อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 25 เชื้อไม่ทิ้งแถว
ตอนพิเศษ 25 เชื้อไม่ทิ้งแถว
ตอนพิเศษ 25 เชื้อไม่ทิ้งแถว
คำพูดในห้องลอยไปถึงหูของเย่ฉิงหนานชัดเจน แต่เขาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองหรือเร่งเร้า เพียงแค่รออยู่ข้างนอก
เสียงพูดคุยพึมพำดังขึ้นข้างในอีกครั้ง หลังจากนั้นประมาณหนึ่งในสี่ชั่วยาม เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นในห้อง ตามด้วยเสียงเปิดประตู
อวี้ชิงลั่วมองเย่ฉิงหนานตรงหน้านางด้วยนัยน์ตาเป็นประกายสดใส แล้วพูดเสียงเบาว่า “เจ้ารีบบอกมาเร็ว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนโตของสกุลหลาน? พ่อของเจ้าให้เวลาแม่แค่แป๊บเดียว”
เย่ฉิงหนานกลอกตาและถอนหายใจ “พรุ่งนี้เช้าท่านแม่ช่วยส่งคนไปที่จวนหลาน แล้วให้คนเรียกลูกสาวคนรองและคนที่สามของจวนหลานมาหน่อยขอรับ”
อวี้ชิงลั่วอึ้งงันไปชั่วขณะ เขาไม่ได้พูดถึงลูกสาวคนโตของสกุลหลานหรอกหรือ?
ลูกสาวคนรองและคนที่สามของจวนหลาน… อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว นางไม่ได้เอ็นดูสองคนนั้นเสียหน่อย
แต่ครู่ต่อมานางก็เลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไม ลูกสาวคนรองและคนที่สามของจวนหลาน คิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจัดการว่าที่ภรรยาของเจ้าหรือ?”
เย่ฉิงหนานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของแม่ เขาก็รู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะ
ตั้งแต่เด็กจนโต แม่ของเขาเอาแต่ล้อเลียนเขาจนเป็นหน้าที่ นิสัยนี้ของนางไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
“อย่างไรเสีย ท่านก็ช่วยส่งคนไปเชิญในเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อทำให้คนจวนสกุลหลานเข้าใจผิด และทำให้พวกเขาคิดว่าท่านให้ความสำคัญกับหญิงสกุลหลานสองคนนั้นเถิดขอรับ”
อืม จากนั้นก็ต้องประกาศว่าเหตุผลที่ซิวหวางเฟยต้องการพบพวกนาง เป็นเพียงเพราะเสิ่นเหวินเสียนตกลงไปในน้ำ และนางสงสัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกนาง
ทั้งสองกำลังกินอยู่อย่างสุขสบายนักไม่ใช่หรือ? คิดจะจัดการสตรีของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือ? เช่นนั้นก็หาอะไรให้พวกนางทำบ้าง
เนื่องจากพวกนางไม่ได้ทุกข์ทรมานในจวนหลาน ไท่ฮูหยินกับรองเจ้ากรมหลานในจวนหลาน จึงไม่สามารถตำหนิหลานสุ่ยชิงเรื่องนี้ได้
อวี้ชิงลั่วพูดเสียงดัง “หนานหนาน เจ้าช่างร้ายกาจเสียจริง เด็กสาวสกุลหลานสองคนนั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ”
“เชื้อไม่ทิ้งแถวน่ะขอรับ”
“…” เจ้าเด็กบ้า หันมาแว้งกัดว่าพวกเขาร้ายกาจ อย่าแม้แต่จะคิดเลย ตอนนี้กำลังอ้อนวอนให้นางช่วยอยู่ไม่ใช่หรือ? ไม่รู้วิธีชงชาและคุกเข่าขอร้องอย่างสุภาพเรียบร้อยหรืออย่างไร?
“ชิงเอ๋อร์…” ในขณะที่นางกำลังจมอยู่ในความคิด เสียงที่ไม่พอใจอย่างมากของเย่ซิวตู๋ก็ดังมาจากข้างใน
อวี้ชิงลั่วสะดุ้ง ก่อนจะหันหลังกลับทันที
เย่ฉิงหนานถอนหายใจ ท่านแม่ ความโหดร้ายของท่านถูกใช้ไปกับเราสามคนพี่น้องหมดแล้วใช่หรือไม่? ไม่ได้เรื่องเลย
แต่ก็ได้อธิบายเรื่องนี้ไปชัดเจนแล้ว เขามีงานยุ่งมาหลายวัน ตอนนี้ได้เวลาพักผ่อน เขารู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวและเหนื่อยล้ามาก
เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ชิงลั่วสั่งให้หงเย่ไปเชิญหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนมาที่เรือนเป็นการส่วนตัว
ทั้งจวนหลานตกตะลึง ไท่ฮูหยินมองหงเย่ที่ยิ้มแย้มและอ่อนโยนแล้วก็ตื่นเต้นมาก จึงรีบสั่งคนไปยกน้ำชาและของว่างมาให้ พร้อมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ข้าขอถามเหวินฮูหยินได้หรือไม่ เหตุใดหวางเฟยจึงต้องการพบเสี่ยวหยวนและเสี่ยวเถียนหรือ?”
หงเย่จิบชาด้วยท่าทางเป็นมิตรมาก “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ แต่ในตอนที่ข้ารับใช้หวางเฟยเมื่อเช้า จู่ ๆ ข้าก็ได้ยินหวางเฟยบอกว่าเมื่อคืนฝันไป โดยฝันถึงพี่น้องทั้งสองจากจวนหลาน หวางเฟยจึงคิดว่านี่เป็นลางบอกเหตุ เมื่อวานท่านไม่ได้ไปงานเลี้ยง วันนี้จึงต้องการพบสาวน้อยทั้งสองอย่างใกล้ชิด ได้ยินมาว่าสาวน้อยทั้งสองอ่อนโยน น่ารักและงดงามยิ่ง หวางเฟยจึงอยากจะเจอ”
คำพูดของนางคลุมเครือ แต่ไท่ฮูหยินก็รู้สึกโล่งใจมาก
อ่อนโยน น่ารักและงดงามยิ่งงั้นหรือ? นั่นคือเยินยอลูกทั้งสองของนาง แล้วในใจนางจะคิดอย่างไรกับพวกนางได้อีก
ดวงตาของจินซื่อเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นมาก
หงเย่จิบชาอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่าสาวน้อยทั้งสองอยู่ที่ใด ตอนนี้พวกนางว่างหรือไม่? หากว่า…ทั้งสองไม่ว่าง ข้าจะได้ไม่รบกวนอีกต่อไป”
“เหวินฮูหยินกำลังพูดถึงอะไร? ตอนนี้ทั้งสองกำลังเรียนดีดฉิน เล่นหมากรุก คัดลายมือและวาดภาพอยู่ในจวน บางครั้งก็ฝึกฝนงานเย็บปักถักร้อย หวางเฟยต้องการพบพวกนาง นับเป็นเกียรติของพวกนางนัก แล้วจะไม่ว่างได้อย่างไร? ข้าจะให้คนไปเรียกทั้งสองมา”
“เจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินรีบสั่งแม่นมซ่งที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าไปบอกให้สองสาวเตรียมตัวให้พร้อม แล้วตามเหวินฮูหยินไปที่จวน อย่ารอช้า เดี๋ยวหวางเฟยจะรอนาน”
ได้ยินมาว่าซิวหวางเฟยไม่ได้เผยโฉมหน้าต่อหน้าผู้คนในงานเลี้ยงดอกบัวเมื่อวานนี้ แต่วันนี้จู่ ๆ นางก็อยากเจอสองสาวสกุลหลานเพราะความฝันของตัวเอง
นี่ไม่ได้หมายความว่าแม้แต่สวรรค์ก็ยังบอกพวกเขาว่า หลานสุ่ยหยวน หลานสุ่ยเถียน และซิวหวางเฟยมีโชคชะตาร่วมกันหรอกหรือ?
นี่เป็นข่าวดีสำหรับจวนหลานทีเดียว
สวรรค์ทรงโปรด สวรรค์ทรงโปรด ถ้าสุ่ยหยวนและสุ่ยเถียนกลายเป็นคนรัก หรือภรรยาของซื่อจื่อในอนาคต แล้วในอนาคตสกุลหลานจะไม่รุ่งโรจน์เหนือผู้ใดหรือ?
ลูกทั้งสองคนนั้นมีความกตัญญูต่อนาง และสถานะของนางก็จะสูงขึ้นในอนาคต ในบรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย จะมีใครบ้างที่กล้าไม่ให้เกียรตินาง?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ไท่ฮูหยินก็รู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยม ขณะมองออกไปนอกประตูด้วยความหวัง
หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียน ได้วางแผนจัดการกับหลานสุ่ยชิงที่เรือนตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อพวกนางได้ยินข่าวโดยไม่คาดคิด พวกนางก็ตกตะลึง แล้วมองแม่นมซ่งที่มาส่งข่าวด้วยความไม่เชื่อ
แม่นมซ่งกระวนกระวายเล็กน้อย และรีบเร่งพวกนาง “พวกท่านรีบแต่งตัวเถิดเจ้าค่ะ เหวินฮูหยินยังคงรออยู่ที่เรือนของไท่ฮูหยิน อย่าปล่อยให้รอนานเกินไป ประเดี๋ยวหวางเฟยจะไม่พอใจนะเจ้าคะ”
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว แล้วสั่งให้สาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าให้ทันที ไม่นานนัก หญิงสาวร่างผอมเพรียวทั้งสองก็ยืนอยู่ตรงหน้าแม่นมซ่ง
แม่นมซ่งพยักหน้า รู้สึกดีและใจชื้นขึ้น จากนั้นก็พาทั้งสองไปที่เรือนของไท่ฮูหยิน
แต่หลานสุ่ยเถียนก้าวไปได้เพียงสองก้าว ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่วันนี้จวิ้นจู่จิ่นซิ่วจะมาหาหลานสุ่ยชิง พวกเรายังต้อง…”
“โอ๊ย แม่หนูของข้า” แม่นมซ่งขัดจังหวะนางทันที “จวิ้นจู่จิ่นซิ่วจะเทียบกับซิวหวางเฟยได้หรือเจ้าคะ? การที่ท่านสองคนไปพบกับซิวหวางเฟยเป็นการส่วนตัวและสร้างความประทับใจที่ดี นั่นก็เหนือกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว จวิ้นจู่จิ่นซิ่วเป็นเพียงพระธิดาขององค์หญิง แต่ท่านอ๋องซิวเป็นใคร? ซิวหวางเฟยเป็นใคร? ตราบใดที่ซิวหวางเฟยประทับใจท่านทั้งสองและโปรดปรานพวกท่าน ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวจวิ้นจู่จิ่นซิ่วด้วยซ้ำ”
หลานสุ่ยเถียนก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน รวมกับการกระตุ้นของแม่นมซ่ง นางจึงไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป และรีบไปเรือนของไท่ฮูหยินพร้อมกับหลานสุ่ยหยวน
ความจริงหงเย่ค่อนข้างใจร้อนเมื่อต้องรอคอย แต่นางก็ฝึกฝนมาจนเชี่ยวชาญแล้ว แม้ว่าในใจนางจะรู้สึกรังเกียจ แต่นางก็ยังพูดคุยกับไท่ฮูหยินด้วยรอยยิ้ม
ไท่ฮูหยินเห็นหงเย่ทำเช่นนี้ นางก็รู้สึกเอ็นดูคนในตำหนักอ๋องซิวยิ่งขึ้น ไท่ฮูหยินรู้ว่าคนจากกรมราชทัณฑ์ และคนรับใช้ที่ติดตามนางทุกคนล้วนทะนงตัว โดยจะเข้ามาพูดจาหยิ่งผยอง จนนางต้องให้เงินในจำนวนที่เพียงพอ สีหน้าถึงจะดีขึ้นบ้าง
แต่สำหรับตำหนักอ๋องซิวแล้ว คนรับใช้ที่มีความสามารถมากที่สุด และคอยรับใช้ข้างกายซิวหวางเฟยกลับไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งเลย ไม่รับเงินและยังพูดจาสุภาพอ่อนโยน ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนต้องสายลมฤดูวสันต์
ครอบครัวเช่นนี้ หากสุ่ยหยวนและสุ่ยเถียนได้แต่งเข้าครอบครัวนี้จริง ๆ เห็นทีชีวิตคงจะหวานปานน้ำผึ้งเป็นแน่
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ฝันหวานไปเปล่าท่านย่า เขาจ้องจะเชือดนิ่มหลานตัวแสบสองคนของท่านแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
ไหหม่า(海馬)