อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 264 แกล้งหลอกเจ้า
ตอนพิเศษ 264 แกล้งหลอกเจ้า
ตอนพิเศษ 264 แกล้งหลอกเจ้า
ไป๋หลิวอี้ลุกขึ้นนั่งทันที บาดแผลบนร่างกายของเขาเริ่มเจ็บเล็กน้อย
เนี่ยนเนี่ยนรีบกดตัวเขากลับ “อย่าขยับ ข้าจะไปดูเอง”
มีเสียง “ปัง” ดังขึ้น ก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนจะลุกขึ้นยืน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน อากาศเย็นยะเยือกผสมกับลมหนาวพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าของนาง
เนี่ยนเนี่ยนลุกขึ้นยืนทันที ขณะเพ่งมองชายคนหนึ่งที่ดูเย็นชาท่ามกลางแสงสะท้อน
ดาบที่ถืออยู่ในมือยังคงเปื้อนเลือดสีแดงสด
นัยน์ตาของเนี่ยนเนี่ยนเบิกกว้างในทันใด เลือดหรือ?
“เจี่ยงโม่เซิงหรือ?” ไป๋หลิวอี้เห็นว่าใครยืนอยู่ที่ประตูเร็วกว่าเนี่ยนเนี่ยน เขาลุกขึ้นนั่งกุมหน้าอกอีกครั้ง แล้วจับมือเล็ก ๆ ของเนี่ยนเนี่ยนไว้แน่น
เนี่ยนเนี่ยนมองไปยังคนที่นอนอยู่บนพื้นริมประตู “เจ้าทำอะไรโม่เพียว?”
เจี่ยงโม่เซิงเดินเข้ามาทีละก้าวด้วยรอยยิ้มมุมปาก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “นางตายแล้ว ไม่ต้องกังวล ข้าจะส่งเจ้าไปหานางในไม่ช้า”
หลังจากที่เขาพูดจบ ฝ่ามือที่จับด้ามดาบก็หันกลับมาทันที ปลายดาบพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเนี่ยนเนี่ยน
สีหน้าของไป๋หลิวอี้เปลี่ยนไปมาก เขาทำท่าจะลุกจากเตียงโดยไม่รู้ตัว เพื่อรับกระบวนท่าสังหาร
ทว่าการเคลื่อนไหวของเนี่ยนเนี่ยนก็ว่องไวเช่นกัน นางผลักเขากลับไปบนเตียง แล้วใช้ปลายเท้าถีบเจี่ยงโม่เซิงออกไป
ปลายดาบอยู่ห่างจากแก้มของนางราวครึ่งนิ้ว แต่มันไม่หยุดนิ่งเลย และแทงตรงไปที่ไป๋หลิวอี้บนเตียง
รอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากของเขากว้างขึ้นเล็กน้อย “ไป๋หลิวอี้ เจ้าตั้งใจฆ่าพี่น้องและลุงของข้าในตระกูลเจี่ยง แม้กระทั่งฆ่าพ่อของข้าด้วยมือของเจ้าเอง วันนี้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
เมื่อพูดจบ ดาบในมือของเขาก็อยู่ห่างจากไป๋หลิวอี้ไม่เกินหนึ่งนิ้ว
แต่มันสายเกินกว่าจะก้าวไปข้างหน้าได้ เนี่ยนเนี่ยนที่มาจากด้านหลังกระชากผมของเขา จนถอยหลังไปสองสามก้าวทันที
เจี่ยงโม่เซิงหรี่ตาลง ก่อนรีบผละออกจากมือของนาง แล้วเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้หากไม่ฆ่าเจ้าก่อน รูปร่างหน้าตาที่งดงามของเจ้าช่างน่าเสียดาย”
เนี่ยนเนี่ยนเย้ยหยัน “ขอบคุณสำหรับคำชมของเจ้า มันขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะฆ่าข้าได้หรือไม่”
นางจิกผมเขาอีกครั้ง บังคับให้เจี่ยงโม่เซิงถอยไปที่ประตู
เนี่ยนเนี่ยนเป็นห่วงโม่เพียวที่ล้มลงบนพื้น เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากใต้ร่างของนางจนชุ่มพื้น ดูน่าตกใจมาก
ต้องรีบลงมือแล้ว!!
การเคลื่อนไหวของนางรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เจี่ยงโม่เซิงเป็นนายน้อยของตระกูลจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่ธรรมดา นางจะเอาชนะได้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร?
แม้ว่าเขาจะเคยต่อสู้กับเนี่ยนเนี่ยนครั้งล่าสุด แต่ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่ได้พยายามอย่างดีที่สุดในเวลานั้น
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากหลบคมดาบที่เขาฟาดฟัน แล้วถอยหลังไปสองก้าว
นางเห็นจากหางตาว่าไป๋หลิวอี้ลุกจากเตียงแล้ว เขาพิงเสาเตียงหรี่ตามองทั้งสองต่อสู้กัน ขณะขมวดคิ้วแน่น
“จวิ้นจู่!” ทันใดนั้นเสียงร้องเรียกก็ดังมาจากนอกเรือน ตามด้วยอาเวินที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกคลายกังวล เมื่อเห็นว่าเขาถือดาบในมือและกำลังจะมาช่วย จึงรีบพูดว่า “อาเวิน ไปดูโม่เพียว”
อาเวินผงะ ก่อนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าโม่เพียวนอนอยู่บนพื้น เมื่อเห็นแอ่งเลือดใต้ร่างของนาง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก เขารีบวิ่งไปอยู่ข้างนาง แล้วพลิกตัวนางขึ้น
แน่นอนว่านางถูกแทงด้วยดาบ บาดแผลดูค่อนข้างลึก
อาเวินรีบเรียกนางสองครั้ง “โม่เพียว โม่เพียว”
โม่เพียวไม่ตอบสนองใด ๆ อาเวินสูดลมหายใจ นางยังคงหายใจอยู่แต่ค่อนข้างแผ่วเบา
เขาเข้าไปลูบใบหน้าของนางอีกครั้ง โม่เพียวพึมพำ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ดวงตาของอาเวินเป็นประกาย เขารีบตะโกนไปทางเนี่ยนเนี่ยน“นางยังปลอดภัย”
โม่เพียวกะพริบตาและขมวดคิ้วเมื่อเห็นอาเวิน ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นรีบปิดแผลและหันไปมองเนี่ยนเนี่ยน
ด้วยความที่กลัวว่าเนี่ยนเนี่ยนจะกังวล จึงพูดเสียงเบาว่า “ข้าสบายดี ข้าหลีกเลี่ยงส่วนสำคัญอย่างชาญฉลาด ในช่วงเวลาวิกฤตของความเป็นความตาย แต่มันก็เจ็บนิดหน่อย”
เมื่อเห็นว่านางยังอยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นได้ เนี่ยนเนี่ยนก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ไปชั่วขณะ
แต่ในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจ และเริ่มตั้งสติต่อสู้กับเจี่ยงโม่เซิง
จากนั้นอาเวินก็อุ้มโม่เพียวเข้าไปในห้อง ไป๋หลิวอี้ไม่ได้มองพวกเขา สายตาของเขาจับจ้องที่เนี่ยนเนี่ยนและเจี่ยงโม่เซิงอย่างไม่วางตา
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว เขาสั่งอาเวินโดยไม่หันกลับมามอง “โยนดาบไปทางเนี่ยนเนี่ยน”
“ขอรับ” อาเวินวางโม่เพียวไว้ที่เก้าอี้ยาวด้านข้าง แล้วเห็นนางหยิบยาห้ามเลือดออกมาใส่แผลเอง จากนั้นก็หมดสติไปอีกครั้ง
แม้ว่าจะกังวลเล็กน้อย แต่เจี่ยงโม่เซิงก็ต้องได้รับการจัดการก่อน
เขายืนขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนหันกลับมา และกำลังมาทางเขา เขาก็รีบขว้างดาบของเขาไปทางนาง
“จวิ้นจู่รับด้วย”
ทันทีที่เนี่ยนเนี่ยนยื่นมือออกไป นางก็ชักดาบออกมาตามส่วนโค้งที่อาเวินขว้าง แล้วเตะฝักดาบไปที่เจี่ยงโม่เซิง
เจี่ยงโม่เซิงหันหลังกลับทันทีเพื่อหลบเลี่ยง ในวินาทีต่อมา ปลายดาบของเนี่ยนเนี่ยนก็อยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม เขารีบงอตัวถอยหลังไปสองก้าวด้วยความอับอาย
สีหน้าตกตะลึงของเจี่ยงโม่เซิงยังไม่จางหายไปตั้งแต่เริ่มต้น
ทักษะของเนี่ยนเนี่ยนไม่ธรรมดาเหมือนครั้งก่อน เมื่อมีดาบอยู่ในมือ การเคลื่อนไหวของนางก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เขาก้าวถอยหลังหลายสิบก้าว แล้วถามว่า “เจ้ากินยาอะไร ที่สามารถปรับปรุงกำลังภายในได้?”
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าเขาถามคำถามงี่เง่า “ขอโทษนะ ฝีมือข้าดีกว่าเจ้ามาโดยตลอด ครั้งที่แล้วข้าก็แค่แกล้งหลอกเจ้า”
ใบหน้าของเจี่ยงโม่เซิงแดงก่ำ สายตาที่จ้องมองเนี่ยนเนี่ยนยิ่งดุร้ายมากขึ้น
แกล้งหลอกเขางั้นหรือ?
นิ้วของเขาจับด้ามดาบแน่นในทันใด ก่อนจะกระโจนไปข้างหน้า ราวกับว่าเขายอมใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำลายเนี่ยนเนี่ยน
“แล้วมาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
เนี่ยนเนี่ยนเย้ยหยัน ดาบในมือตวัดพลิ้วไหวนับครั้งไม่ถ้วน ปัดป่ายคมดาบอันดุร้ายของเจี่ยงโม่เซิงออกไป จากนั้นกระโจนไปทางซ้าย ทันทีที่นางก้าวไป ลมกระโชกแรงก็หมุนรอบตัวเขา
เจี่ยงโม่เซิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นพลังที่อยู่ข้างหลังเขา แต่คมดาบตอนนี้รุนแรงมาก จนเขาไม่อาจโต้กลับได้
เนี่ยนเนี่ยนแสยะยิ้ม ดาบในมือนางแทงทะลุด้านหลังของเขาโดยไม่ลังเล
เจี่ยงโม่เซิงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว ราวกับว่าโลกทั้งใบหยุดหมุน
เขาไม่รู้เลยว่าชะตากรรมสุดท้ายของเขา คือการตายด้วยน้ำมือของหญิงที่เขาเคยดูถูก
เจี่ยงโม่เซิงรู้สึกถึงความคิดหลากหลายในหัว เขาหันกลับไปมองเนี่ยนเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้วอ้าปาก เลือดสีแดงสดไหลออกมาเต็มปาก
สักพักเขาก็ถามด้วยเสียงแหบพร่าว่า “เหตุใด… ตอนที่อยู่ที่โรงเตี๊ยม… ถึงยอมเจ็บตัว… ดีกว่าเปิดเผยความแข็งแกร่ง…”
เนี่ยนเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้น “เพราะพฤติกรรมของเจ้าตอนนั้น… น่าสงสัยเกินไป”
เจี่ยงโม่เซิงกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง กระนั้นก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนั้น
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เนี่ยนเนี่ยนเก่งมาก จัดการตัวการใหญ่ได้แล้ว
ไหหม่า(海馬)