบ
อันที่จริงเขาอยากเจอแม่และน้องสาวมาก ตอนนี้เขามีญาติสนิทเหลือเพียงสองคนเท่านั้น และมักกังวลเสมอว่าจะไม่ได้เจอกันอีก
แต่เมื่อนึกถึงสภาพปัจจุบันของตนเอง เขาก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา จำต้องอดทนไปก่อน เพื่อไม่ให้แม่และน้องสาวของเขาต้องประสบกับหายนะอีก
เนี่ยนเนี่ยนบอกให้โม่เพียวดูแลเขาให้ดี จากนั้นนางก็ไปโถงเล่อฝูของฮูหยินเฒ่าไป๋
หลิ่วซื่อไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่อนุขี้อายสองคนของซูกั๋วกงคอยอยู่เคียงข้างฮูหยินเฒ่าตลอดเวลา เพื่อพูดคุยกับนางให้คลายความเบื่อหน่าย
เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนเข้ามา ทั้งสองก็รีบยืนขึ้นทำความเคารพนาง
ฮูหยินเฒ่าไป๋กวักมือเรียก “เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนนั่งลงข้างนาง แล้วจับชีพจรให้
“วันนี้ในวังหลวงเป็นอย่างไรบ้าง? ในวังหลวง… ปกติดีหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนยกมือออก แล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ เสด็จลุงกำลังเร่งจับกุมฆาตกรอย่างเร่งด่วน ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ”
“ดีแล้ว” ฮูหยินเฒ่าไป๋ถอนหายใจ แล้วลากนางไปคุยต่ออยู่นาน
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกไม่สบายใจอย่างชัดเจน ใช่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลถง มีผลกระทบต่อฮูหยินเฒ่าไป๋มาก
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ในที่สุดก็หยุดเมื่อซูกั๋วกงเข้ามาพร้อมกับไป๋หลิวอี้ จากนั้นทุกคนก็กินข้าวร่วมกันที่โถงเล่อฝู
หลังอาหารเย็น ฮูหยินเฒ่าไป๋รู้สึกเหนื่อยล้าจนต้องรีบพักผ่อน จากนั้นไป๋หลิวอี้ก็เดินไปหอหลินเยว่กับเนี่ยนเนี่ยน
“เจ้าไม่ได้กลับมาพักผ่อนหรือ? เหตุใดเจ้าไม่พักเสียบ้าง? ท่านย่ารู้ว่าเจ้าเหนื่อย นางถึงไม่ตำหนิเจ้าในตอนที่เจ้าไม่กลับมา”
“หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าจะพักผ่อนได้อย่างไร?” เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าลง ลังเลว่าจะบอกเขาเรื่องหลิ่วยางยางดีหรือไม่
รู้สึกเสมอว่าหากพูดไปก็ดูเหมือนว่าหึงหวง แต่หากไม่พูดอะไรเลย จะเป็นอย่างไร หากหลิ่วยางยางไปหาไป๋หลิวอี้อีก แล้วทั้งสองคนชอบพอกัน?
ไป๋หลิวอี้เป็นคนอ่อนโยน เขาจึงไม่น่าจะปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี
ใช่แล้ว คนผู้นี้ยังคงถือว่าหลิ่วยางยางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เนี่ยนเนี่ยนก็หยุดเดิน แล้วหันมามองเขา
ไป๋หลิวอี้อดประหลาดใจไม่ได้ จึงหยุดเดินด้วย “มีอะไรหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนกัดริมฝีปาก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดตะกุกตะกัก “ข้า เจ้า…”
นางอยากจะกัดลิ้นตัวเอง แล้วด่าตัวเองที่ไม่ได้เรื่องเหลือเกิน
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้ว แปลกใจกว่าเดิม “เกิดอะไรขึ้น?”
“ถงเวยหลินอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าก็ต้องอาศัยอยู่ที่นั่นด้วยใช่หรือไม่?” ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองเพียงลำพัง เขาไม่กลัวว่านางจะแปดเปื้อนหรือ
ไม่ใช่!!
นางไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้เลย!!
เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าหันหลังเดินจากไป โดยไม่ยอมมองไปข้างหน้า
ไป๋หลิวอี้นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นรีบเดินเข้าไปขวางนางไว้ทันที
‘ฟึ่บ’ เนี่ยนเนี่ยนกำลังก้มหน้าเดิน ศีรษะของนางจึงโขกแผงอกเขาอย่างแรง
ก่อนที่จะล้มซวนเซ ก็ถูกเขาประคองไว้ให้ยืนตัวตรง “หากอยู่ในหอหลินเยว่ไม่ได้ สวนจิ่นเฟิงยินดีต้อนรับ”
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมาที่เขา “ข้าไม่ได้จะอยู่ในสวนจิ่นเฟิง”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยากอยู่ที่ใด? ข้าจะตามเจ้าไปด้วย”
“…” มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุกอย่างแรง คนผู้นี้กะล่อนถึงขีดสุดจริง ๆ
เขาจะตามนางไปหมายความว่าอย่างไร? อย่าคิดว่าเขากับนางได้นอนกอดกัน แล้วหลับไปในคืนก่อน ต่อมาก็คิดจะรุกต่อ เพื่อให้ได้ทำเช่นนั้นอีกในอนาคต
นางกับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน ต้องเลี่ยงคำครหา เลี่ยงคำครหา
แต่ไป๋หลิวอี้จับมือนาง แล้วเดินไปข้างหน้าช้า ๆ “เนี่ยนเนี่ยน หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปที่อาณาจักรเฟิงชางกับเจ้า เพื่อขอแต่งงานอย่างเป็นทางการ ตกลงหรือไม่?”
นางไม่เห็นด้วย เขาจะขอแต่งงานอีกเพื่ออะไร? “คำสั่งพ่อแม่ คำพูดแม่สื่อ อย่ามาถามข้าเลย”
รอยยิ้มที่มุมปากของไป๋หลิวอี้กว้างขึ้นกว่าเดิม “ในตอนนั้น ข้าจะจัดเตรียมงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ เจ้าต้องการให้สวนจิ่นเฟิง หรือจวนของเสนาบดีฝั่งขวาเป็นเรือนหอเล่า”
เขาคิดมากไปหรือเปล่า? พ่อแม่ของนางยังไม่เห็นต้องอยู่เรือนหอ “ทิวทัศน์ในสวนจิ่นเฟิงดีมาก”
“อืม สวนจิ่นเฟิงเป็นที่ที่เราได้พบกันด้วย จึงเป็นสถานที่ที่มีความหมาย”
หมายความว่าอย่างไร? นางมาสวนจิ่นเฟิงในฐานะสาวใช้ และนางก็ทำได้ไม่ดีเลย “ชื่อสวนจิ่นเฟิงก็ดีมากเช่นกัน”
เขากำลังพูดบ้าอะไรอยู่??? เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกอยากจะร้องไห้เพราะความโง่เขลาของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าหอหลินเยว่อยู่ไม่ไกลนัก ในที่สุดนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นข้าขอกลับไปก่อน แล้วเจอกันยามจื่อ”
ไป๋หลิวอี้หยุดเท้าที่กำลังจะก้าวตามนางเข้าไปในหอหลินเยว่ทันที เขาทำได้เพียงมองเนี่ยนเนี่ยนอย่างเสียไม่ได้ แล้วเดินแยกจากนางไปทางสวนจิ่นเฟิง
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก เมื่อเดินไปข้างหน้าได้อีกสองสามก้าว จู่ ๆ นางก็หยุด แล้วพูดเสียงเบาว่า “ต่อไปอย่าได้เจอหลิ่วยางยางอีก”
นางพูดเบามากราวกับไม่ได้ส่งเสียงเลย รู้สึกว่านางกำลังพูดกับตัวเอง และในที่สุดก็วิ่งกลับไปที่หอหลินเยว่
แต่ไป๋หลิวอี้ที่กำลังจะถึงสวนจิ่นเฟิงหยุดนิ่งทันที มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มอ่อนยิ้ม และอารมณ์ดีขึ้นทันที จากนั้นก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
ยามจื่อ
เนี่ยนเนี่ยนสวมชุดดำ เก็บผมมัดเป็นหางม้าสูงเรียบร้อย ดูมีพลังมาก
ไป๋หลิวอี้ก็สวมชุดดำเช่นกัน ร่างสูงโปร่งของเขานั้น หากมองแวบแรกก็รู้สึกว่าดูไม่เหมือนบัณฑิตสักนิด
นี่แหละ คนเรา…เป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเสื้อผ้า
เนี่ยนเนี่ยนบ่นในใจเงียบ ๆ ชั่วขณะ จากนั้นออกจากจวนไป๋พร้อมกับไป๋หลิวอี้
นางคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็พาไป๋หลิวอี้ไปทางโรงเตี๊ยมจวี้เป่า
จนกระทั่งนางอยู่ห่างจากโรงเตี๊ยมจวี้เป่าไปสองตรอก นางจึงชี้ไปทางซ้าย “บ้านหลังนั้นอยู่ตรงนั้น”
ไป๋หลิวอี้โอบเอวนาง “ไปกันเถอะ”
สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนมืดมน นางเดินไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้เขาเมตตาและมีน้ำใจมากถึงเพียงนี้ ทั้งยังพานางกระโดดข้ามกำแพงด้วย
บ้านเงียบมาก เนี่ยนเนี่ยนหันหน้าไปดู เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว เครื่องเรือนต่าง ๆ ที่นี่ถูกวางกระจัดกระจายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทางการน่าจะค้นบ้านอย่างละเอียด หลังจากพบศพ
เนี่ยนเนี่ยนหันไปมองไป๋หลิวอี้ “เราจะหาเบาะแสได้จริงหรือ?”
“ชู่…” จู่ ๆ ไป๋หลิวอี้ก็ยกนิ้วแตะริมฝีปากของนาง แล้วกลั้นหายใจมองไปทางประตู
เนี่ยนเนี่ยนฟังอย่างระมัดระวัง ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่ามีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ดวงตาของนางสว่างขึ้นทันใด
ทั้งสองมองหน้ากัน เมื่อหาสถานที่เหมาะสมที่หนึ่งได้ก็รีบซ่อนตัว
แน่นอนว่าหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างสองร่างก็กระโจนลงมาจากกำแพงทีละร่าง
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หึง ไม่ชอบให้หลิ่วยางยางมาอยู่ใกล้ๆ คู่หมั้นก็บอกค่ะเนี่ยนเนี่ยน ไม่ต้องอาย
ใครสะกดรอยตามมานะ?
ไหหม่า(海馬)