อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 279 ยังมีเรื่องต้องทำ
ตอนพิเศษ 279 ยังมีเรื่องต้องทำ
ตอนพิเศษ 279 ยังมีเรื่องต้องทำ
หงเย่มองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ ยังมีเรื่องอะไรให้ทำอีกหรือ? นอกจากการมาอาณาจักรเทียนอวี่เพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งงานของเนี่ยนเนี่ยนแล้ว องค์หญิงคิดจะทำอะไรอีก?
หงเย่งุนงง แต่อวี้ชิงลั่วได้ก้าวเข้าไปแล้ว
วังหลวงได้จัดเตรียมตำหนักให้สองสามีภรรยาพักอยู่แล้ว ฮ่องเต้และฮองเฮาเฝ้ารอการมาถึงของอวี้ชิงลั่วมาตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขาย่อมยังไม่ยอมให้นางไปตำหนักนั้น
โชคดีที่ครั้งนี้สองสามีภรรยามาที่นี่ด้วยรถม้าคันเล็กและเรียบง่าย จึงเป็นการมาเยือนแบบส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ ความเรียบง่ายเป็นสิ่งที่ดี และเมื่อรวมกับนิสัยของทั้งสองแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องพิธีรีตองมากนัก
เมื่อได้พบกับฮ่องเต้และฮองเฮาในห้องโถงใหญ่ อวี้ชิงลั่วก็ถูกฮองเฮาลากไปยังวังหลัง เพื่อพูดคุยถึงเรื่องในอดีต
เย่ซิวตู๋อยู่ต่อ แต่ถูกฮ่องเต้ถามไถ่มากมาย ทั้งยังมีการลอบเฉือนคมกันหลายครั้ง
เป่ยเป่ยพาเหมยเขียวน้อยของเขาไปซื้อของที่ตลาดตั้งนานแล้ว ส่วนเย่ฉิงหนานก็พาหลานสุ่ยชิงไปเที่ยวชมเมืองด้วยเช่นกัน
ทว่าเนี่ยนเนี่ยนที่นั่งว่างมาสักพักแล้วกลับยิ่ง… หงุดหงิดกว่าเดิม
เนี่ยนเนี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวนหลวง เอนกายพิงที่ว่างแขนอย่างไร้จุดหมาย พลางจ้องมองสาวใช้ที่กำลังวุ่นวายอยู่ไม่ไกล แล้วลอบถอนหายใจ
จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากข้างหลัง นางจึงชะงักไปชั่วครู่
ก่อนที่จะทันได้หันหลังกลับไป ก็มีใครบางคนสวมกอดนางจากด้านหลัง
“ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว สีหน้าของเจ้าไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้น?” ไป๋หลิวอี้ก็แอบออกมาเช่นกัน ถังมู่เทียน เย่ซิวตู๋และฮ่องเต้กำลังพูดคุยเรื่องเหตุการณ์ล่าสุดด้วยความกระตือรือร้น แต่เป็นเขาเอาแต่คิดถึงเนี่ยนเนี่ยนอยู่ในใจ ไม่อาจหยุดได้เลย
เนี่ยนเนี่ยนชำเลืองมองสาวใช้ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะรีบลุกออกจากอ้อมแขนของเขา ขยับไปด้านข้าง เพื่อแบ่งที่นั่งครึ่งหนึ่งให้เขานั่งลง “เจ้าปลีกตัวออกมาได้อย่างไร?”
“เจ้าอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า?” ไป๋หลิวอี้ถาม
เนี่ยนเนี่ยนส่ายหน้า เมื่อลองคิดดูอีกครั้งก็พยักหน้า จากนั้นขมวดคิ้วและถอนหายใจ
ไป๋หลิวอี้อดหัวเราะไม่ได้ เขาจับมือเล็ก ๆ ของนาง แล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา “เกิดอะไรขึ้น? บอกข้าที บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าคิดได้?”
“ข้า คือว่า… นั่น…” เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว เอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่นาน แต่ไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดอย่างไร
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ก้มหน้าลงกระซิบว่า “พ่อแม่ของข้ามาแล้ว…”
“หืม?”
“ท่านแม่บอกว่าพวกเขาจะไม่อยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่นาน”
“ใช่” เย่ซิวตู๋เป็นอุปราชแห่งอาณาจักรเฟิงชางเพียงผู้เดียว แม้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้องค์น้อยจะสามารถตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ตามลำพังได้แล้ว แต่ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างในเมืองหลวง ที่เป็นความรับผิดชอบของเขา
เนี่ยนเนี่ยนขยี้ผมตัวเองด้วยความทุกข์ใจ เสียงของนางก็แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ “ข้าต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของข้า”
ฝ่ามือใหญ่จับมือเล็กของนางแน่นขึ้นในทันใด เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองไป๋หลิวอี้ด้วยความประหลาดใจ
ฝ่ายหลังหัวเราะ แรงบีบที่มือลดลงมาก “ทนทิ้งข้าไปไม่ได้หรือ?”
“…” คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องไร้ยางอายอีกเป็นแน่ เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก พยายามดึงมือออกจากฝ่ามือของเขา
คาดไม่ถึงว่าเมื่อนางขยับ ไป๋หลิวอี้ก็ยิ่งจับมือนางแน่นขึ้น
“เจ้า…” เนี่ยนเนี่ยนหันไปทำหน้าดุ
แต่กลับเห็นเขาจ้องมองไปยังสวนดอกไม้งามที่อยู่ไม่ไกล แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “รอข้าก่อน พวกเราจะได้พบกันในไม่ช้า”
“…” เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าลงอีกครั้ง เม้มปากอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตอบเสียงเบา “อื้ม”
ทั้งคู่เงียบลง อีกไม่นานพวกเขาจะต้องแยกจากกัน จึงรู้สึกใจหายทั้งสองฝ่าย
ทั้งสองได้เปิดใจให้กันอย่างตรงไปตรงมาได้ไม่นาน ความรู้สึกผูกพันนั้นเหนียวแน่นจนไม่อยากแยกจากกัน
แต่ถึงตอนนี้ งานแต่งงานก็ยังคงเป็นสิ่งที่ขาดหายไป แม้ว่าพวกเขาจะจับมือกัน พวกเขาก็ยังกังวลว่าจะถูกสาวใช้ที่อยู่ระยะไกลเห็นเข้า
นัยน์ตาของไป๋หลิวอี้กลายเป็นสีแดง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้กับเนี่ยนเนี่ยนโดยไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ
ความมืดค่อย ๆ ปกคลุมไปทั่วท้องนภา
เมื่อเหวินหย่ามาถึง ไป๋หลิวอี้ก็จากไปแล้ว นางมองไปยังเนี่ยนเนี่ยนที่กำลังนั่งเงียบ แล้วพูดว่า “งานเลี้ยงอาหารค่ำกำลังจะเริ่มแล้ว เนี่ยนเนี่ยน ไปที่ห้องโถงใหญ่กันเถอะ”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก ก่อนจะยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจ แล้วเดินตามเหวินหย่าไปที่ห้องโถงใหญ่
วันนี้เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว นอกจากครอบครัวของเย่ซิวตู๋แล้ว ยังมีสมาชิกราชวงศ์คนอื่น ๆ อยู่ในห้องโถงด้วย ส่วนครอบครัวของเหล่าขุนนางจะไม่มารวมตัวกัน จนกว่าจะมีงานเลี้ยงราชสำนักในวันพรุ่งนี้ จำนวนคนจึงไม่มากนัก
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเข้ามา สิ่งแรกที่นางเห็นคือไป๋หลิวอี้ที่นั่งอยู่ข้างนาง
แววตาคู่นั้นอ่อนโยนจนแทบหวานหยาดเยิ้ม
เนี่ยนเนี่ยนกระแอมเบา ๆ แล้วนั่งก้มหน้าอยู่บนที่นั่งของนางทันที
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่นั่งลง เสียงพ่นลมหายใจเบา ๆ ก็ดังขึ้น
นางชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็พบกับนัยน์ตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว “ขอโทษนะ เจ้าคือ…”
“เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ?” สีหน้าขององค์หญิงสิบสามมืดมนขึ้นกว่าเดิม นางมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยสีหน้าสับสน ก่อนหน้านี้พวกนางเคยมีความคับข้องใจกันมาก่อน เพราะพวกนางเป็นศัตรูหัวใจของกันและกัน แต่นางกลับลืมไปเสียสนิทจริงหรือ?
สายตางุนงงของเนี่ยนเนี่ยนมองไปยังเหวินหย่าที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง ราวกับว่ากำลังถาม
เหวินหย่าฝืนยิ้ม เนี่ยนเนี่ยนเป็นเช่นนี้อีกแล้ว นางจำผู้คนหรือสิ่งที่นางไม่สนใจไม่ได้เลย
เหวินหย่าคิดแล้วก็ย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วโน้มตัวไปแนบหูนางเพื่อบอกว่า “นี่คือองค์หญิงสิบสาม ที่ต้องการจะสั่งประหารชีวิตเจ้าเมื่อไม่นานนี้ ผลที่ตามมาคือตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยเสียก่อน”
เมื่อพูดเช่นนั้น เนี่ยนเนี่ยนก็ตระหนักได้ทันที
“องค์หญิงที่ขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังเสียข้าวสารอีกกำมือเองหรือ?” เสียงของนางไม่ดังมาก แต่บังเอิญไปได้ยินถึงหูองค์หญิงสิบสาม
ทันใดนั้นนางก็เบิกตากว้าง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็จ้องมองเนี่ยนเนี่ยน ด้วยสายตาดุดันและเย้ยหยัน “เจ้าอย่าได้ชะล่าใจ แม่ของเจ้าคือองค์หญิงเทียนฝูใช่หรือไม่? เมื่อเจ้าเจอข้าในอนาคต เจ้าจะไม่ทักทายข้าอีกแล้วหรือ?”
แม้ว่านางจะเสียใจมากและไม่เต็มใจให้นางแต่งงานกับไป๋หลิวอี้ แต่เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่น
ในเมื่อเรื่องนี้นางสู้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็ต้องขยี้นางให้หนัก
ตัวอย่างเช่น……
แม้นางจะเป็นจวิ้นจู่แห่งอาณาจักรเฟิงชาง แต่ถ้านางแต่งงานกับเสนาบดีฝั่งขวา นางก็จะเป็นเพียงฮูหยินเสนาบดีฝั่งขวาเท่านั้น แม้จะเป็นคนตระกูลไป๋ แต่ก็ควรมีมารยาทที่ดีต่อหน้านาง
ในเวลานั้น หากต้องการให้นางลำบาก มันก็จะเป็นเรื่องง่ายในท้ายที่สุด
เนี่ยนเนี่ยนคิดว่าความคิดขององค์หญิงยังคงไร้เดียงสา…
นางส่ายหน้าและไม่ยุ่งกับนางอีกต่อไป
แต่การที่นางไม่ใส่ใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเมินได้
อวี้ชิงลั่วที่นั่งอยู่ตรงข้ามนาง จ้องมององค์หญิงสิบสามมาตั้งแต่แรก เมื่อเห็นสายตาดูถูกเหยียดหยามขององค์หญิงสิบสาม นางก็หัวเราะออกมา
หงเย่ที่ยืนอยู่ข้างนางมองตามสายตาของนางไป แล้วอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
ที่องค์หญิงบอกว่ายังมีเรื่องต้องทำก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายถึงเรื่ององค์หญิงสิบสามใช่หรือไม่? นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้เหวินหย่าเล่าเรื่องเนี่ยนเนี่ยนให้องค์หญิงฟัง แล้วได้พูดถึงสิ่งที่องค์หญิงสิบสามทำลงไป
ก่อนที่หงเย่จะมีเวลาคิดได้คิดต่อ อวี้ชิงลั่วก็ลุกขึ้นยืนแล้ว จากนั้นเดินไปด้านข้างของเนี่ยนเนี่ยน ท่ามกลางสายตาของทุกคน แล้วยื่นมือออกไปโอบไหล่ขององค์หญิงสิบสาม
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะมีคนโดนจัดการต่อหน้าคนทั้งตระกูลหรือเปล่านะ เล่นไปทำร้ายลูกสาวเขาแบบนี้
ไหหม่า(海馬)