อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 31 พวกนางร้องไห้กลับมา
ตอนพิเศษ 31 พวกนางร้องไห้กลับมา
ตอนพิเศษ 31 พวกนางร้องไห้กลับมา
เยียนจือก็กังวลเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าแม่สื่อซูจับคู่ให้นางแล้ว?
นางไม่สนใจผมหน้าม้าอันเว้าแหว่งของตนอีกต่อไป รีบถามแม่นมปู้ว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณหนู ระหว่างทางกลับจากประตูหลังเมื่อสักครู่นี้ ข้าได้ยินว่าคุณหนูรองกับคุณหนูสามกลับมาแล้ว ข้าได้ยินว่า…พวกนางร้องไห้กลับมาเจ้าค่ะ”
ทั้งหลานสุ่ยชิงและเยียนจือต่างตกตะลึง ร้องไห้กลับมางั้นหรือ? พวกนางไปพบซิวหวางเฟยที่ตำหนักอ๋องซิวไม่ใช่หรือ? ไม่ได้หมายความว่าซิวหวางเฟยชอบพวกนางหรอกหรือ?
แม่นมปู้กลืนน้ำลายลงคอ นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะพูด จึงลดเสียงลง “ข้าไปถามมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู ท่านทราบหรือไม่เจ้าคะ ว่าเหตุใดซิวหวางเฟยถึงเรียกคุณหนูทั้งสองไปตำหนักอ๋องซิว?”
“เพราะเหตุใดหรือ?” เยียนจือถามทันที
“เพื่อสืบเรื่องคุณหนูเสิ่นตกน้ำ เมื่อได้ยินว่าคุณหนูเสิ่นตกน้ำในตำหนักอ๋องซิวเมื่อวานนี้ ซิวหวางเฟยก็รู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของนางเอง เมื่อคืนนี้นางจึงนอนไม่ค่อยหลับ และฝันเห็นคุณหนูรองกับคุณหนูสาม ซิวหวางเฟยรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก จากนั้นก็ได้ทราบว่าคุณหนูรองกับคุณหนูสามอยู่กับคุณหนูเสิ่นเมื่อวานนี้ นางจึงให้พวกนางไปที่ตำหนักอ๋องซิวเพื่อซักถาม”
“ว่ากันว่าซิวหวางเฟยมีทัศนคติดีมาก นางไม่ได้พูดจารุนแรงและไม่มีท่าทางก้าวร้าวใดๆ ทั้งยังให้คุณหนูทั้งสองอยู่รับประทานอาหารกับตนอีกด้วย หลังจากที่รู้ว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องคุณหนูเสิ่นตกน้ำ นางก็ส่งตัวพวกนางกลับ แม้ซิวหวางเฟยจะไม่ได้พูดอะไร แต่นางก็ไม่ได้คิดจะให้ทั้งสองแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องซิว และไม่ได้ทำให้พวกนางลำบาก ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ระหว่างทางกลับมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าคุณหนูสองคนของตระกูลหลานนั้นอาจเป็นคนร้ายที่ผลักคุณหนูเสิ่นตกน้ำ ซิวหวางเฟยจึงสั่งให้พวกนางไปที่ตำหนักเพื่อสอบปากคำคดีนี้”
“คำพูดของคนตามท้องถนนนั้นไม่เป็นที่พอใจนัก คุณหนูทั้งสองนั่งอยู่ในรถม้าและฟังตลอดทาง ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ สาวใช้สองคนข้างกายพวกนางนั้นปกติก็เป็นคนพาลอยู่แล้ว พวกนางถือว่าตนเป็นสาวใช้ของครอบครัวขุนนางแล้วจะเพิกเฉยต่อชาวบ้านร้านตลาดเหล่านั้นได้อย่างไร ทั้งคู่จึงเปิดม่านรถม้าแล้วตะโกนด่าคนเหล่านั้นกลับ ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน คาดไม่ถึงว่าหลังจากถูกด่าทอเช่นนั้น เหล่าชาวบ้านก็โกรธมาก พวกเขาบอกว่าตอนแรกยังไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ตอนนี้เมื่อเห็นรถม้าของคุณหนูสกุลหลานทั้งสองแล่นออกมาจากทิศทางตำหนักอ๋องซิว ก็คิดว่าข่าวลือเหล่านั้นต้องเป็นความจริง”
“อันที่จริงคนพวกนั้นแค่ติฉินนินทากันไปเท่านั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นความจริง แต่สาวใช้ข้างกายของคุณหนูรองและคุณหนูสามพลาดท่าไปแล้ว เพราะพวกนางพูดจาหยาบคายและหยิ่งผยอง ต่อให้คนเหล่านั้นจะรู้ว่าคุณหนูทั้งสองไม่ได้ทำก็ตาม แต่พวกเขาก็โกรธพวกนางมาก หญิงบางคนตามท้องถนนมีท่าทางเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิมและเริ่มด่าทออย่างรุนแรง คนเหล่านี้ปากร้าย ชอบทะเลาะเบาะแว้ง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อคุณหนูรองและคุณหนูสามต้องเผชิญกับคำด่าทอสาปแช่งรุนแรงเช่นนี้แล้วจะทนได้อย่างไร พวกนางจึงร้องไห้ตั้งแต่ในตอนนั้น”
เมื่อเยียนจือได้ยินดังนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายด้วยความโล่งใจยิ่ง
ไม่นึกเลยว่าคุณหนูรองและคุณหนูสามจะมีวันได้เผชิญกับเรื่องเช่นนี้ เมื่อก่อนพวกนางเป็นคนรังแกคุณหนู ทุกครั้งที่ไปงานเลี้ยงก็จะพูดถึงคุณหนูว่าเป็นคนประหลาด ชอบเก็บตัว อ่อนแอ และกลั่นแกล้งคุณหนู ซึ่งทำให้พวกคุณหนูจากครอบครัวชั้นสูงเหล่านั้นมองคุณหนูของนางในทางไม่ดี
ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงได้รู้ถึงตัวตนอันน่ารังเกียจของพวกนางแล้ว
วันนี้เป็นวันที่ดีจริง ๆ แม่นางเนี่ยนเนี่ยนมารักษาฮูหยิน แล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับคุณหนูรองและคุณหนูสาม
ดีแล้ว ตอนนี้เดาว่าไท่ฮูหยินกับฮูหยินรองคงไม่มีใจจะสนใจเรื่องการแต่งงานของคุณหนูอีกต่อไป แล้วแม่สื่อซูคนนั้นจะมาเพื่ออะไร
เมื่อนึกได้เช่นนั้น เยียนจือก็อารมณ์ดีมาก
สิ่งที่แม่นางเนี่ยนเนี่ยนพูดนั้นถูกต้อง เพียงแค่รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างสงบ รอดูความเปลี่ยนแปลง แล้วเรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน
รอยยิ้มฉายแววในดวงตาของหลานสุ่ยชิง นางไม่สามารถจัดการกับน้องสาวทั้งสองในจวนได้ก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางไม่ชอบเห็นพวกนางต้องทนทุกข์ทรมาน
ไม่แปลกใจเลยที่จวิ้นจู่จิ่นซิ่วจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนหน้านี้ แต่มันก็เหมือนกับที่นางพูด ทุกอย่าง… ล้วนไม่แน่นอน
อารมณ์ของหลานสุ่ยชิงดีขึ้นทันที เมื่อนางมองหันไปมองผมแหว่งเว้าราวกับโดนหนูแทะของเยียนจือ นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
นางหยิบกรรไกรบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “มา ข้าจะตัดผมสวย ๆ ให้”
เมื่อเยียนจือเห็นกรรไกรในมือของนาง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็แข็งขึ้น มุมปากของนางกระตุก ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า “คุณหนู ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ”
มือของคุณหนูน่าจะเหมาะกับการคัดลายมือมากกว่า งานยาก ๆ เช่นนี้ควรจะให้…
“แม่นมปู้ โปรดตัดให้ข้าหน่อยเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นทองเป็นหยกล้ำค่า ข้าไม่อยากรบกวนท่าน” จากนั้นเยียนจือก็ยื่นหวีให้ท่านแม่ปู้
แม่นมปู้ชะงัก เมื่อมองไปยังของในมือของนาง และเห็นดวงตาของหลานสุ่ยชิงเป็นประกาย ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
“ก็ได้ ข้าจะตัดให้ คุณหนู ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เมื่อคืนท่านก็เข้านอนดึกมาก ไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมปู้พูดแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพูดเบา ๆ ว่า “อย่าลืมว่าไท่ฮูหยินสั่งให้ท่านคัดลอกตำราสอนหญิง แล้วให้นำไปส่งนางพรุ่งนี้เช้าด้วย อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูรองและคุณหนูสามในวันนี้ จะทำให้นางโกรธแน่นอน และจะยิ่งอารมณ์เสียมากกว่าเดิม พรุ่งนี้นางอาจทำให้ท่านต้องอับอายได้ ท่านจึงควรรีบไปพักผ่อนเพื่อเติมพลังใจไว้สู้นะเจ้าคะ”
หลานสุ่ยชิงรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ เมื่อนึกได้ว่าต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใครบางคนตอนกลางคืน นางก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป และกลับไปพักผ่อนอย่างเชื่อฟัง
เยียนจือถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วยิ้มให้แม่นมปู้
คาดไม่ถึงว่าเมื่อหลานสุ่ยชิงเพิ่งไปถึงประตู จู่ ๆ นางก็หยุดนิ่ง แล้วหันกลับมาอีกครั้ง
เยียนจือใจเต้นแรงทันที เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำของคุณหนูของนาง “ท่านแม่ปู้ อย่าลืมเรื่องแม่สื่อซู”
“คุณหนู ไม่ต้องห่วง ประเดี๋ยวเมื่อลูกสะใภ้ของข้ามา ข้าจะบอกให้นางสอบถามเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงพยักหน้า จากนั้นหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
ฝ่ายของนางเริ่มสงบสุข แต่เรือนของไท่ฮูหยินขณะนี้ไม่สงบสุขเลย
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวร้องไห้หนักจนเกือบเป็นลม วันนี้พวกนางไปตำหนักอ๋องซิวด้วยชุดที่งดงามที่สุด และเต็มไปด้วยความหวังว่าซิวหวางเฟยจะประทับใจต่อพวกนาง แต่ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่ประสบมาจะไม่ใช่เช่นนั้นเลย
ไม่เพียงแต่พวกนางจะไม่ได้ดีอย่างที่จินตนาการไว้เท่านั้น แต่พวกนางยังกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองหลวงตอนขากลับด้วย เรื่องนี้ทำให้พวกนางอับอายมากเพียงใด?
ไท่ฮูหยินหน้าซีดเซียว ตัวสั่นด้วยความโกรธ
นางคิดว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ซิวหวางเฟยชอบหลานสาวสองคนของนาง และแม่สื่อซูก็เข้ามาเจรจาตกลงเรื่องหลานสุ่ยชิง และในไม่ช้านางก็จะถูกจัดการ
คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ตอนที่เสิ่นเหวินเสียนตกน้ำ สุ่ยหยวนและสุ่ยเถียนก็ตกใจเช่นกัน พวกนางจึงนับว่าตกเป็นเหยื่อเช่นกัน คาดไม่ถึงว่า……
“ไท่ฮูหยิน” จู่ ๆ แม่นมหลินที่ยืนอยู่ข้างหลังหลานสุ่ยหยวนก็พูดขึ้น สีหน้านางดูไม่ค่อยดีนัก
ไท่ฮูหยินมองไปยังคนรับใช้ประจำตำหนักอ๋องซิวที่เป็นคนส่งหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวกลับมา แม้ว่าในใจของนางจะไม่พอใจซิวหวางเฟย แต่นางก็ไม่กล้าแสดงออกมา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรือนใหญ่เจอโค้งหักศอกเข้าแล้ว อย่าดูถูกอิทธิฤทธิ์ตำหนักอ๋องซิวค่ะ
ไหหม่า(海馬)