อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 280 ไร้ยางอายเช่นเคย
ตอนพิเศษ 280 ไร้ยางอายเช่นเคย
ตอนพิเศษ 280 ไร้ยางอายเช่นเคย
ทุกคนในห้องโถงมองดูการกระทำของนางด้วยความประหลาดใจ และกะพริบตาด้วยความสงสัย
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น นางจ้องมององค์หญิงสิบสามที่ใบหน้าเริ่มแข็งทื่อด้วยรอยยิ้ม แล้วถามด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “เจ้าคือองค์หญิงสิบสามใช่หรือไม่? ช่างงดงามยิ่งนัก”
“ข้า เจ้า เจ้า…” องค์หญิงสิบสามพูดตะกุกตะกัก ไม่รู้จะเอ่ยคำใด นางไม่ชินกับการถูกคนอื่นเข้าใกล้ถึงเพียงนี้ และไม่ชินกับการถูกสตรีด้วยกันโอบกอด
โดยเฉพาะยามที่มองอวี้ชิงลั่ว นางก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
“จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน ตามหลักแล้ว เจ้าควรจะเรียกข้าว่า… อืม เสด็จพี่”
เสด็จพี่หรือ? ใจขององค์หญิงสิบสามสั่นสะท้าน สตรีผู้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่มีฐานะสูงส่งผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่? ตนไม่อาจต่อกรกับนางได้เลย
“เสด็จ เสด็จพี่” แม้ว่านางจะประหม่ามาก แต่องค์หญิงสิบสามก็รวบรวมความกล้าพูดออกมาช้า ๆ
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “อืม น่ารักมาก ถูกต้องแล้ว ปีนี้เจ้าอายุถึงเกณฑ์ที่จะออกเรือนแล้วใช่หรือไม่? ตอนนี้เจ้าเป็นองค์หญิงองค์เดียวในวังที่ยังไม่ได้อภิเษกสมรส ในฐานะเสด็จพี่ ข้าเป็นห่วงเสียจริง ทำอย่างไรดี ให้ข้าเป็นแม่สื่อให้เจ้าได้นัดดูตัวดีหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนที่เพิ่งกินองุ่นเข้าไปได้ยินคำพูดนั้นพลันหันหน้าไปมองแม่ผู้ชั่วร้ายที่กำลังแสยะยิ้ม จากนั้นก็ถึงกับสำลัก
องค์หญิงสิบสามมองนางด้วยความสยดสยอง เป็นแม่สื่อหรือ? นัดดูตัวหรือ?
นางไม่คิดว่าองค์หญิงเทียนฝูจะหาคนจากครอบครัวที่ดีมาให้นางดูตัวด้วยจริง ๆ เนี่ยนเนี่ยนผู้เป็นลูกสาว “ทนทุกข์” ด้วยมือของนางเอง ในฐานะแม่แล้วจะเมตตาหาบุรุษที่คู่ควรกับรูปร่างหน้าตาของนางมาให้ได้อย่างไร? เกรงว่าจะเป็นการผลักนางเข้าไปในกองไฟเสียมากกว่า
ยิ่งกว่านั้นมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าองค์หญิงเทียนฝูเป็นสตรีอำมหิต ทั้งยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมจากการอยู่ในวังหลวงมาหลายปี ไม่เช่นนั้นนางจะอยู่เคียงข้างท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชางโดยยังคงเป็นที่โปรดปรานมาตลอดหลายปีได้อย่างไร อีกทั้งท่านอ๋องซิวยังไม่มีสนมเคียงข้างด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ?
สำหรับสตรีเช่นนี้ หากพูดเช่นนี้ออกมาแล้ว เห็นทีคงจะลงโทษถึงตายแน่นอน
องค์หญิงสิบสามนึกได้ดังนั้น เหงื่อเย็นก็พลันไหลออกมา นางรีบหันหน้าไปยกยิ้มแข็งทื่อ แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ ไม่จำเป็นหรอกเพคะเสด็จพี่ การแต่งงานของข้าถูกกำหนดโดยเสด็จพ่อและฮองเฮา อีกอย่างคือข้ายังเด็ก ข้ายังอยากกตัญญูต่อเสด็จพ่อและเสด็จแม่อีกสักสองสามปี ไม่ต้องรีบร้อนแต่อย่างใดเพคะ”
“เหตุใดเจ้าถึงไม่รีบร้อน?” ฮองเฮาที่ประทับอยู่บนบัลลังก์สูงหยิบถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสง่างาม แล้วตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นความจริงที่ว่าสิบสามอายุถึงกำหนดแล้ว แล้วการแต่งงานของเจ้าเล่า? ข้าคิดอยู่ในใจมาโดยตลอด แต่ข้าก็ยังไม่พบคนที่เหมาะสมสักที ชิงลั่ว ในเมื่อเจ้ามีคนที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้ว เจ้าลองพูดมาก็ไม่เสียหาย หากเหมาะสมจริงก็คงจะดี”
องค์หญิงสิบสามหน้าซีดเผือด ฮองเฮาไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของนาง ย่อมไม่ยืนอยู่ฝ่ายนางเป็นแน่ นางทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้
ฮ่องเต้ลอบถอนพระทัย แล้วขยิบพระเนตรให้อวี้ชิงลั่ว เป็นสัญญาณบ่งบอกนางว่าอย่าก่อเรื่องมากเกินไป เพราะอย่างไรเสียสิบสามก็เป็นธิดาของเขา ซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ เรื่องการแต่งงานจึงไม่อาจจัดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นไม่เห็น นางยกยิ้มและกอดองค์หญิงสิบสามแน่นขึ้น “เจ้าดูสิ แม้แต่เสด็จแม่ก็ยังพูดเช่นนั้น เราควรคลายความกังวลของเสด็จแม่ให้เร็วที่สุด เพื่อที่นางจะได้ไม่ครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดเวลา ส่วนเรื่องกตัญญูนั้นไม่เป็นอะไรหรอก อีกไม่นานเนี่ยนเนี่ยนก็จะแต่งงานกับไป๋หลิวอี้ นางย่อมเข้าวังมาทำหน้าที่ลูกกตัญญูให้ได้”
เนี่ยนเนี่ยนกลอกตา นางทำอะไรลงไปอีกแล้ว?
หัวใจขององค์หญิงสิบสามสั่นสะท้าน ทันใดนั้นนางก็เข้าใจ นี่ นี่… เห็นได้ชัดว่าอวี้ชิงลั่วกำลังล้างแค้นให้เนี่ยนเนี่ยน และกำลังช่วยขจัดเสี้ยนหนามให้ลูกอยู่
ซึ่งตัวนางเองคือเสี้ยนหนามที่ทำให้อวี้ชิงลั่วไม่พอใจ และต้องการกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากขององค์หญิงสิบสามสั่นระริก นางรีบพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า “เสด็จพี่ ข้าสามารถแสดงความกตัญญูร่วมกับเนี่ยนเนี่ยนได้ เนี่ยนเนี่ยนจะแต่งงานอยู่ที่อาณาจักรเทียนอวี่ในอนาคต ดังนั้นเมื่อนางอยู่ต่างแดนเช่นนี้ ก็จะไม่มีคนคุ้นเคยอยู่รอบกายนาง แต่ข้ารู้จักนางดีและสามารถดูแลนางได้เพคะ”
อวี้ชิงลั่วอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น “เจ้าถือว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นสหายหรือ?”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ”
“เฮ้อ” อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ “แต่เนี่ยนเนี่ยนเป็นเพียงจวิ้นจู่ หลังจากที่นางแต่งงานแล้ว นางก็จะเป็นฮูหยินแห่งจวนเสนาบดีฝั่งขวา ทว่าเจ้าเป็นองค์หญิง เนี่ยนเนี่ยนไม่อาจเอื้อมเป็นสหายกับผู้สูงส่งเช่นเจ้าได้หรอก”
“อะแฮ่ม…” ฮ่องเต้กระแอมเบา ๆ สิ่งที่นางพูดเมื่อครู่นี้คือจุดประสงค์หลักของนางใช่หรือไม่?
ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์แล้วตรัสด้วยรอยยิ้มว่า “เนี่ยนเนี่ยนเป็นหลานสาวของข้า นางมีสถานะสูงส่งเช่นนี้ จะว่านางอาจเอื้อมได้อย่างไร? เอาล่ะ ชิงลั่ว เจ้าไม่ต้องกังวล เมื่อเนี่ยนเนี่ยนแต่งงานอยู่ที่อาณาจักรเทียนอวี่ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางถูกรังแกแน่นอน”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแล้วยกมือออกจากตัวองค์หญิงสิบสาม ก่อนจะเดินไปนั่งตัวตรง พลางมองฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้ม “แม้พระองค์จะกล่าวเช่นนั้น แต่นั่นก็เป็นเพียงลมปาก หากคนอื่นไม่คิดกับเนี่ยนเนี่ยนจริงจังเช่นนี้เล่าเพคะ? หากมีคนคิดว่าสถานะของเนี่ยนเนี่ยนไม่สูงพอและรังแกนางเล่าเพคะ? เพราะอย่างไรเสียที่นี่ก็คืออาณาจักรเทียนอวี่ มีคนสถานะสูงกว่านางเยอะแยะถมเถเกินไป”
องค์ชายและองค์หญิงคนอื่น ๆ ที่สถานะสูงกว่าเนี่ยนเนี่ยนต่างก้มหน้าลงเงียบ ๆ ไม่คิดกล้ารังแกลูกสาวสุดที่รักของอุปราชแห่งอาณาจักรเฟิงชาง
ไม่ต้องพูดถึงสายตาอันร้อนแรงของเย่ซิวตู๋ที่กวาดไปรอบ ๆ ลำพังรอยยิ้มขององค์หญิงเทียนฝูก็ดูดั่งซ่อนเร้นใบมีดคมกริบเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มนั้น เพียงแค่ได้เห็น หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้าน
ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้ ฮองเฮา และไท่จื่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น ก็โปรดปรานนางด้วยเช่นกัน
อีกทั้งยังมีเสนาบดีฝั่งขวาไป๋หลิวอี้ที่ปฏิบัติต่อนางราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า เด็กหนุ่มไป๋หลิวอี้คนนี้… จิตใจยากแท้หยั่งถึง บางทีหากพวกเขาไปทำให้ขุ่นเคือง พวกเขาอาจเป็นฝ่ายต้องเดือดร้อนเสียเอง
อวี้ชิงลั่วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าเหล่าองค์ชายและองค์หญิงเหล่านี้รู้สถานการณ์ปัจจุบัน นางก็พึงพอใจ จากนั้นสายตาของนางก็จับจ้องไปที่ฮ่องเต้บนบัลลังก์
ฮ่องเต้ตรัสไม่ออก จึงมองนางแล้วถามว่า “แล้วเจ้าว่าอย่างไร?”
“โอ้ จะบังอาจกล้าพูดไปได้อย่างไรเล่าเพคะ?” อวี้ชิงลั่วแสดงท่าทางลำบากใจ
ฮ่องเต้มองนางอีกครั้ง “พูดมาเถิด”
“ให้สิทธิ์เนี่ยนเนี่ยนไม่ต้องคำนับเมื่อพบเจอองค์ชายและองค์หญิง และมอบสัญลักษณ์อย่างตราพระราชลัญจกรให้นาง เพื่อให้นางสามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ และการประทานรางวัลทุกครั้งต้องใช้ข้อกำหนดเดียวกันกับองค์หญิง”
เนี่ยนเนี่ยนยกแก้วน้ำมาให้อวี้ชิงลั่ว มันเป็นงานหนักสำหรับแม่ที่จะพูดโดยไม่หอบ
ทั้งห้องโถงเงียบลง ฮ่องเต้ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้นางดูลำบากใจ แต่กลับมาร้องขอมากมาย เป็นเรื่องปกติของนางจริง ๆ …ไร้ยางอายไม่เปลี่ยน
“สัญญาได้หรือไม่เพคะ?” อวี้ชิงลั่วจิบน้ำอย่างสง่างาม แล้ววางแก้วลงอย่างใจเย็น
ฮ่องเต้เลิกคิ้วขึ้น ก่อนชำเลืองมองฮองเฮา จากนั้นมองไท่จื่อ แล้วถอนหายใจ “สัญญา”
องค์หญิงสิบสามเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ สัญญา สัญญาแล้วหรือ? นั่นคือคำสัญญาหรือ?
จากนั้นนางจะยังมีโอกาสได้พูดอีกหรือ?
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บอกแล้วว่าอย่าท้าทายอำนาจแม่ ขนาดผู้มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรนี้ยังทำอะไรแม่ไม่ได้เลย แล้วเธอเป็นใครถึงมารังแกลูกเขาอะองค์หญิงสิบสาม
ไหหม่า(海馬)