อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 32 เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก
ตอนพิเศษ 32 เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก
ตอนพิเศษ 32 เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก
สีหน้าของแม่นมหลินดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง เพียงแต่นางแค่ไม่แสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ในใจเท่านั้น
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ สายตาของนางจับจ้องไปที่หลานสุ่ยหยวนและน้องสาว ก่อนพูดอย่างไม่พอใจว่า “วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เดิมทีหวางเฟยรับสั่งให้ข้าส่งคุณหนูทั้งสองกลับ หลังจากนั้นหวางเฟยก็รู้สึกเสียใจมากที่ปล่อยคุณหนูทั้งสองกลับโดยไม่ได้ให้อะไรตอบแทน จึงสั่งให้ข้านำของกำนัลมาขอโทษคุณหนูทั้งสองเป็นกรณีพิเศษ”
เมื่อพูดจบ นางก็ให้คนนำกล่องเข้ามาสองกล่อง
ไท่ฮูหยินตาเป็นประกาย ของขวัญจากตำหนักอ๋องซิวน่าจะเป็นของดี
แม่นมหลินวางกล่องลงบนโต๊ะ น้ำเสียงของนางยังคงเย็นชา “เดิมทีเป็นการสอบถามเท่านั้น และเรื่องนี้จะจบลงโดยไม่สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับคุณหนูสกุลหลานทั้งสอง และจะไม่กระทบกระทั่งต่อชื่อเสียงของพวกท่านในอาณาจักรเลย แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีข่าวลือเช่นนี้ตามท้องถนน ข่าวลือนี้ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของคุณหนูทั้งสองเท่านั้น แต่ยังทำให้ตำหนักอ๋องซิวของเราเสียชื่อไปด้วย”
“เดิมทีข่าวลือตามท้องถนนนั้นไม่มีมูลความจริง และเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หวางเฟยจึงคิดจะส่งคนไปอธิบายทีหลัง แต่ว่า…” น้ำเสียงของแม่นมหลินกลายเป็นจริงจังทันที ทันใดนั้นก็หันไปมองสาวใช้ทั้งสองข้างกายหลานสุ่ยหยวน ก่อนนิ่งไปครู่หนึ่งและพูดว่า “แต่ข้าไม่คาดฝันว่าสาวใช้ข้างกายคุณหนูทั้งสองจะใจร้อนถึงเพียงนี้ คำพูดบางอย่างทำให้พวกนางอารมณ์เสีย ถึงขั้นทะเลาะวิวาทกับสามัญชนตามท้องถนน ทำให้เรื่องทุกอย่างบานปลายเกินจะควบคุมได้ เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ต่อให้หวางเฟยจะเป็นผู้ชี้แจงเอง โลกภายนอกก็คงไม่อยากจะเชื่อ ไท่ฮูหยิน ท่านควรตักเตือนสาวใช้ของจวนหลานให้มีความยับยั้งชั่งใจมากกว่านี้ ข้าขอเตือนพวกนางว่าอย่าพูดจาเหลวไหลเช่นก่อนหน้านี้อีก”
ใช่ มีการเตือนแล้ว แต่ไม่ได้พยายามเตือนอย่างเต็มที่
แม่นมหลินมีท่าทางโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ “ตอนนี้ข้าเกรงว่าตำหนักของเราจะไม่สงบ หากข่าวลือที่แพร่ไปนั้นถึงหูของใต้เท้าเสิ่น ใต้เท้าเสิ่นก็อาจบาดหมางกับท่านอ๋องของเราด้วย ไท่ฮูหยิน วันนี้ข้าจะรายงานเรื่องนี้แก่หวางเฟยตามความเป็นจริง และให้หวางเฟยเป็นผู้ตัดสินใจ”
เมื่อไท่ฮูหยินได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด
นางหันขวับไปจ้องมองสาวใช้ข้างหลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียน ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ผุดเต็มหน้าสาวใช้เหล่านั้น พวกนางรีบคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง
“ไท่ฮูหยิน ข้าน้อยทำผิดพลาดเองเจ้าค่ะ ข้าน้อยแค่ต่อสู้เพื่อคุณหนู ไม่คาดคิดมาก่อนว่าพวกปากร้ายพวกนั้นจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้ ดังนั้น…”
“หุบปาก” ไท่ฮูหยินไม่แม้แต่จะมองพวกนาง ทำเพียงแค่ฝืนยิ้มให้แม่นมหลิน “แม่นมหลิน เป็นเพราะระเบียบวินัยในจวนของเราหละหลวมไม่เคร่งครัดพอ เห็นทีข้าต้องจัดการพฤติกรรมของหญิงรับใช้ในจวนให้เด็ดขาดกว่าเดิม แม่นมหลินโปรดกลับไปอธิบายแก่หวางเฟยว่าเหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุที่สร้างความเดือดร้อนให้ซิวหวางเฟย และมันเป็นความผิดของจวนหลานเอง ข้าละอายใจหากต้องรับของกำนัลเหล่านี้ไว้ ข้าไม่กล้ารับไว้จริง ๆ แม่นมหลินได้โปรดนำมันกลับไปด้วยเถิด”
หลังจากพูดจบ นางก็ให้คนยกกล่องของขวัญนั้นออกไป และขอให้แม่นมหลินนำมันกลับไปเพื่อเป็นการขอโทษ
สีหน้าของแม่นมหลินดีขึ้นเล็กน้อย นางมองหญิงรับใช้ทั้งสองด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะพูดว่า “ไท่ฮูหยินไม่ต้องกังวล เรื่องคุณหนูทั้งสองมาเยือนตำหนักอ๋องซิวในวันนี้ หวางเฟยจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจน”
แต่คนเหล่านั้นจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ไท่ฮูหยินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และขอให้แม่นมซ่งส่งแม่นมหลินออกไป
ทันทีที่พวกเขาจากไป ไท่ฮูหยินก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ครู่ต่อมา สายตาก็ฉายแววดุร้ายจ้องมองสาวใช้ทั้งสองเขม็ง
ทั้งสองตัวสั่นด้วยความตกใจ เมื่อรู้ว่าตอนนี้ไท่ฮูหยินโกรธมาก พวกนางก็รีบคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา “ไท่ฮูหยิน ข้าน้อยรู้ว่าข้าน้อยผิด ข้าน้อยไม่ควรใจร้อนเลยเจ้าค่ะ ไท่ฮูหยิน”
ไท่ฮูหยินหลับตาลง แล้วพูดกับสาวใช้ข้างกายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ลากสวะทั้งสองนี้ออกไปโบยด้วยไม้ให้ตาย”
“เจ้าค่ะ” ไฉ่ซินตอบ แล้วเรียกคนงานสองคนข้างนอกเข้ามา
สาวใช้สองคนตกใจมากจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง พวกนางคุกเข่าลงอย่างสิ้นหวัง “ไท่ฮูหยินโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยก็แค่โกรธที่คนเหล่านั้นทำลายชื่อเสียงของคุณหนู จึงได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ไป ไท่ฮูหยิน…”
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกนางถึงกับหยุดร้องไห้ และโผเข้าหาไท่ฮูหยิน “ท่านย่า ทั้งสองคน…”
“ในฐานะคนรับใช้ ก็ควรจะปัดเป่าความกังวลและแก้ปัญหาของเจ้านายได้ แต่พวกนางสองคนกลับยังมีหน้าชื่นตาบาน เพราะถือตัวเป็นสาวใช้คนสนิทของพวกเจ้า จึงได้ทำตัวหยาบคาย ทำเรื่องบ้าบิ่นและสร้างปัญหาใหญ่ให้กับพวกเจ้าเช่นนี้ แล้วแม่นมจากตำหนักอ๋องซิวเป็นใคร? นางเตือนพวกนางแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่รู้ตัวอีก และเอาแต่ด่าทอคนอื่นตามท้องถนน ทำให้จวนหลานต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าไม่ลงโทษพวกนางวันนี้ มันก็ยากที่จะกำจัดความเกลียดชังในใจของข้าได้”
ไท่ฮูหยินไม่สนใจสองพี่น้อง แล้วโบกมือด้วยท่าทางไม่แยแส
หลานสุ่ยหยวนและน้องสาวอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่เมื่อพวกนางหันหน้าไป ก็เห็นจินซื่อส่ายหน้าเบา ๆ ให้นาง ในที่สุดนางจึงต้องเม้มปากและหยุดพูด
ในไม่ช้าก็มีเสียงไม้กระดานกระทบเนื้อดังมาจากนอกประตู และเสียงโหยหวนร้องขอความเมตตาของสาวใช้ทั้งสอง
ทว่าไม่มีใครในห้องสนใจกับเสียงนั้นเลย ไท่ฮูหยินขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แล้วพูดกับพวกนางว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปกันได้แล้ว ไม่รู้ว่าใต้เท้าเสิ่นจะโทษพ่อของเจ้าสำหรับเหตุการณ์ในวันนี้หรือไม่”
นางโบกมือให้พวกนางทุกคนออกไป ส่วนแม่นมซ่งก็พยุงนางกลับมาไปพักผ่อนในห้องชั้นใน
เรื่องเหล่านี้ทำให้ไท่ฮูหยินเหนื่อยล้า และทำให้หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวเป็นทุกข์มาก
ตอนนี้ไท่ฮูหยินรู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ไม่ได้ปฏิบัติต่อจวิ้นจู่จิ่นซิ่วอย่างดี เมื่อนางมาที่นี่ในวันนี้ เดิมทีคิดว่าซิวหวางเฟยจะให้ความสำคัญกับหลานสุ่ยหยวนและน้องสาว ตราบใดที่ไต่เต้าขึ้นไปได้เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงจวิ้นจู่จิ่นซิ่วหรอก แม้แต่องค์หญิงหว่านเยียนก็ยังต้องให้ความเคารพนาง
ตอนนี้ความประมาทเลินเล่อในวันนี้ อาจทำให้จวิ้นจู่จิ่นซิ่วขุ่นเคือง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ไท่ฮูหยินก็รู้สึกปวดหัวและอ่อนล้าไปทั้งร่างกาย
เทียบกับเรือนใหญ่ที่กำลังมีไก่บินเตลิดสุนัขวิ่งพล่าน เรือนของหลานสุ่ยชิงกลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ หลังได้พักผ่อนในช่วงบ่ายแล้ว นางในตอนนี้จึงรู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉง
เยียนจือนำน้ำมาให้ล้างหน้า ใบหน้าของนางสดชื่น และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอย่างอธิบายไม่ได้ นางไม่อาจรอให้หลานสุ่ยชิงถามได้ จึงพูดทันทีว่า “… ข้าได้ยินมาว่าสาวใช้ข้างกายคุณหนูรองและน้องสาวทำผิด ไท่ฮูหยินจึงอารมณ์เสียจนสั่งให้คนนำตัวไปทุบตีจนตาย ข้าว่าพวกนางสมควรโดนแล้ว เพราะพวกนางทำตัวชั่วช้าโอหังถือดีเป็นปกติ เมื่อก่อนข้ากับสุ่ยเฝิ่นมักถูกพวกนางรังแกเสมอ ตอนที่สุ่ยเฝิ่นถูกไท่ฮูหยินทุบตีปางตายเมื่อปีที่แล้ว พวกนางยังไปดูด้วยความสาแก่ใจ และยังบอกด้วยว่าสุ่ยเฝิ่นสมควรโดนเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูฉลาดพอที่จะแอบช่วยสุ่ยเฝิ่นไว้ได้ ก็เกรงว่าวันนี้คง…”
หลานสุ่ยชิงจ้องมองนาง เยียนจือจึงรีบปิดปากและหัวเราะ
ทันใดนั้นแม่นมปู้ก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นกัน
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรือนใหญ่โดนตัดกำลังไปแล้ว เรือนนี้จะเดินหมากยังไงต่อนะ
ไหหม่า(海馬)