อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 243 สมรู้ร่วมคิด
ตอนพิเศษ 243 สมรู้ร่วมคิด
ตอนพิเศษ 243 สมรู้ร่วมคิด
หลิ่วเชียงชำเลืองมองนาง แต่ไม่เอ่ยคำใด แล้วจ้องมองหลิ่วยางยาง
เมื่อเห็นดังนั้น หลิ่วเหวยก็รีบดึงน้องสาวกลับมา แล้วเกลี้ยกล่อมว่า “เอาล่ะๆ ท่านพ่อ สิ่งที่น้องสาวพูดก็มีเหตุผลเช่นกันขอรับ จากมุมมองของนาง การไปทำตัวเป็นมิตรกับจวิ้นจู่จะทำให้นางสงสัยได้ พวกเราก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ขอรับ” เขาพูดจบก็จ้องมองอาอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าว ราวกับตำหนิที่นางพูดมากเกินไป แล้วจับพ่อของเขาให้นั่งลงอีกครั้ง
“ท่านพ่อ เรื่องนี้เรายังต้องขอความช่วยเหลือจากท่านอานะขอรับ” หลิ่วเหวยมองหลิ่วซื่อที่กำลังหน้าบึ้ง แล้วรีบเอื้อมมือไปรินชาให้นาง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอา…”
หลิ่วซื่อรู้สึกผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ นางมองหลิ่วเชียงด้วยความสงสัย “พวกท่านจะเข้าใกล้จวิ้นจู่ มีจุดประสงค์อะไรเจ้าคะ?”
หลิ่วเชียงจิบชาเงียบ ๆ แล้วเม้มปาก “มีบางอย่างที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วย”
ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะโจมตีจวนซูกั๋วกงแล้ว เขาย่อมไม่มีเจตนาจะปิดบังหลิ่วซื่ออีกต่อไป
“ว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“เจ้าหาทางเข้าไปในหอหลินเยว่ แล้วดูว่ามีใครกำลังพักฟื้นอยู่ที่นั่นหรือไม่” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสริม “เป็นการดีที่สุดที่จะพาเย่ชิ่นซีเข้าไปด้วย แล้วแยกนางออกจากสาวใช้สองคนนั้น”
เท่าที่เขารู้ ทักษะของเหวินหย่านั้นค่อนข้างดี
หลิ่วซื่อตกตะลึง กำลังพักฟื้นหรือ? “พี่ใหญ่ ท่านกำลังพูดถึงใคร? ใครกำลังพักฟื้นในหอหลินเยว่?”
“ถงเวยหลิน”
ถงเวยหลินหรือ? หลิ่วซื่ออ้าปากค้างทันที ถงเวยหลิน เขาเป็นนายน้อยตระกูลถงไม่ใช่หรือ?
นางได้ยินหลิวเจวี๋ยบอกว่าทุกคนข้างนอกกำลังตามหาถงเวยหลิน ตอนนี้เขาเป็นหรือตายก็ไม่มีใครรู้ และไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
แต่สิ่งที่นางได้ยินจากพี่ใหญ่ของนาง… หมายความว่าถงเวยหลินอยู่ในจวนซูกั๋วกง ในเรือนของจวิ้นจู่งั้นหรือ?
นั่น นั่น นั่นมันช่างเหลือเชื่อ
แล้วพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
หลิ่วซื่อกลืนน้ำลาย แล้วถามหลิ่วเชียงว่า “นายน้อยตระกูลถงอยู่ในหอหลินเยว่จริงหรือเจ้าคะ?”
“ยังไม่แน่ใจ จึงอยากให้ท่านอาลองไปดูขอรับ” หลิ่วเหวยยกยิ้ม แล้วชี้ไปยังอาอวิ๋นที่อยู่ข้างเขา “ท่านอาพานางไปด้วย เมื่อถึงเวลานั้น อาอวิ๋นมีวรยุทธ์และเก่งเรื่องนี้ขอรับ”
หลิ่วซื่อขมวดคิ้ว “เหตุใดต้องพาอาอวิ๋นไปด้วย? ถ้าเจ้าพบนายน้อยตระกูลถงจริง ๆ พี่ใหญ่จะทำอย่างไร? พาเขาออกมาหรือเจ้าคะ?”
หลิ่วเชียงเย้ยหยัน แล้วทำท่ากรีดคอ “เจ้าแค่ต้องพาอาอวิ๋นไปที่หอหลินเยว่ ส่วนเรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก”
ฆ่าปิดปาก!
สามคำนี้แวบเข้ามาในความคิดของหลิ่วซื่ออย่างรวดเร็ว นางเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และบังเอิญชนเข้ากับโต๊ะที่อยู่ข้างหลัง ทำให้ถ้วยชาสองใบตกแตก
นางจ้องมองพี่ใหญ่ของตนด้วยสายตาว่างเปล่า ริมฝีปากของนางเริ่มสั่น น้ำเสียงค่อนข้างสั่นเครือ “พี่ใหญ่ พี่ พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงคิดจะฆ่านายน้อยตระกูลถง? การกวาดล้างตระกูลถง มี มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับท่านหรือ?”
หลิ่วเชียงลุกขึ้นไปจับไหล่นางทันที “ฟังนะ เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด ข้าเก็บงำความจริงที่ไม่เหมาะสมเอาไว้ สรุปคือเจ้าแค่ต้องทำตามที่ข้าบอก เมื่อถึงเวลา ข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะเพลิดเพลินไปกับเกียรติยศ และความมั่งคั่งของเจ้าต่อไป อนาคตของเจ้าจะรุ่งเรืองแน่นอน”
ประโยคสั้น ๆ ทั้งสองนั้นผ่านเข้าสู่ห้วงคำนึงของหลิ่วซื่ออย่างรวดเร็ว
นางผู้ไม่ค่อยมีไหวพริบมากนัก จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงแสงสว่างปลายอุโมงค์
นางยืนอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง ขณะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น เสียงสั่นเครือลอดออกมาจากนิ้วของนาง “พี่ใหญ่ พวก พวกท่านกำลังวางแผนอะไรกันอยู่? พวกท่าน… กวาดล้างตระกูลถง… ใส่ร้ายราชวงศ์… ใช่ ใช่หรือไม่?”
ใส่ร้ายราชวงศ์งั้นหรือ? เมื่อหลิ่วซื่อนึกถึงคำเหล่านี้ ดวงตาของนางก็เบิกกว้างทันที
พี่ใหญ่ของนางกำลังต่อต้านราชวงศ์จริงหรือ? นั่นหมายความว่าอย่างไร?
กบฏ!!!!!!
หลิ่วซื่อรู้สึกได้ว่าโลกทั้งใบกำลังหมุน เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายของนางก็หายไปหมด นางมองไปที่พี่ชาย หลานชายและหลานสาวของนางด้วยความไม่เชื่อ แล้วส่ายหัวอย่างแรง “พี่ใหญ่ อย่าทำอะไรโง่เขลาเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเพียงใด? ท่านจะทำให้คนตระกูลหลิ่วถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นหรือ? ท่านบ้าไปแล้วหรือเปล่า?”
“หุบปาก เจ้าน่ะสิที่บ้าไปแล้ว” หลิ่วเชียงตวาดนาง พลางจ้องมองนางด้วยสายตาดุร้าย “ข้ารู้ว่าข้าต้องการทำอะไร สรุปคือในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลิ่ว เจ้าควรจะรู้ว่าเจ้าควรยืนอยู่ฝ่ายใด”
หลิ่วซื่อส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ ไม่ได้ นายท่านจงรักภักดีต่อราชสำนัก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทรยศฮ่องเต้ ข้า ข้าเป็นภรรยาของนายท่าน”
“ภรรยาหรือ?” หลิ่วเชียงเย้ยหยัน “เขาถือว่าเจ้าเป็นภรรยาหรือเปล่า? เจ้าอย่าโง่เขลานักเลย ใจเขามีเพียงแม่ของไป๋หลิวอี้เท่านั้น เขาแต่งงานกับเจ้าเพราะคำสั่งของท่านผู้เฒ่า ดูสิว่าเขาปลูกฝังให้ไป๋หลิวอี้เป็นคนเช่นไร? แล้วเขาปลูกฝังหลิวเจวี๋ยให้เป็นคนเช่นไร? เขาเคยดูแลหลิวเจวี๋ยหรือเปล่า? ใจเขาถือว่ามีเพียงไป๋หลิวอี้เท่านั้นที่เป็นลูกชายของเขา อย่าลืมว่าหลิวเจวี๋ยเป็นซื่อจื่อผู้เป็นลูกชายที่เกิดจากการแต่งงานอย่างชอบธรรม”
“ข้า…” หลิ่วซื่อหน้าเจื่อนลง ซูกั๋วกงนั้นลำเอียงเสียจริง
นางรับรู้ถึงความรู้สึกของซูกั๋วกงที่มีต่อแม่ของไป๋หลิวอี้ชัดเจน ตลอดจนความเคารพที่เขามีต่อนาง
หลิ่วเหวยที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมว่า “ท่านอา บัดนี้ตระกูลหลิ่วไม่มีทางออกแล้วขอรับ หากท่านไม่ช่วยตระกูลหลิ่ว ตระกูลหลิ่วจะต้องล่มสลายไม่ช้าก็เร็ว ถึงตอนนั้นท่านจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่ เพราะซูกั๋วกงไม่ได้มีความรู้สึกกับท่านเลยตั้งแต่แรก หากต้องอธิบายต่อฮ่องเต้ในภายหลัง เขาจะไม่เก็บท่านไว้แน่นอน ถึงตอนนั้นหลิวเจวี๋ยก็จะไม่อาจรักษาตำแหน่งซื่อจื่อไว้ได้ จินตนาการถึงจุดจบได้เลยขอรับ “
รูม่านตาของหลิ่วซื่อหดตัวลง ใบหน้านางซีดเผือดอีกครั้ง
คำพูดของหลิ่วเชียงและหลิ่วเหวยจี้ใจดำของนาง ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างเสียไม่ได้ หลิ่วยางยางที่อยู่ข้างหลังนางรีบพยุงนางไว้
หลิ่วเชียงและหลิ่วเหวยมองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่าควรใช้วิธีใดในการเกลี้ยกล่อมหลิ่วซื่อ เห็นได้ชัดว่าจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลิ่วซื่อคือไป๋หลิวเจวี๋ย
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลเลยสักนิด ว่าหลิ่วซื่อจะไม่อยู่ฝ่ายพวกเขา
เมื่อเห็นว่าหลิ่วซื่อกำลังลังเล หลิ่วยางยางก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสริมว่า “ท่านอา ท่านลุงไม่ได้สนใจท่านอีกต่อไปแล้ว ตระกูลหลิ่วกำลังมีปัญหา จากนี้ไปจะไม่มีใครคอยสนับสนุนท่าน ข้าเกรงว่าท่านจะรักษาตำแหน่งฮูหยินซูกั๋วกงไว้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับการปกป้องพี่หลิวเจวี๋ย แต่ตราบใดที่ตระกูลหลิ่วประสบความสำเร็จ อนาคตของพี่หลิวเจวี๋ยก็จะไม่แย่ไปมากกว่านี้ ในเวลานั้น ถึงตอนนั้นเขาสามารถครองตำแหน่งซูกั๋วกงได้ และจะไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามสถานะของเขาได้อีกเจ้าค่ะ”
หลิ่วซื่อตกตะลึง นางกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เป้าหมายสูงสุดของนาง คือหวังว่าไป๋หลิวเจวี๋ยจะได้ครองตำแหน่งซูกั๋วกงได้อย่างปลอดภัย ตอนนี้ตราบใดที่นางช่วยให้พี่ใหญ่ของนางประสบความสำเร็จ นางก็ไม่ต้องกังวลว่าซูกั๋วกง จะยกตำแหน่งซูกั๋วกงให้ซื่อจื่อของเขาหรือไม่ ใช่หรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไป๋หลิวอี้ยังเป็นที่โปรดปรานมาก และจวิ้นจู่เนี่ยนเนี่ยนก็อยู่เคียงข้างเขาด้วย ฮ่องเต้ก็โปรดปรานเขา จึงเป็นภัยคุกคามต่อนางกับลูกมากเกินไป
ริมฝีปากของนางสั่นเบา ๆ ขณะหันไปถามหลิ่วยางยางว่า “เจ้า เจ้าไม่ได้ชอบไป๋หลิวอี้หรอกหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อของเจ้ากำลังทำอะไร? ถึงตอนนั้นไป๋หลิวอี้ก็จะต้องตายเช่นกัน”
ร่องรอยของความเจ็บปวดฉาบบนใบหน้าของหลิ่วยางยาง แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว “เขาไม่มีข้าอยู่ในใจ ในเมื่อข้าไม่สามารถอยู่กับเขาได้ ข้าก็อยากทำลายเขา ข้าไม่ต้องการให้เขาได้อยู่เสวยสุขกับเย่ชิ่นซี ท่านอา ท่านเต็มใจเห็นท่านลุงกับอนุสองคนของเขา ยืนอยู่ต่อหน้าท่านทั้งวันทั้งคืน ท่านเต็มใจจะเห็นท่านลุงหย่ากับท่าน แล้วยกพวกนางขึ้นมาแทนหรือเจ้าคะ?”
ทันใดนั้นสายตาของหลิ่วซื่อก็คมกริบ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย “ไม่มีทาง”
สองพ่อลูกสกุลหลิ่วหัวเราะ ด้วยรับรู้ได้ว่าหลิ่วซื่อ…ตกลงแล้ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กล่อมหลิ่วซื่อสำเร็จแล้ว ก็เหลือแต่ว่าจะทลายค่ายกลหอหลินเยว่ได้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ แต่เชื่อว่าฝั่งเนี่ยนเนี่ยนก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)