อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 29 คอยดูอย่างสงบ
ตอนพิเศษ 29 คอยดูอย่างสงบ
ตอนพิเศษ 29 คอยดูอย่างสงบ
จิ่นซิ่วตกใจ รีบยื่นมือเข้าไปจับนาง “อ๊ะ เจ้ากำลังทำอะไร?”
“จวิ้นจู่ได้โปรด จวิ้นจู่ช่วยคุณหนูของเราด้วยเถิดเพคะ” เยียนจือใช้หน้าผากกระแทกพื้นเพื่อคำนับจิ่นซิ่วอย่างแรงและเร็ว ราวกับว่านางไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เลย
จิ่นซิ่วและเนี่ยนเนี่ยนมองหน้ากัน จากนั้นเนี่ยนเนี่ยนก็ยื่นมือออกไปประคองเยียนจือขึ้นมา
เยียนจือต้องการจะคุกเข่าต่อ แต่แรงที่ดึงแขนนางขึ้นนั้นมีมากกว่า นางจึงรู้สึกประหลาดใจ แม่นางเนี่ยนเนี่ยนที่ดูอ่อนแอเหตุใดจึงมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้? สามารถยกนางขึ้นด้วยมือข้างเดียวได้เลยหรือ?
เพียงแต่นางไม่อาจเปิดโอกาสให้พวกนางคิดมากได้ เยียนจือมองจวิ้นจู่จิ่นซิ่วอีกครั้งทันที
จิ่นซิ่วถอนหายใจ “เอาล่ะ หากเจ้ามีอะไรจะพูด เจ้าก็แค่พูดมาเลย ข้าไม่ได้ปฏิเสธที่จะช่วย สุ่ยชิงเป็นสหายของข้า ตราบใดที่ข้าสามารถช่วยได้ ข้าย่อมจะพยายามทำให้ดีที่สุด เจ้าจะทำให้หน้าผากตัวเองเลือดออกเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?”
นางคิดว่าตอนที่เยียนจือรีบมาหาหลานสุ่ยชิงเมื่อครู่นี้ นางก็รู้สึกว่ามีสีหน้าเยียนจือดูแปลกไป ราวกับว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เยียนจือลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อเห็นว่ามีเลือดติดมาที่ปลายนิ้วก็กลัวจนเกือบจะเป็นลม
จิ่นซิ่วและเนี่ยนเนี่ยนมีสีหน้าหมดคำจะพูด นางทำถึงขนาดนั้นยังจะมีหน้ามากลัวอยู่อีกหรือ?
“บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”
จากนั้นเยียนจือก็เริ่มสงบสติอารมณ์ แล้วเล่าเรื่องที่นางเพิ่งบอกหลานสุ่ยชิงอีกครั้ง
ในที่สุดนางก็เริ่มสะอื้นอีกครั้ง “จวิ้นจู่ คุณหนูของข้าบอกว่าจะคิดหาทางเอง นางกับจวิ้นจู่เพิ่งพบกัน และจวิ้นจู่ก็ช่วยเหลือคุณหนูไปมากแล้ว นางไม่ต้องการทำให้จวิ้นจู่ต้องวุ่นวายอีกต่อไป แต่ว่า แต่ว่าหากมันสายเกินไป จะเกิดอะไรขึ้นหากฮูหยินตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว คุณหนูจะทำอะไรได้เล่าเพคะ?”
ตราบใดที่ไท่ฮูหยินบังคับคุณหนูกับฮูหยิน แม้ว่าคุณหนูจะไม่ต้องการแต่งงาน แต่นางก็ต้องแต่งงาน
“เยียนจือรู้ว่าสิ่งที่ขอนั้นมากเกินไป แต่ข้าไม่มีทางอื่นแล้ว คุณหนูน่าสงสารเหลือเกิน นอกจากฮูหยินที่ปฏิบัติต่อคุณหนูเหมือนญาติ มีใครอีกบ้างในบ้านที่เป็นห่วงนางจริง ๆ? ไท่ฮูหยินและนายท่านก็เอาแต่สนใจคุณหนูรองและคุณหนูสาม ตอนนี้ก็ยิ่ง… เยียนจือขอร้องจวิ้นจู่ โปรดช่วยคุณหนูของเราด้วยเถิดเพคะ”
นางพูดจบแล้วก็กำลังจะคุกเข่าลงอีกครั้ง
แต่เนี่ยนเนี่ยนได้จับนางไว้แน่นด้วยมือข้างเดียวแล้ว
เยียนจือไม่สามารถคุกเข่าลงได้ นางได้แต่มองจวิ้นจู่จิ่นซิ่วตรงหน้านางอย่างมีความหวัง
จิ่นซิ่วขมวดคิ้ว คนตระกูลหลานนี้ร้ายกาจมากเกินไปจริง ๆ
นางอยากช่วยหลานสุ่ยชิงจริง ๆ ในเมื่อเป็นเพื่อนกันแล้ว จะทนให้นางตกลงไปในกองไฟได้อย่างไร? แต่เรื่องการแต่งงานของสตรีย่อมเป็นไปตามคำสั่งของบิดามารดาและคำพูดของแม่สื่อเสมอ แม้ว่าคนผู้นั้นจะถูกจับคู่กับคนที่แย่ที่สุดก็ตาม เพราะถือว่าพ่อแม่เป็นคนเลือกให้แล้ว ไม่มีกฎหมายใดในอาณาจักรเฟิงชาง ที่ระบุว่าคนนอกสามารถเข้าไปยุ่งเรื่องการแต่งงานของลูกคนอื่นได้
ถ้านางใช้สถานะและอำนาจของนางบีบบังคับไท่ฮูหยิน ก็เกรงว่ารองเจ้ากรมหลานจะไปฟ้องฮ่องเต้ และความอับอายจะตกอยู่ที่เสด็จพี่ของนาง
ดังนั้นจะไปจัดการไท่ฮูหยินไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้อง…หาทางอื่น
ไม่เช่นนั้นก็ขอให้เสด็จพี่ให้หลานสุ่ยชิงแต่งงานดีหรือไม่? หากเป็นพระราชโองการของฮ่องเต้ คนสกุลหลานก็ไม่อาจคัดค้านได้ใช่หรือไม่?
แต่ว่า แต่ว่าจะให้นางแต่งงานกับใคร? ไม่สามารถหาคนมาแบบขอไปทีได้ นั่นไม่ใช่การผลักนางลงไปในกองไฟหรือ?
ไม่เช่นนั้นก็ให้เสด็จพี่แต่งตั้งยศให้หลานสุ่ยชิงดีหรือไม่?
มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด สุดท้ายก็ไม่มีเหตุผล เพราะบิดาของหลานสุ่ยชิงเป็นเพียงขุนนางชั้นล่างในกรมราชทัณฑ์ พูดตามตรงคือเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอ
เฮ้อ แล้วควรทำอย่างไรดี?
จิ่นซิ่วขมวดคิ้ว นางต้องการช่วยหลานสุ่ยชิง นางจึงต้องการหาวิธีที่จะได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เมื่อเห็นว่านางเงียบ คิ้วของเยียนจือก็แทบจะขมวดเป็นปม นางไม่ได้เอ่ยคำใด ทว่าความหวังในใจเริ่มดับลงทีละน้อย ค่อย ๆ สิ้นหวังและไร้หนทาง
เป็นไปได้หรือไม่ว่าแม้แต่จวิ้นจู่จิ่นซิ่วก็ไม่สามารถทำอะไรได้? เช่นนั้นคุณหนูก็…
ขณะที่นางกำลังโศกเศร้า เนี่ยนเนี่ยนก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าไม่ต้องห่วงสุ่ยชิง ใครบางคนจะดูแลนางเอง”
“หือ?” จิ่นซิ่วมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความประหลาดใจ
แต่เนี่ยนเนี่ยนไม่สนใจนาง และพูดกับเยียนจือว่า “เจ้าไม่ต้องคิดอะไรและไม่ต้องทำอะไรด้วย บอกสุ่ยชิงให้คอยดูอย่างสงบว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่ต้องไปสนใจแม่สื่อซูคนนั้น ตอนนี้นางแค่ต้องดูแลแม่ของนางให้ดี แล้วจะมีเรื่องให้แปลกใจเมื่อถึงเวลา”
สิ่งที่นางพูดฟังดูมีลับลมคมใน เยียนจือจึงรู้สึกสับสน
แต่เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของเนี่ยนเนี่ยน นางก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า แม่นางเนี่ยนเนี่ยนคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนพูดจาเหลวไหล เมื่อวานนางบอกว่านางสามารถรักษาอาการป่วยของฮูหยินได้ และวันนี้นางก็ทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นได้จริง ๆ
แต่จิ่นซิ่วหรี่ตาและหันหน้าไปมองเนี่ยนเนี่ยน
นางพบว่าความคิดของเนี่ยนเนี่ยนที่มีต่อสุ่ยชิงนั้นดูแปลกพิกลนัก การได้ยินนางพูดเมื่อครู่นี้ยิ่งทำให้นางมั่นใจมากขึ้นว่า หลานสุ่ยชิงคนนี้… ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
นางสะกิดเนี่ยนเนี่ยนด้วยไหล่ จากนั้นขยิบตาให้อีกครั้ง “บอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองนาง ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในห้องอย่างไม่สนใจ
หลานสุ่ยชิงยังคงพูดคุยกับอู๋ซื่อเบา ๆ เมื่อเห็นอู๋ซื่อดีขึ้นเช่นนี้ นางก็ตื่นเต้นมาก
เนี่ยนเนี่ยนเดินไปแตะไหล่นาง หลานสุ่ยชิงหันหน้ามา น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนและจิ่นซิ่วมาอยู่ข้างหลัง นางก็ตบหน้าผากตัวเองด้วยความลำบากใจ “ดูข้าสิ ข้าเอาแต่คุยกับแม่อย่างเดียว จนไม่ได้ต้อนรับพวกเจ้าอย่างถูกต้องเลย”
จวิ้นจู่จิ่นซิ่วพูดตามตรง “หากเจ้ามีอะไรจะพูด เราสามารถช่วยทุกอย่างที่เจ้าต้องการได้”
“อืม ตอนนี้หลานฮูหยินรู้สึกร้อน นางตื่นแล้วและนอนไม่หลับ เป็นการดีที่เจ้าจะพูดคุยกับนางให้มากขึ้น” เนี่ยนเนี่ยนยังกล่าว
อู๋ซื่อยิ้มด้วยความประหม่า แล้วผลักหลานสุ่ยชิง “เอาล่ะ เจ้ากลับไปคุยกับเพื่อนทั้งสองของเจ้าที่เรือนเถิด แม่มีแม่นมหูอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว อย่ามัวรีรอ รีบไปเถิด กลิ่นยาในห้องนี้แรงมาก ประเดี๋ยวเจ้าจะสูดเข้าไป”
หลานสุ่ยชิงพยักหน้าและให้คำแนะนำอู๋ซื่อ จากนั้นออกจากเรือนของแม่ของนางพร้อมกับเนี่ยนเนี่ยนและจิ่นซิ่ว แล้วกลับไปยังเรือนของตัวเอง
เมื่อนางเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นเนี่ยนเนี่ยนก็ส่งสมุดคัดลายมือให้นาง
หลานสุ่ยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกสับสน “นี่คืออะไร?”
“ของสำหรับเจ้า”
จิ่นซิ่วขมวดคิ้วขณะมองจากด้านข้าง “เนี่ยนเนี่ยน เจ้าใจร้ายมาก ข้าไม่ได้เตรียมของขวัญมาด้วย เจ้าอย่าทำให้ข้าดูเป็นคนตระหนี่ได้หรือไม่?”
“เจ้าค่อยให้ทีหลังก็ได้” เนี่ยนเนี่ยนตอบนาง
จิ่นซิ่วจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน แต่เมื่อเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนไม่แยแส นางก็มองไปทางอื่นด้วยความหงุดหงิด แล้วพูดกับหลานสุ่ยชิงว่า “สุ่ยชิง เจ้าลองดูสิว่าสมุดคัดลายมือนี้เป็นของใคร”
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก จากนั้นเปิดฝาครอบออก เพียงแค่เหลือบมองนางก็ยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เนี่ยนเนี่ยน เหตุใดเจ้าถึง…” อะไรจะบังเอิญถึงเพียงนี้ นางมอบสมุดคัดลายมือที่นางใฝ่ฝันอยากได้มาตลอดงั้นหรือ?
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไม่ต้องถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้หรอก ตำหนักอ๋องซิวน่าจะออกโรงก่อน
ไหหม่า(海馬)