อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 261 มีคำถามที่ข้าสงสัยมานานแล้ว
ตอนพิเศษ 261 มีคำถามที่ข้าสงสัยมานานแล้ว
ตอนพิเศษ 261 มีคำถามที่ข้าสงสัยมานานแล้ว
โม่เพียวไม่คาดคิดว่านางจะหยุดกะทันหัน จึงชนเข้ากับหลังของนาง
เนี่ยนเนี่ยนถูกกระแทกอย่างแรงจนแทบกระอักเลือด ให้ตายเถอะ เหวินหย่าไม่ได้รับหน้าที่สำคัญอย่างการส่งอาหารเช้าหรอกหรือ? ตอนนี้นางเกลียดโม่เพียวเหลือเกิน
นางหันกลับไปจ้องมองโม่เพียวเขม็ง
โม่เพียวแตะจมูกตัวเอง หัวเราะแห้ง ๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “คือว่า คือว่าซูกั๋วกงมาเช้ามากเจ้าค่ะ”
“หืม?” พูดให้เจาะจงกว่านี้ได้หรือไม่?
“ตอนที่ข้านำอาหารเช้ามาส่ง ข้าก็เห็นเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงด้านหน้าแล้ว เมื่อข้าไปทักทายเขา เขาก็บอกว่าท่านกับคุณชายใหญ่ยังไม่ตื่น อย่าไปรบกวน ทั้งยังบอกด้วยว่าเขามาที่นี่เพื่อดูอาการบาดเจ็บของคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ” โม่เพียวอธิบาย
เนี่ยนเนี่ยนประหลาดใจมาก แสดงว่าซูกั๋วกงมาตั้งแต่เช้ามืดเลยหรือ?
ดูเหมือนว่าเขาจะ… ห่วงใยไป๋หลิวอี้มาก
ในเมื่อเขามาแล้ว ก็ไม่อาจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้
เนี่ยนเนี่ยนส่งกล่องอาหารให้โม่เพียว ก่อนจะรีบอาบน้ำ แล้วไปที่ห้องโถงด้านหน้า
ตามที่คาดไว้ ไป๋ชูเฟิงนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ ดูจากท่าทางแล้วเขาคงเหนื่อยมาก
เมื่อได้ยินเสียง เขาก็เงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วนั่งตัวตรงด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้ามาแล้วหรือ?”
“ท่านลุง…” เนี่ยนเนี่ยนก้าวเข้าไปทักทายเขาด้วยความสงสัย แล้วถามเบา ๆ ว่า “ท่านมาเยี่ยมไป๋หลิวอี้ที่นี่หรือเจ้าคะ? เขายังไม่ตื่นเจ้าค่ะ”
“อืม เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขานอนต่อไป เจ้ามาแล้วก็ไม่เป็นอะไร ข้าแค่มาถามว่าอาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ซูกั๋วกงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่สามารถตรวจจับอารมณ์ใด ๆ ของเขาได้เลย
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าเขาค่อนข้างคล้ายกับท่านอาหกของนาง วิธีการพูดช่างเหมือนท่านอาหก แม่ของนางบอกว่าคนเช่นนี้มักช่างคิด ดังนั้นท่านอาหกจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่องค์ชาย และสถานะของเขาก็เป็นรองแค่ท่านพ่อเท่านั้น
“อาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงแล้ว ตอนนี้เขากำลังพักฟื้นเจ้าค่ะ”
ซูกั๋วกงพยักหน้าเหมือนรู้สึกโล่งใจ สีหน้าของเขาผ่อนคลายลง “อืม เช่นนั้นวันนี้ข้าก็ต้องรบกวนเจ้าด้วย ข้าจะบอกฮูหยินเฒ่าให้ทราบ เพื่อไม่ให้นางกังวล”
“เจ้าค่ะ” เนี่ยนเนี่ยนตอบอย่างนุ่มนวล
ซูกั๋วกงไม่พูดอะไรอีก เขาหันหลังเดินออกจากห้องโถงด้านหน้า แล้วเดินไปจนถึงประตูทางเข้า
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองแผ่นหลังของเขา เม้มปากด้วยความลังเลที่จะพูด
ความจริงนางอยากจะถามซูกั๋วกงจริง ๆ ว่า ในเมื่อเขารักไป๋หลิวอี้มาก แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้หลิ่วซื่อทรมานเขาจนเกือบตายตั้งแต่ยังเด็ก?
ทว่าเนี่ยนเนี่ยนก็รู้สึกว่ามันแปลกเกินไปหากจะถามคำถามนี้กับเขา
นางก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู
แม้ว่านางจะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่นางก็ระงับมันไว้
นางเม้มปาก แล้วกลับไปที่ห้องเดิม
ไป๋หลิวอี้ตื่นแล้ว เขาพิงหัวเตียงโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง เขาก็คลี่ยิ้มทันที “เหตุใดถึงนานนัก?”
เนี่ยนเนี่ยนเดินไปที่ข้างเตียง มองผ้าพันแผลบนร่างกายของเขา เมื่อพบว่าบาดแผลไม่ได้ฉีกขาดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไป๋หลิวอี้จับมือนางอีกครั้ง ออกแรงบีบเบา ๆ แล้วถามนางว่า “เจ้ากับท่านพ่อคุยอะไรกันบ้าง?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพ่อของเจ้ามา?” เนี่ยนเนี่ยนสงสัย
ไป๋หลิวอี้บุ้ยใบ้ไปทางประตู โม่เพียวโผล่ศีรษะออกมาครึ่งหนึ่ง ก่อนจะเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกเองเจ้าค่ะ”
สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนมืดมน รู้สึกหมั่นไส้คนพูดมาก ครั้งต่อไปนางต้องการเพียงเหวินหย่าเท่านั้น ไม่ต้องการนางแล้ว
นางมองค้อนโม่เพียว แล้วพูดเสียงเบาว่า “ไม่มีอะไรหรอก ท่านลุงแค่ถามถึงอาการบาดเจ็บของเจ้า และบอกให้ข้าดูแลเจ้าให้ดี”
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้วขึ้น “อืม ข้าก็เดาว่าคงเป็นเช่นนั้น”
ฮ่าๆ เจ้ารู้อยู่แล้ว ยังจะถามอีกหรือ?
เนี่ยนเนี่ยนลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิด แล้วเดินไปเปิดกล่องอาหารบนโต๊ะ นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอาหารในกล่อง
อาเวินเป็นคนละเอียดรอบคอบ ไม่เพียงแต่เตรียมอาหารอ่อนสองสามอย่าง ที่เหมาะสำหรับผู้บาดเจ็บเช่นไป๋หลิวอี้เท่านั้น แต่ยังเตรียมอาหารที่นางชอบให้อีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋หลิวอี้ไม่จำเป็นมีสาวใช้คอยห่วงใยอยู่ข้าง ๆ
มีองครักษ์ที่สามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิงเช่นอาเวินอยู่เคียงข้าง เขาจะต้องกังวลอะไรอีกเล่า?
เนี่ยนเนี่ยนนำอาหารทั้งหมดออกมา และวางโจ๊กลงตรงหน้าไป๋หลิวอี้
ฝ่ายหลังยังคงนิ่งอยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเนี่ยนเนี่ยน “… ข้าบาดเจ็บอยู่”
เนี่ยนเนี่ยนจำได้ทันทีว่าตอนที่เขาเป็นเจ้านายของนาง เขาขอให้นางป้อนข้าวให้เพราะเหนื่อยล้าระหว่างการสอบไป่กวน มุมปากของนางพลันกระตุก
แต่ไป๋หลิวอี้อดทนมาก หากเนี่ยนเนี่ยนไม่ยอมป้อนเขา เขาก็จะไม่ยอมกินอะไรเลย
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจเบา ๆ
ช่างเถิด…
เพราะเขาบาดเจ็บอยู่ … เขาบาดเจ็บอยู่… เพราะเขาบาด… เจ็บ…
เนี่ยนเนี่ยนพ่นลมหายใจ ก่อนจะคนโจ๊กสองสามครั้ง แล้วป้อนเครื่องเคียงเข้าปากเขา ค่อนข้าง… รุนแรง
แต่ไป๋หลิวอี้ไม่ได้สนใจ เขากินโจ๊กเกือบหมดชาม
เนี่ยนเนี่ยนนั่งอยู่ที่โต๊ะและหยิบตะเกียบขึ้นมา เพื่อจะเติมเต็มท้องตัวเองบ้าง แต่นางกลับเหม่อลอยเล็กน้อย ดูไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใดนัก และนางก็กินช้ามาก
ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเช่นนั้น และต้องการเตือนนางหลายครั้งว่านางเผลอกัดตะเกียบจนเป็นรอยแล้ว และกับข้าวบนโต๊ะก็แทบไม่ถูกแตะต้องเลยด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน เนี่ยนเนี่ยนก็อิ่มทั้งที่ยังกินไปไม่ถึงครึ่ง ก่อนจะวางชามและตะเกียบลง
ไป๋หลิวอี้เม้มปากด้วยความไม่ค่อยพอใจ ก่อนเรียกให้นางมานั่งข้างเตียง แล้วถามนางว่า “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? มีเรื่องอะไรในใจหรือ? ดูกินข้าวไม่อร่อยเลย”
เนี่ยนเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรอยู่ในใจมากนัก นางแค่อยากรู้ว่าทัศนคติของซูกั๋วกงที่มีต่อไป๋หลิวอี้ในตอนนั้นเป็นอย่างไร
หรือว่าเขาสงสัยว่าไป๋หลิวอี้ไม่ใช่ลูกชายของเขา? หรือเป็นเพราะเขายอมรับไป๋หลิวอี้เพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ จึงไม่มีความผูกพัน?
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าไป๋หลิวอี้ช่างน่าสงสาร เขาต้องพยายามหนักมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้ซูกั๋วกงสนใจเขา
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” ไป๋หลิวอี้บีบมือนาง แล้วขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “เหตุใดเจ้าถึงมองข้าเช่นนั้น? เจ้าอยากถามอะไรข้าหรือไม่?”
“… มีคำถามที่อยากถามมานานแล้ว”
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม แล้วยืนข้างนาง “เจ้าถามมาเลย ข้ารู้ทุกอย่าง”
เนี่ยนเนี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามเขาว่า “ข้าได้ยินมาว่า…ในตอนนั้นหลิ่วซื่อไม่ค่อยใจดีกับเจ้านัก และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทรมานเจ้า… ท่านลุงก็น่าจะรู้พฤติกรรมของนางไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่ห้ามนางและช่วยเจ้า?”
รอยยิ้มของไป๋หลิวอี้ค่อย ๆ จางหายไป จนกระทั่งรอยยิ้มอ่อนโยนที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาได้หายไปหมดสิ้น
หัวใจของเนี่ยนเนี่ยนเต้นไม่เป็นจังหวะ รำพึงกับตัวเองในใจว่า… อดีตมันจบลงแล้ว เหตุใดถึงยังพูดถึงมันอีก? นี่ไม่ใช่การสาดเกลือลงบนบาดแผลของคนอื่นหรอกหรือ? เมื่อพิจารณาจากสีหน้าของเขา ก็รู้ได้ว่าเหตุผลนั้นคงไม่ดีนัก
“เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นอะไร ข้าแค่ถาม ถามเฉย ๆ เท่านั้น”
ไป๋หลิวอี้หันมาจับจ้องนาง นัยน์ตาของเขาดูลึกล้ำราวกับสามารถดูดกลืนคนเข้าไปได้
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไปแตะคำถามอันตรายเข้าแล้วสิเนี่ยนเนี่ยน รีบกลับลำเร็วเข้า
ไหหม่า(海馬)