อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 242 คนไร้ประโยชน์
ตอนพิเศษ 242 คนไร้ประโยชน์
ตอนพิเศษ 242 คนไร้ประโยชน์
หลิ่วซื่อรู้สึกแปลกใจที่ในช่วงสองสามวันมานี้ผู้คนข้างนอกล้วนกำลังตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นขุนนางระดับสูงและบุคคลสำคัญ พวกเขาแทบจะปิดประตูบ้านอยู่เสมอหากไม่มีเหตุจำเป็น เพราะกลัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลถง จะเกิดขึ้นกับพวกเขาเองด้วย
สุดท้ายก็ยังไม่พบตัวฆาตกร และยังไม่ชัดเจนว่าเป็นศัตรูที่ต้องการแก้แค้นหรือกลุ่มโจรออกอาละวาด
เหตุใดช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ พี่ใหญ่ของนางจึงพาหลานชายมาเยี่ยมนาง?
แม้จะมีสีหน้างุนงง แต่นางก็ออกมาต้อนรับหลิ่วเชียงและหลิ่วเหวยที่ประตูเรือน
“พี่ใหญ่ มีอะไรเกิดขึ้นที่จวนหรือเปล่าเจ้าคะ? แต่ตอนนี้นายท่านไม่ได้อยู่ที่จวน หรือว่าจะให้ข้าสั่งหัวหน้าไป๋ส่งจดหมายถึงนายท่านให้เจ้าคะ?” หลิ่วซื่อคิดแล้วก็เข้าใจว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลหลิ่ว พี่ใหญ่จึงมาขอความช่วยเหลือ
นางจึงส่งอาหลานไปชงชา แล้วสั่งให้อาหมีเฝ้าอยู่นอกเรือน ก่อนจะถามอย่างกระวนกระวายใจ
หลิ่วเชียงได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจ ใบหน้าของเขามืดมน ขณะจ้องมองหลิ่วซื่อด้วยสายตาแข็งกร้าว “เจ้าคิดว่าตระกูลหลิ่วไร้ความสามารถมากเสียจนหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็จะต้องมาขอความช่วยเหลือจากสามีของเจ้างั้นหรือ? “
หลิ่วซื่อหน้าเสีย รีบอธิบายด้วยรอยยิ้มแห้ง “ข้าจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าแค่รู้สึกกังวลเมื่อเห็นสีหน้าร้อนใจของพี่ใหญ่และเหวยเอ๋อร์”
“ฮึ่ม” หลิ่วเชียงพ่นลมหายใจเย็นชา
บางครั้งยิ่งคนมีความผิดมากเท่าใด ก็จะยิ่งสนใจคำพูดของคนอื่นมากขึ้นเท่านั้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลหลิ่วค่อย ๆ อ่อนแอลง เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเขามักจะมาจวนซูกั๋วกง และซูกั๋วกงก็ช่วยเหลือพวกเขาไว้มาก
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ หลิ่วเชียงก็ยิ่งไม่อยากยอมรับว่าเขาด้อยกว่าไป๋ชูเฟิง เขาจึงถือสาในคำพูดของหลิ่วซื่อ
แต่วันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องเหล่านี้ เขาแค่โบกมือ แล้วชี้ไปยังเก้าอี้ด้านข้าง เพื่อให้หลิ่วซื่อนั่งลง “ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะข้ามีบางอย่างจะถามเจ้า”
“พี่ใหญ่โปรดถามได้เลยเจ้าค่ะ”
“จวิ้นจู่น้อยจากอาณาจักรเฟิงชางในช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง?”
ความเคลื่อนไหวหรือ? หลิ่วซื่อตกตะลึง “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงถามเช่นนี้เจ้าคะ?” นางพูดพลางขมวดคิ้วด้วยความกังวล “ท่านยังคิดจะจัดการกับนางอยู่หรือเจ้าคะ? ท่านต้องการให้นางเลิกยุ่งกับไป๋หลิวอี้ แล้วให้ยางยางแต่งงานกับไป๋หลิวอี้หรือเจ้าคะ? ท่านคิดจะขัดใจข้าใช่หรือไม่? ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วว่าข้าเกลียดเขาที่สุด แต่ท่านก็ยังต้องการประจบประแจงเขา หากปล่อยให้เขากับยางยางมายืนคู่กันต่อหน้าข้า เห็นทีข้าคงอาเจียนแทบตาย”
หลิ่วเชียงโกรธมากจนเกือบจะสบถออกมาเสียงดัง นึกอยากควักลูกตาของหลิ่วซื่อออกมา “เหตุใดเจ้าจึงพูดมากนัก? ข้าแค่ถามเจ้าว่าช่วงนี้จวิ้นจู่น้อยทำอะไรบ้าง เจ้าก็แค่ตอบมา”
หลิ่วซื่อตกใจ ยังคงวิตกเล็กน้อยที่เห็นพี่ใหญ่ของตนโกรธ นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ทำอะไรงั้นหรือเจ้าคะ? ส่วนใหญ่ก็แสดงความกตัญญูต่อหน้าฮูหยินเฒ่า เพื่อประจบให้นางพอใจ จึงไปทักทายฮูหยินเฒ่าทุกวันและอยู่ด้วยเสมอ”
หลิ่วเชียงและหลิ่วเหวยชำเลืองมองหน้ากัน อยู่ในเรือนของฮูหยินเฒ่าไป๋งั้นหรือ?
“แล้วอาหารและเสื้อผ้าของนางเล่า? อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ นางได้ใช้ยาจำนวนมาก และซื้อยาที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผลหรือไม่?”
หลิ่วซื่องุนงง เขาจะถามเรื่องเหล่านี้ไปเพื่ออะไร?
แต่ว่า…
“นางใช้ยาสมุนไพรทุกวันอยู่แล้ว พวกท่านก็รู้ว่านางเป็นหมอ จึงต้องทำงานกับยาตลอดทั้งวัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่เจ้าคะ”
หลิ่วเชียงขมวดคิ้ว มันเป็นความจริง
หลิ่วซื่อกล่าวต่อไปว่า “ส่วนจะเป็นยาที่จำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผลหรือไม่ ข้าไม่รู้ แม้ว่ายาที่เหลืออยู่ในจวนจะได้รับการลงทะเบียนไว้แล้ว แต่จวิ้นจู่น้อยก็มีเงิน นางจึงสั่งให้คนไปซื้อยามาให้ได้เท่าที่นางต้องการ และครั้งที่แล้วนางก็ได้รับรางวัลเป็นยาสมุนไพรมากมายจากวังหลวง ฮ่องเต้และไท่จื่อรักนางมาก จึงประทานทุกอย่างที่นางต้องการ ใครจะรู้ว่ามียาอะไรอยู่บ้าง?”
นางไม่คิดจะสอบถาม อย่างไรเสียตอนนี้นางก็ไม่สามารถเล่นงานไป๋หลิวอี้ได้ และยังไม่กล้าแตะต้องเนี่ยนเนี่ยนด้วย ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคู่รักคู่นี้ นางแค่ต้องการรักษาตำแหน่งของตัวเอง และคงจะดีหากรักษาตำแหน่งซื่อจื่อให้ลูกชายของนางได้ด้วย
ขณะที่หลายคนในห้องกำลังคุยกัน จู่ ๆ อาหมี่ที่เฝ้าอยู่นอกประตูก็เคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ฮูหยิน คุณหนูเปี่ยวมาเจ้าค่ะ”
ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิ่วเหวยก็ออกมากวักมือเรียกหลิ่วยางยางที่อยู่นอกประตู
หลิ่วยางยางนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นพาสาวใช้ที่ไม่คุ้นหน้าเข้าประตูมาเพียงคนเดียว ส่วนสาวใช้ที่เหลือก็ให้รออยู่ที่ลานบ้าน
ทันทีที่นางเข้าประตูมา นางก็ทักทายบิดาของตนก่อน จากนั้นไปยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ
ส่วนสาวใช้ที่หน้าตาไม่คุ้นยืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วเชียง หลังจากทำความเคารพแล้วก็รายงานว่า “… มีค่ายกลอยู่นอกหอหลินเยว่ที่จวิ้นจู่น้อยอาศัยอยู่ บ่าวไม่อาจเข้าไปได้ แต่เข้าไปในสวนจิ่นเฟิงได้ ทว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใด ปัจจุบันในหอหลินเยว่ มีสาวใช้เพียงสองคนคือเหวินหย่าและโม่เพียว จึงไม่มีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในนั้นเจ้าค่ะ”
หลิ่วเชียงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหลิ่วยางยาง “เจ้าไม่ได้พยายามจะเข้าไปเลยหรือ?”
ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิ่วยางยาง ก่อนที่นางจะพยักหน้า “ท่านพ่อ เย่ชิ่นซีเพิกเฉยต่อลูกเจ้าค่ะ แม้ว่าลูกจะเป็นฝ่ายเริ่มผูกมิตรกับนางก่อน นางก็ยังทำตัวเฉยเมยกับลูกและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ลูกต้องการเข้าไปในหอหลินเยว่ แต่นางก็สั่งให้คนมาขวางข้าไว้ข้างนอก ซ้ำยังพูดห้วน ๆ ด้วยว่าหากลูกเข้าไป เรือนของนางจะแปดเปื้อน คนมีทิฐิสูงเช่นนี้ ลูกไม่อาจทำอะไรได้เลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรือ?” หลิ่วเชียงไม่เชื่อคำพูดของนาง เขาตะคอกนางอย่างเย็นชา แล้วหันไปมองสาวใช้ “อาอวิ๋น เจ้าเล่ามาสิ”
อาอวิ๋นเม้มปาก แล้วมองหลิ่วยางยางที่กำลังจ้องมองนางด้วยสายตาตักเตือน
อาอวิ๋นลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเล่าว่า “คุณหนูไปที่หอหลินเยว่สองครั้ง แต่ก็ถูกขวางไว้ข้างนอกจริงเจ้าค่ะ จวิ้นจู่น้อยพูดจาหยาบคายสองสามคำ คุณหนูจึงโกรธมากจนทนไม่ได้ และหันหลังเดินกลับไปที่สวนหลิงสุ่ย ไม่ต้องการไปที่นั่นอีกแล้วเจ้าค่ะ”
หลิ่วยางยางจ้องมองอาอวิ๋น พลางนึกอยากจะเข้าไปฉีกปากของนาง
เมื่อสองสามวันก่อน พ่อของนางส่งสาวใช้คนนี้มาให้ โดยบอกว่าสามารถช่วยนางทำเรื่องต่าง ๆ ได้
ช่วยนางตรงไหนกัน? สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่จู้จี้ทั้งวัน ทำให้นางเสียหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการพยายามผูกมิตรกับเย่ชิ่นซี
ผิดพลาดตรงไหนกัน คำพูดของเย่ชิ่นซีนั้นรุนแรงมาก จนเกือบจะบอกนางอย่างชัดเจนว่านางเป็นกระต่ายหมายจันทร์ ไม่ว่านางจะเป็นคนหน้าหนาเพียงใด แต่การยอมทำตัวพินอบพิเทากับคนที่เกลียด ก็ไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลเลย
อย่างไรเสียนางก็เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ เหตุใดนางถึงต้องละทิ้งความนับถือตัวเองทั้งหมด เพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของนางพึงพอใจ และเหยียบย่ำให้นางสยบอยู่ใต้เท้า? จะต้องหน้าด้านเพียงใดกัน?
“เพียะ” ก่อนที่ความขุ่นเคืองของหลิ่วยางยางจะหายไป หลิ่วเชียงก็ยกมือขึ้นตบหน้านางแล้ว
ทุกคนในห้องตกตะลึง และยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง พลางมองหลิ่วเชียงที่มีสีหน้าเกรี้ยวกราด
“คนไร้ประโยชน์ พ่อบอกเจ้าไว้ว่าอย่างไร? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ให้เจ้าหาทางเข้าไปในหอหลินเยว่ให้ได้ เจ้าเอาแต่วางมาดคุณหนูตระกูลใหญ่ แค่เรื่องเล็กน้อยยังทำไม่สำเร็จ”
หลิ่วยางยางเสียใจมาก นางยกมือปิดหน้าร้องไห้ “ท่านพ่อ ท่านจะตำหนิข้าได้อย่างไร? ข้ากับเย่ชิ่นซีเคยเกลียดชังกันมาก่อน แต่ตอนนี้จู่ ๆ จะให้ข้าไปผูกมิตรกับนาง มันไม่ชัดเจนหรือว่ามีจุดประสงค์อื่น? หากข้าทำมากเกินไป ก็จะทำให้นางสงสัยได้”
ยิ่งหลิ่วซื่อฟังมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางขมวดคิ้วมองสองพ่อลูก แล้วถามว่า “เดี๋ยวก่อน พวกท่านกำลังคุยเรื่องอะไรกัน?”
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่ได้ดังใจก็ตบลูกน้อ มีพ่อแบบนี้ดูท่าจะล่มทั้งตระกูลล่ะ
ไหหม่า(海馬)