อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 249 ไปเอายา
ตอนพิเศษ 249 ไปเอายา
ตอนพิเศษ 249 ไปเอายา
ทันใดนั้นเอง ฮูหยินเฒ่าไป๋คว้าแขนชายชุดดำด้วยความตื่นเต้นสุดขีด “เจ้า เจ้าคือหนาน…”
ชายชุดดำส่ายหน้าเบา ๆ ให้นางเป็นเชิงห้ามปราม
ฮูหยินเฒ่าไป๋ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว นางรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วพูดกับหัวหน้าไป๋ว่า “เจ้าพาคนออกไปก่อน แล้วดูว่ายังมีพวกมือมืดอยู่ในจวนอีกหรือไม่ แล้วจับกุมพวกเขาไปให้หมด” นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งหลิวเจวี๋ยว่า “เจ้าก็ไปด้วยเถิด ตั้งใจจับตาดูความเคลื่อนไหวให้มากขึ้น”
“แต่ว่าท่านย่า…” ไป๋หลิวเจวี๋ยมองชายชุดดำด้วยความสงสัย สงสัยว่าเขากระซิบอะไรข้างหูฮูหยินเฒ่าไป๋ และเหตุใด… ท่านย่าถึงตื่นเต้นมาก ราวกับว่านางถูกกระตุ้น
ฮูหยินเฒ่าไป๋ผลักเขา “ไม่เป็นไรๆ รีบไปเถิด คนผู้นี้… จะปกป้องข้าเอง ไม่ต้องกลัว” นางพูดจบก็จับมือชายชุดดำ
ไป๋หลิวเจวี๋ยเกาหัวและยิ่งสงสัยกว่าเดิม จนกระทั่งฮูหยินเฒ่าไป๋จ้องมองเขา เขาจึงค่อย ๆ เดินออกจากโถงเล่อฝู
ทันทีที่เขาออกจากบ้าน หัวหน้าไป๋ก็ก้าวเข้าไปหาเขาด้วยสีหน้าสำนึกผิด “คุณชายรอง เรื่องวันนี้…”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก ข้าเข้าใจ” ไป๋หลิวเจวี๋ยไม่ใช่คนใจแคบอยู่แล้ว เขาถอนหายใจ แล้วพูดด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “เนี่ยนเนี่ยนคงรู้อยู่แล้วว่าจะมีเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นในวันนี้ การจัดการของนางย่อมต้องมีเหตุผล อีกทั้งกลุ่มคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้คือ…ลุงกับลูกพี่ลูกน้องของข้า นางจึงไม่อาจบอกข้าล่วงหน้าได้”
ถ้าเขาเป็นเนี่ยนเนี่ยน เขาก็เลือกที่จะไม่พูด
แม้แต่ในขณะนี้ เขาก็ไม่ต้องการให้คนตระกูลหลิ่วทำเช่นนั้น หากเขารู้เรื่องก่อนหน้านี้ บางทีเขาอาจจะโง่เขลาจนพยายามเกลี้ยกล่อมพวกลุงของเขา แต่นั่นกลับยิ่งจะทำให้คนตระกูลไป๋ตกอยู่ในอันตราย
พูดตามตรง แม้แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่าแม่ของเขาจะยืนอยู่ข้างจวนซูกั๋วกง และส่งข่าวให้เขาได้ทราบ
หัวหน้าไป๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะมองไป๋หลิวเจวี๋ยด้วยสายตาเทิดทูน เมื่อก่อนเขามักรู้สึกว่าซื่อจื่อนั้นด้อยกว่าคุณชายใหญ่ในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องสถานะในฐานะซื่อจื่อเท่านั้น เพราะใช้เวลาทั้งวันไปกับการกินดื่มข้างนอก โดยไม่ทำงาน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าซื่อจื่อมีคุณลักษณะที่หายาก คือมีจิตใจเมตตา เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เขาก็แสดงท่าทางที่ชัดเจน และยืนหยัดอย่างมั่นคง
หัวหน้าไป๋หัวเราะ แล้วเดินออกจากเรือนไปกับเขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ทันทีที่พวกเขาจากไป โถงเล่อฝูก็สงบขึ้นทันที ฮูหยินเฒ่าไป๋ถึงกับไล่แม่นมอวี๋ออกไปด้วย
นางคว้ามือของชายชุดดำไว้ “หนานหนาน เจ้าคือหนานหนานใช่หรือไม่?”
มีเพียงหนานหนานตอนเด็กเท่านั้นที่จะเรียกนางว่าท่านย่า แม้แต่ไป๋หลิวอี้และไป๋หลิวเจวี๋ยที่เป็นหลานชายแท้ ๆ ของนางเอง ก็มักจะเรียกนางว่าแม่ย่ามาตั้งแต่เด็ก
หนานหนานรู้สึกว่าการเรียกท่านย่าฟังดูใจดีกว่า เขามักจะปากหวานกับคนชราที่เขาชอบมาก
ชายชุดดำดึงผ้าปิดหน้าสีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้ม
เขายกยิ้มอ่อน แล้วพยักหน้าให้ฮูหยินเฒ่าไป๋เบา ๆ “ข้าเองขอรับ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋มองเขาด้วยดวงตาเบิกโพลง แล้วกวาดสายตามองอยู่นาน จากนั้นก็จับมือเขาไว้แน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ให้ย่าดู ให้ย่าดูชัด ๆ สิ ไม่ได้เจอเจ้ามาตั้งหลายปี เจ้าโตขึ้นมากเลยนะ”
ขณะที่พูดก็เริ่มสะอื้นเบา ๆ เย่ฉิงหนานรีบประคองให้นางนั่งลง แล้วถามนางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “แล้วดูหล่อเหลาขึ้นบ้างหรือไม่ขอรับ?”
ฮูหยินเฒ่าไป๋หัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินคำพูดไร้ยางอายของเขา และอดไม่ได้ที่จะตีเขา “เหตุใดเจ้ายังพูดมากอยู่เล่า? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือ? ภรรยาของเจ้าอยู่ที่ใด? เจ้าพามาให้ข้าเจอด้วยหรือไม่?”
“แน่นอนว่าพามาด้วยขอรับ แต่ยังพักอยู่ที่อื่น” เย่ฉิงหนานนั่งบนเก้าอี้ข้างนาง แล้วอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “สถานการณ์ในเมืองหลวงปัจจุบันค่อนข้างตึงเครียด มีเพียงเนี่ยนเนี่ยน เป่ยเป่ยและไป๋หลิวอี้เท่านั้นที่รู้ว่าข้ามาที่อาณาจักรเทียนอวี่ ดังนั้นต้องเก็บไว้เป็นความลับก่อน อย่าบอกใครนะขอรับ เมื่อเรื่องนี้จบลง ข้าจะพานางมาไหว้ขอรับ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ้มเสียจนตาหยี
โดยเฉพาะเมื่อเขากล่าวว่ามีเพียงสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และตอนนี้ก็มีนางเพิ่มเข้ามาอีกคน แม้แต่ฮ่องเต้ ฮองเฮาและไท่จื่อก็ยังไม่รู้เรื่องที่เขามาที่อาณาจักรเทียนอวี่ ความรู้สึกลำพองใจย่อมผุดขึ้นในใจนางทันที
หมายความว่าในใจของหนานหนาน เป็นห่วงนางมากกว่าใช่หรือไม่?
แต่เมื่อพูดถึงสถานการณ์ในเมืองหลวง นางก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก ได้ยินมาว่าตระกูลหลิ่วกับตระกูลเจี่ยงร่วมกันก่อกบฏใช่หรือไม่? นางยังไม่ค่อยทราบรายละเอียด จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
นางรีบจับมือเย่ฉิงหนาน แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าช่วยบอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น? ก่อกบฏหรือ? ตระกูลเจี่ยงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือ? พวกเจ้านี่ก็เหลือเกินจริง ๆ เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ดันปกปิดข้า”
“ไม่กลัวว่าหากท่านได้ฟังแล้วจะตกใจมากหรือขอรับ? ไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกท่านทุกอย่างเองขอรับ” เย่ฉิงหนานปลอบโยนนาง ตอนนี้เหตุการณ์ได้จบลงแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่จะอธิบายให้ฮูหยินเฒ่าไป๋เข้าใจชัดเจนได้
……
ฮูหยินเฒ่าไป๋พยักหน้าด้วยสีหน้าค่อนข้างจริงจัง ฟังเขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เรื่องจุดประสงค์ของเป่ยเป่ยที่มาอาณาจักรเทียนอวี่ เรื่องไป๋หลิวอี้ที่ได้รับความไว้วางใจจากไท่จื่อให้ทำภารกิจตั้งแต่แรก เรื่องความทะเยอทะยานที่ชั่วร้ายของคนตระกูลเจี่ยง เรื่องคับข้องใจของคนตระกูลหลิ่ว เรื่องหายนะที่ตระกูลถงต้องประสบ…
เขาเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฮูหยินเฒ่าไป๋ฟัง ยิ่งฮูหยินเฒ่าไป๋ได้ฟังมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งฟังก็เป็นห่วงเนี่ยนเนี่ยนที่กลับไปหอหลินเยว่ในเวลานี้
ไม่รู้ว่าเนี่ยนเนี่ยนจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ ฝีมือของหลิ่วเชียงนั้นดีกว่าหลิ่วเหวยมาก
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกคันที่ปลายจมูก หลังจากที่นางจามอย่างแรง นางก็ยังคงเดินไปข้างหน้า
นางกับหลิ่วซื่อมาถึงประตูหอหลินเยว่ โม่เพียวกำลังนั่งเล่นกับดอกไม้และต้นไม้อยู่บนเฉลียง เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบวิ่งมาข้างหน้า
“คุณหนู” นางร้องเรียก ก่อนหันหน้าไปหาหลิ่วซื่อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจว่า “ไป๋ฮูหยิน”
ขณะนี้หลิ่วซื่อไม่สนใจว่านางจะหยาบคายหรือไม่ นางถามด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอยู่คนเดียวหรือ? เหวินหย่าอยู่ที่ใด?”
โม่เพียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดเสียงดังฟังชัดว่า “นางออกไปแล้ว เห็นบอกว่าจะออกไปเอายาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
ไปเอายา? ตอนนี้เนี่ยนะ?
รูม่านตาของหลิ่วซื่อหดตัวอย่างแรง แล้วหันไปมองเนี่ยนเนี่ยนทันที
เนี่ยนเนี่ยนกำลังคิดอะไรอยู่? ในเวลานี้มีเพียงนางและโม่เพียวในหอหลินเยว่ แต่อาอวิ๋นและพี่ใหญ่ตามหลังนางมาแล้ว เหวินหย่าจะไม่อยู่ที่นี่ด้วยได้อย่างไร?
ตามที่พี่ใหญ่บอก คนที่มีทักษะมากที่สุดในหอหลินเยว่คือเหวินหย่า หากไม่มีนาง เนี่ยนเนี่ยนจะตกอยู่ในอันตราย…
หัวใจของหลิ่วซื่อเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง นางเริ่มคิดว่าจะถ่วงเวลาเข้าไปในหอหลินเยว่อย่างไรดี
แต่เนี่ยนเนี่ยนไม่เปิดโอกาสให้นางลังเล นางยื่นมือออกมาจูงหลิ่วซื่อเข้าไปในเรือนทันที
อาอวิ๋นหรี่ตาลง แม้ว่านางจะก้มหน้าอยู่ แต่ก็เริ่มกวาดสายตาไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว เพื่อพยายามหาเบาะแสว่าถงเวยหลินอยู่ที่นี่หรือไม่
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นหนานหนานจริงๆ ด้วย มายังไงละเนี่ย
ทางฝั่งเนี่ยนเนี่ยนจะรับมือไหวไหมนะ
ไหหม่า(海馬)