อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 254 ไม่สุภาพ
ตอนพิเศษ 254 ไม่สุภาพ
ตอนพิเศษ 254 ไม่สุภาพ
ไป๋หลิวอี้ หลิ่วซื่อ หัวหน้าไป๋ ไป๋หลิวเจวี๋ยและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ทุกคนหันไปมอง
ร่างสองสามร่างออกมาจากประตูนั้น คนแรกที่เดินนำเข้ามาและดูเคร่งขรึมมากที่สุดคือซูกั๋วกงไป๋ชูเฟิงผู้มีสายตาเคร่งเครียด เขาก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง
หลิ่วซื่อเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ วันนี้ไป๋ชูเฟิงไม่ได้ออกไปข้างนอกหรือ? ความจริงแล้วเขา… อยู่ในหอหลินเยว่ด้วย
ไป๋ชูเฟิงหันหน้าไปมองนาง เขาอ้าปากเล็กน้อยราวกับว่าลังเลที่จะพูด
แต่สุดท้ายก็หันกลับไป โดยไม่ได้เอ่ยคำใด
เขาเดินนำออกมาคนแรก แล้วคนอื่น ๆ ก็ปรากฏขึ้นตามหลังเขาทีละคน
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของคนสองสามคนนั้น หลิ่วเชียงก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ลู่อวี่ หวงชิวผู่ อู่หยวนโหว เสนาบดีฝั่งซ้าย เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมราชทัณฑ์… และองค์ชายเก้าถังอวี้เทียน
คนเหล่านี้ คนเหล่านี้มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? พวกเขากำลังซ่อนตัวเพื่ออะไร?
เดี๋ยวก่อน…
จู่ ๆ หลิ่วเชียงก็นึกถึงสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับกระดาษ ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่เนี่ยนเนี่ยน
ฝ่ายหลังเลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นหลิ่วเชียงก็โกรธจัด “เป็นเจ้าเอง เจ้าจงใจ จงใจชักนำให้ข้าพูดคำพูดเหล่านั้นออกมา… เจ้า…”
เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะ “ถ้าไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าแตะต้องตัวข้าได้หรือ? ช่างน่าขัน เจ้าบีบคอข้าอึดอัดมาก แต่ข้าก็เต็มใจยอม”
ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองคออันบอบบางของนาง เมื่อเห็นรอยมือสีแดงบนนั้น ไม่ว่าใครก็จินตนาการได้ว่าในเวลานั้นมือของหลิ่วเชียงแข็งแกร่งเพียงใด
เขาหันกลับมาเงียบ ๆ แล้วยกขาขึ้นถีบเขาออกไปอีกครั้งทันที
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและไร้ความปรานี จนทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ
แม้แต่เนี่ยนเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบตา “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ไม่ได้เป็นอะไร” ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มด้วยสีหน้าสงบ “จู่ ๆ ขาข้าก็กระตุก ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก รู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
นางกระแอมเบา ๆ แล้วมองหลิ่วเชียงที่แทบขาดใจตายด้วยความเวทนา
อืม ลูกเตะของไป๋หลิวอี้เมื่อครู่นี้ไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แม้ว่าจะจงใจเตะไม่แรงมาก แต่ก็หนักพอจะทำให้หลิ่วเชียงแทบตาย
ไป๋ชูเฟิงเดินเข้ามาหาเขา หลังจากมองดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นหันไปจ้องมองไป๋หลิวอี้ แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ไม่สุภาพ”
ไป๋หลิวอี้ทำหูทวนลมราวกับว่าไม่ได้ยิน ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกับเนี่ยนเนี่ยน แล้วขมวดคิ้วมองรอยรัดที่คอของนาง
เมื่อลู่อวี่เดินมาหาทั้งสองคน เขาก็เอียงศีรษะมองแล้วหรี่ตาลง จากนั้นรีบเดินไปอยู่ข้างไป๋ชูเฟิง จ้องมองหลิ่วเชียงที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมพูดว่า “ท่านลุง”
ไป๋ชูเฟิงเม้มริมฝีปาก แล้วหันหน้าไปพูดกับถังอวี้เทียน อู่หยวนโหวและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังว่า “ตอนนี้พวกท่านทุกคนคงได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว คงรู้ตัวคนที่ทำลายตระกูลถงแน่นอนแล้วสินะ”
ทั้งลู่อวี่และหวงชิวผู่มีสีหน้าบึ้งตึงยิ่ง พวกเขากำหมัดแน่นและพยักหน้าเบา ๆ
เสนาบดีกรมราชทัณฑ์และเสนาบดีกรมกลาโหมมองหน้ากัน แล้วพูดว่า “พวกเราจะรายงานต่อฝ่าบาท และจับตัวคนตระกูลเจี่ยงมาอยู่ภายใต้การควบคุมโดยเร็วที่สุด”
อู่หยวนโหวพ่นลมหายใจเบา ๆ สีหน้าแสดงความรังเกียจ แต่ยังคงพยักหน้า
แม้ว่าเขาและซูกั๋วกงจะเป็นศัตรูทางการเมืองกัน แต่คราวนี้เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลถงทำให้ทั้งอาณาจักรเทียนอวี่ตื่นตระหนก เขาจึงต้องปล่อยวางอคติของตนเอง แล้วรวมพลังกับซูกั๋วกง
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าตระกูลเจี่ยงจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
ตระกูลเจี่ยงมีความทะเยอทะยานมากเกินไป
ถังอวี้เทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อซูกั๋วกง “เรื่องในวันนี้เป็นเพราะซูกั๋วกง จึงทำให้ทราบว่าตระกูลหลิ่วกับตระกูลเจี่ยงสมรู้ร่วมคิดกันก่ออาชญากรรมชั่วร้าย โทษนี้ไม่อาจอภัยได้ ราชวงศ์จะประกาศให้ทุกคนรู้แน่นอน ส่วน…”
เขามองไปที่หลิ่วซื่อและไป๋หลิวเจวี๋ย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฮูหยินและซื่อจื่อรู้ผิดชอบชั่วดี ข้าจะบอกเสด็จพี่ตามความจริง”
แน่นอนว่าพวกเขาได้ยินคำพูดของหลิ่วซื่อทั้งหมดแล้ว
ไป๋ชูเฟิงพยักหน้า “ฝากองค์ชายเก้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เหลือบมองหัวหน้าไป๋ที่ก้าวเข้าไปยกตัวหลิ่วเชียงขึ้นมานั่ง แล้วมัดเขาไว้ในก่อนพาตัวออกไป
คนอื่น ๆ ก็เดินออกจากหอหลินเยว่ทีละคน หลิ่วซื่อมองพี่ชายที่ถูกพาตัวออกไปพร้อมกับอ้าปากหลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำใด
ไป๋หลิวเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยชวน “ท่านแม่ เรื่องจบลงแล้วขอรับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทั้งหมดเป็นความผิดของท่านลุงเอง เมื่อเขาตัดสินใจทำสิ่งเหล่านี้ เขาควรคิดถึงผลที่ตามมา ในเมื่อท่านลุงยืนยันที่จะไปตามทางของเขาเอง สิ่งที่เราทำได้คือยึดมั่นในจุดยืนของเราขอรับ”
หลิ่วเชียงต้องรับมือกับพ่อ พี่ชายและย่า แม้ว่าเขาจะเป็นลุง แต่เขาก็ไม่สำคัญเท่าพ่อและพี่ชาย จึงกลายเป็นศัตรูของเขา
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก หลิ่วซื่อมองเขาด้วยความประหลาดใจ และอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อมองเห็นแววแน่วแน่ในดวงตาของเขา รู้สึกว่าวันนี้ลูกชายของตนแตกต่างไปจากเดิมมาก
แม้ว่าเขาจะมีทัศนคติที่ดีต่อนางมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเป็นคนอ่อนโยนและอดทนถึงเพียงนี้มาก่อน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ขอบตาของหลิ่วซื่อถึงร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย
“หลิวเจวี๋ย พาแม่ของเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด” ไม่รู้ว่าไป๋ชูเฟิงเดินมาอยู่ข้างทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อใด หลังจากชำเลืองมอง เขาก็ทิ้งประโยคนั้นไว้ และเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสริมว่า “ไปตามหมอมาตรวจแม่ของเจ้าด้วย” น่าจะเป็นเพราะหกล้มอย่างแรง แขนของนางจึงมีรอยถลอก
หลิ่วซื่อตกตะลึง แต่ดวงตาของไป๋หลิวเจวี๋ยเป็นประกาย เขาพยักหน้าและตอบรับอย่างเคร่งขรึมว่า “ขอรับ ท่านพ่อ”
ไป๋ชูเฟิงมองหลิ่วซื่ออีกครั้ง จากนั้นเดินไปคุยกับถังอวี้เทียนและอู่หยวนโหวที่อยู่ข้างหน้า
ไป๋หลิวเจวี๋ยยกยิ้มมุมปาก ขณะเดินประคองหลิ่วซื่อไปข้างหน้า
ส่วนหลิ่วซื่อเองก็คลี่ยิ้มเช่นกัน ความรู้สึกมากมายปะปนอยู่ในใจของนาง จนไม่รู้จะพูดอะไร
หอหลินเยว่ที่โกลาหลในตอนแรกเงียบสงบลงทันที
โม่เพียวคว้าตัวอาอวิ๋นไว้ในมือ ก่อนจะเย้ยหยันและลากนางออกไปด้วยกัน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นผู้ร่วมสมรู้ร่วมคิด แม้แก้มของนางจะบวมแดงไปแล้ว แต่สายตายังคงจ้องเขม็ง อย่างไรนางก็ยังต้องผ่านกระบวนการที่เหมาะสม จึงต้องส่งมอบให้กับกรมราชทัณฑ์เพื่อพิจารณาคดีใช่หรือไม่? บางทีการทรมานเพื่อรีดคำสารภาพอาจทำให้ได้เบาะแสเพิ่มเติม
มุมปากของเหวินหย่ากระตุก พลางลอบส่ายหน้า เมื่อหันไปเห็นเนี่ยนเนี่ยนและไป๋หลิวอี้ยืนอยู่ด้วยกัน มุมปากนางก็กระตุกอีกครั้ง และล้มเลิกความคิดที่จะอยู่ต่อ นางจึงเดินตามโม่เพียวออกไป
เนี่ยนเนี่ยนหันหน้าไปมองห้องที่มีสภาพเละเทะ แล้วลอบถอนหายใจ
นางคิดบ้าอะไรถึงได้วางแผนให้เกิดสนามรบในห้องของตัวเอง? ตอนนี้ไป๋หลิวอี้จึงได้ข้ออ้างพานางกลับไปใช้ชีวิตในสวนจิ่นเฟิงในตอนกลางคืนแล้ว
นางเม้มปากแล้วหันไปมองไป๋หลิวอี้ แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าลู่อวี่และหวงชิวผู่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
เนี่ยนเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วโพล่งออกไป “เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่?”
ลู่อวี่และหวงชิวผู่มองหน้ากัน แล้วพากันเดินมาหานางและไป๋หลิวอี้
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทำคอคนรักเขาเป็นรอยก็สมควรโดนเตะสักป๊าบแล้วแหละ
คนใหญ่คนโตมากันหมดเลย ตระกูลหลิ่วสิ้นแล้วมั้ง
ไหหม่า(海馬)