อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 239 ทุ่มสุดตัว
ตอนพิเศษ 239 ทุ่มสุดตัว
ตอนพิเศษ 239 ทุ่มสุดตัว
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองร่างทั้งสองที่เดินเข้าไปในบ้านอย่างตื่นเต้น
มองจากทางด้านหลัง ก็ค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคย
นางหันไปมองไป๋หลิวอี้ที่เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาก็ขยับเข้าไปใกล้นาง แล้วกระซิบว่า “พ่อลูกสกุลหลิ่ว”
เสียงของเขาแผ่วเบายิ่ง อีกทั้งเขากับนางยังอยู่ใกล้กันมาก เนี่ยนเนี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย และกำลังจะผลักเขาออกไป แต่ไป๋หลิวอี้จับมือนางไว้ “ชู่ ระวังคนได้ยิน”
เนี่ยนเนี่ยนทำได้เพียงยอมแพ้ แล้วเงี่ยหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวในบ้านต่อไป
แต่ใบหน้าของไป๋หลิวอี้ยังคงแทบจะชิดกับนาง ลมหายใจของทั้งสองประสานกัน ทำให้นางทำตัวไม่เป็นธรรมชาติมาก
สีหน้าของไป๋หลิวอี้ไม่เปลี่ยนแปลง แขนของเขายังคงโอบรอบเอวนางไว้แน่น ขณะกลั้นหายใจตั้งใจฟังเสียงการเคลื่อนไหว
เนี่ยนเนี่ยนหงุดหงิดเล็กน้อยจนทำแก้มป่อง
ไป๋หลิวอี้ยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเงียบ ๆ แล้วเม้มปากแน่น
มีเสียงดังกุกกักในห้อง ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังถูกรื้อค้น
โชคดีที่ตำแหน่งของเนี่ยนเนี่ยนกับเขาเหมาะสม ลมเย็นยามค่ำคืนพัดโชยมา ทำให้เสียงความเคลื่อนไหวทั้งหมดในบ้านลอยเข้าหูพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของหลิ่วเหวยก็ดังขึ้น “ท่านพ่อ บนนั้นเขียนไว้ว่าอะไรขอรับ?”
“…” หลิ่วเชียงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดว่า “ให้พวกเราไปตามหาถงเวยหลินให้เร็วที่สุด”
เสียงของหลิ่วเหวยค่อนข้างลำบากใจ “ตามหาถงเวยหลินหรือขอรับ? จะหาได้จากที่ใด มีใครรู้บ้างว่าเขาหนีไปที่ใด? ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเขาเอง พวกเขาไม่รู้จักทำงานให้รอบคอบ ต่อให้ฮูหยินถงและคุณหนูนั่นจะยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นอะไร แต่ถงเวยหลินดันหายตัวไป ข้าคิดว่ามันไม่สำคัญว่าจะหาพบหรือไม่ เพราะอย่างไรเสียตระกูลถงก็เผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปแล้ว ถงเวยหลินเพียงคนเดียวย่อมไม่อาจสร้างปัญหาใดได้ อีกทั้งเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะรอดหรือเปล่า”
“เอาล่ะ เรื่องนี้สำคัญมาก ไม่รู้ว่าถงเวยหลินตัวตนของผู้ที่มาโจมตีหรือไม่ สรุปก็คือเราต้องรีบค้นหาเขาให้เจอก่อน แล้วชิงปิดปากเขาเพื่อความปลอดภัย” หลิ่วเชียงจ้องมองเขา แล้วพูดอย่างหมดความอดทน
หลิ่วเหวยเบ้ปาก แล้วตอบรับเสียงแผ่วเบา “เข้าใจแล้วขอรับ ท่านพ่อ” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วขมวดคิ้วถามว่า “แต่เราจะไปหาถงเวยหลินได้ที่ใด? มีสถานที่มากมายในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด”
“จวนซูกั๋วกง”
หลิ่วเหวยตกตะลึง “อะไรนะขอรับ?”
“ในคืนที่ตระกูลถงถูกกวาดล้าง ตระกูลใหญ่ทั้งสามและไป๋หลิวอี้เป็นคนกลุ่มแรกที่รีบไปจวนถง ในเวลานั้น ทุกคนกำลังตรวจสอบว่ามีใครรอดชีวิตหรือไม่ ไป๋หลิวอี้เป็นคนรอบคอบ ต่อให้เขาจะเห็นว่ายังมีคนรอดชีวิตอยู่ เขาก็จะไม่บอกใครเพราะสุดท้ายเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากไท่จื่อ ตั้งแต่คราวสอบสวนเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ใจเขาก็คงหวั่นว่าทุกคนจะสงสัยเขา เป็นไปได้มากที่เขาจะปกปิดเรื่องถงเวยหลินยังมีชีวิตอยู่ และซ่อนเขาไว้ “หลิ่วเชียงหยุดพูดครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “และมีอีกเรื่องที่น่าสงสัยมาก”
“เรื่องอะไรหรือขอรับ?”
“หากมีคนช่วยถงเวยหลินไว้ เนื่องจากเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คนผู้นั้นย่อมไปหาหมอที่ร้านขายยาเพื่อรับยาแน่นอน แต่ไม่ว่าจะเป็นตระกูลลู่หรือตระกูลหวง ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เลย ส่วนจวนซูกั๋วกงนั้น… มีลูกสาวของหมอปีศาจอยู่ที่นั่น”
รูม่านตาของหลิ่วเหวยหดตัวเมื่อได้ยินดังนั้น เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “การวิเคราะห์ของท่านพ่อมีเหตุผล หากคนอื่นเป็นคนพบถงเวยหลิน พวกเขาจะต้องบอกความจริงและไปหาหมอแน่นอน แต่มีเพียง… ไป๋หลิวอี้ท่านั้น”
ไป๋หลิวอี้ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยซ่อนตัวอยู่ในความมืด เนี่ยนเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองหน้าเขาเช่นกัน พ่อลูกสกุลหลิ่วพอจะยังมีสมองอยู่บ้าง
เนี่ยนเนี่ยนอ้าปากอยากจะบอกว่าเขากับนางอยู่แนบชิดกันเกินไป แต่ไป๋หลิวอี้กลับละสายตาจากนางไปแล้ว และยังคงจ้องไปที่ห้องตรงนั้น
เนี่ยนเนี่ยนทำแก้มป่องอีกครั้ง แต่ไม่กล้าส่งเสียงดัง นางจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขาใกล้ชิดนาง
ไม่นานเสียงในห้องก็ดังขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว หลิ่วเชียงดูเหมือนจะครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซูกั๋วกงยุ่งกับเรื่องตระกูลถงตลอดเวลา เขาจึงน่าจะเหนื่อยล้า มีเพียงพี่น้องสกุลไป๋และฮูหยินเฒ่าเหลืออยู่ในบ้าน ไป๋หลิวอี้ก็กำลังลำบากเช่นกัน พ่อได้ยินจากนายน้อยเจี่ยงว่าเขาเป็นคนคมในฝัก”
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร? ที่ว่าเหลือเพียงพี่น้องตระกูลไป๋แ หมายความว่าอย่างไร? นางไม่ใช่มนุษย์หรือ? นางก็ต่อสู้เก่งเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
แต่ไป๋หลิวอี้เริ่มครุ่นคิดจริงจัง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินคำว่า “นายน้อยเจี่ยง” อย่างชัดเจน ทั้งยังเป็นการยืนยันได้ว่าคนตระกูลเจี่ยงมีเจตนาชั่วร้ายจริง ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ คือเจี่ยงโม่เซิงรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนคมในฝัก? เขาไม่เคยต่อสู้กับเจี่ยงโม่เซิงมาก่อน ทั้งยังไม่เคยแสดงทักษะพิเศษต่อหน้าเขาด้วย
หรือว่า…
เขาหรี่ตาลงทันที ก่อนที่เขาจะมีเวลาคิดเรื่องนี้ หลิ่วเหวยก็พูดว่า “ท่านพ่อ ไป๋หลิวอี้เป็นตัวปัญหาจริง ๆ หากเราต้องไปที่จวนซูกั๋วกง เราต้องเลือกเวลาที่เขาไม่อยู่นะขอรับ”
“อืม” หลิ่วเชียงพยักหน้า “ไป๋หลิวอี้ฉลาดเกินกว่าที่เขาจะออกไปนอกจวนช่วงนี้ บัดนี้น้องสาวของเจ้ายังอยู่ในจวน นางยังสามารถช่วยเราได้บ้าง”
“ท่านพ่อ ถ้าพวกเราพบว่าถงเวยหลินอยู่ในจวนไป๋เล่าขอรับ?”
”
หลิ่วเชียงหัวเราะ น้ำเสียงของเขามืดมน “แน่นอนว่า… ปิดปาก”
หลิ่วเหวยขมวดคิ้ว การปิดปากเขาในจวนซูกั๋วกง คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสองพ่อลูก หากถงเวยหลินตายเช่นนี้ก็จะชัดเจนเกินไป
เขาลังเลเล็กน้อย แล้วคิดว่าควรจะพูดอะไรดี “ท่านพ่อ พวกเรา…”
“พ่อรู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” หลิ่วเชียงเย้ยหยัน “เมื่อครู่นี้มีจดหมายแจ้งว่าหากที่อยู่ของถงเวยหลินถูกเปิดเผย หรือถ้าถงเวยหลินอยู่ในจวนซูกั๋วกงจริง ๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีจวนซูกั๋วกง”
“ท่านพ่อหมายความว่า…”
“มีน้องสาวของเจ้าอยู่ในจวนซูกั๋วกง เช่นเดียวกับคนอีกสองสามคนที่เราส่งเข้าไป รวมถึงป้าและลูกพี่ลูกน้องของเจ้าด้วย ตราบใดที่เราจับเสี่ยวจวิ้นจู่จากอาณาจักรเฟิงชางและฮูหยินเฒ่าไป๋ได้ ซูกั๋วกงและไป๋หลิวอี้ก็จะตกอยู่ในกำมือของเราด้วย”
สีหน้าของหลิ่วเหวยเปลี่ยนไปมาก พ่อของเขาคิดจะทุ่มสุดตัวเลยหรือ?
แต่หากทำเช่นนั้น ตระกูลหลิ่วของพวกเขาก็จะเผยตัวตนชัดเจน
หลิ่วเหวยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หากตระกูลหลิ่วถูกเปิดโปง ก็จะไม่มีทางลอบโจมตีได้อีกแล้ว
แล้วมันมีประโยชน์อะไรที่จะเปิดเผยตอนนี้? มันเป็นเพียงการจัดการกับซูกั๋วกงไม่ใช่หรือ?
“ท่านพ่อ…”
หลิ่วเชียงยกมือขึ้น ปรามไม่ให้เขาพูดต่อ “เรื่องได้รับการตัดสินเช่นนี้แล้ว สองวันนี้เจ้าควรไปจัดการเรื่องคนตระกูลหลิ่วเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เรื่องถูกเปิดเผย และพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาน ส่วนพวกเรา… ไปคอยเฝ้าจวนซูกั๋วกงไว้ก่อน เพื่อดูว่าไป๋หลิวอี้จะไม่อยู่เมื่อใด”
เมื่อพูดเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ดูกระตือรือร้นที่จะพยายาม โดยไม่สนใจอะไรเลย
หลิ่วเหวยที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกไม่ดี แต่เขาก็ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ
ทั้งสองค้นข้าวของ ทำให้เกิดเสียงกุกกักอยู่ในห้องชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ออกจากบ้านไปทีละคน
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่างน้อยรู้ตัวแล้วสองว่าใครวางแผนจะล้มล้างสถาบันสบ้าง
ไหหม่า(海馬)