อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 40 ถ้าตกใจจนหัวใจวายเล่า
ตอนพิเศษ 40 ถ้าตกใจจนหัวใจวายเล่า?
ตอนพิเศษ 40 ถ้าตกใจจนหัวใจวายเล่า?
สู่ของั้นหรือ???
หลานสุ่ยชิงตกตะลึง ซิวหวางเฟยมาสู่ขอ? ซิวหวางเฟยเอ็นดูหลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียน หลังจากพบกันเมื่อวันก่อนงั้นหรือ?
นางขมวดคิ้ว ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
ก่อนที่นางจะทันได้พูด เยียนจือที่อยู่ด้านข้างก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว “สู่ขอ มาสู่ขอได้อย่างไร? ซิวหวางเฟยจะเอ็นดูคุณหนูรองกับน้องสาวได้อย่างไร? คุณหนู ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ? หากคุณหนูรองหรือคุณหนูสามแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว แล้วเราจะยังมีชีวิตอยู่ดีหรือเจ้าคะ? เกรงว่า เกรงว่าแม้แต่ฮูหยินก็จะ…”
ถึงตอนนั้นคงถูกจินซื่อเหยียบจมดินแน่นอน และจะไม่มีโอกาสเงยหน้าอ้าปากได้
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเนี่ยนเนี่ยน “ซิวหวางเฟย… มาที่นี่เพื่อสู่ขอจริงหรือ?”
เนื่องจากเนี่ยนเนี่ยนอยู่ใกล้ชิดซิวหวางเฟย และนางยังเป็นหมอผู้ช่วยข้างกายซิวหวางเฟย เนี่ยนเนี่ยนจึงน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของซิวหวางเฟย
“อืม สุ่ยชิง เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เนี่ยนเนี่ยนถามอย่างใจเย็น ขณะมองดวงตาสงบนิ่งของนางโดยไม่ตื่นตระหนก
เมื่อได้ยินดังนั้น หลานสุ่ยชิงก็หัวเราะ แล้วพูดเสียงเบาว่า “คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้”
“เพราะเหตุใดเล่า?”
“แม้ข้าจะไม่เคยพบซิวหวางเฟย แต่ข้าก็เคยได้ยินเรื่องนางมาบ้าง แม้ว่านางจะมีนิสัยแปลก ๆ แต่ก็เป็นคนฉลาดมาก ถ้านางมาสู่ขอให้ซื่อจื่อในจวน นางจะต้องหาภรรยาที่เหมาะสมกับซื่อจื่อแน่นอน หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนนั้น ภายนอกดูเป็นคนมีมารยาทดีและน่ารัก แต่ตราบใดที่คนฉลาดอย่างซิวหวางเฟยมองใกล้ ๆ นางย่อมมองออกว่า…พวกนางไม่เหมาะกับซื่อจื่อ”
ใช่แล้ว พวกนางไม่คู่ควรกับตำหนักอ๋องซิว
“ยิ่งกว่านั้นคือหากหวางเฟยสนใจพวกนางจริง ๆ ข่าวลือเช่นนี้จะไม่มีวันแพร่สะพัดไปตั้งแต่วันก่อนหรอก”
เนี่ยนเนี่ยนประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?”
“…คนที่รู้ว่าหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวไปตำหนักอ๋องซิว มีเพียงคนในจวนหลานและตำหนักอ๋องซิวเท่านั้น แน่นอนว่ามีบางคนที่สนใจล่วงรู้เช่นกัน แต่ข่าวลือเหล่านั้นแพร่กระจายเร็วเกินไป ไม่ใช่เพราะมีคนเผลอกระจายข่าวออกไป ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในเมืองหลวงแห่งนี้ ข้าไม่คิดว่าจะมีใครกล้าปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับตำหนักอ๋องซิว เว้นแต่จะเป็นคนในตำหนักอ๋องซิวเอง แม้ว่าข่าวลือนี้จะส่งผลกระทบต่อตำหนักอ๋องซิวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนัก อีกทั้งคนที่เสียหายจริง ๆ ก็คือน้องรองกับน้องสามและจวนหลาน ข้าคิดว่า… ข่าวลือตั้งแต่วันก่อนนั้น เกี่ยวข้องกับตำหนักอ๋องซิวอย่างแยกไม่ออก ในเมื่อตำหนักอ๋องซิวทำเช่นนี้ แล้วจะสนใจเอ็นดูน้องรองกับน้องสามได้อย่างไร?”
เนี่ยนเนี่ยนทำเป็นครุ่นคิดตาม หลังจากนั้นไม่นานก็พยักหน้าเห็นด้วย “สมเหตุสมผล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว กินข้าวกันเถอะ”
หลานสุ่ยชิงพยักหน้า แล้วบอกให้เยียนจือจัดจานชามบนโต๊ะ
เยียนจือมองไปรอบ ๆ นางไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหนูพูดเมื่อครู่นี้และยังคงกังวลอยู่ แต่คุณหนูและคนอื่น ๆ กลับสงบนิ่ง ไม่สนใจกันเลยหรือ?
นางทำหน้ามุ่ยและอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่หลานสุ่ยชิงเหลือบมองนาง นางจึงหยุดพูดทันที และทำได้เพียงเริ่มจัดจานอย่างไม่เต็มใจ
ทว่าขณะที่นางกำลังเปิดสำรับอาหารอย่างเหม่อลอย จู่ ๆ ก็มีเสียง “ฟ่อๆ” ดังขึ้น วินาทีต่อมาร่างอันยาวเหยียดก็พุ่งเข้าหาหลานสุ่ยชิง
“กรี๊ด…” เยียนจือกรีดร้องลั่น ฝาสำรับอาหารในมือนางตกลงพื้น
แม่นมปู้และหลานสุ่ยชิงเบิกตากว้างพร้อมกัน ไม่ทันได้ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าร่างนั้นกำลังจะรัดคอนาง เนี่ยนเนี่ยนก็ยื่นมือออกมาคว้าตัวมันไว้ได้อย่างแม่นยำ จากนั้นพันตัวมันเป็นวงกลมสองขดไว้รอบแขนอย่างเรียบร้อย ขณะบีบหัวมันไว้
แม่นมปู้และเยียนจือหน้าซีด หลานสุ่ยชิงยังคงสงบ แต่รูม่านตาหดอย่างเสียไม่ได้ ขณะกำมือแน่น นัยน์ตาของนางก็ฉายแววเย็นชา
แม่นมปู้รีบเดินไปข้างนาง แล้วกวาดสายตามองอย่างกระวนกระวายอยู่พักหนึ่ง “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? โดนกัดหรือเปล่า?”
ส่วนเยียนจือทำท่าจะร้องไห้ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“อย่ากังวล ข้าสบายดี” หลานสุ่ยชิงส่ายหน้า อารมณ์ค่อยๆ กลับมาคงที่ทีละน้อย
จากนั้นทั้งสามคนก็เงยหน้าขึ้นมองเนี่ยนเนี่ยน และเห็นร่างยาวที่กำลังรัดอยู่รอบแขนของนาง…เป็นงู
เยียนจือกรีดร้องอีกครั้ง รีบถอยหลังไปสองก้าวทันที พลางมองดูด้วยความสยดสยอง
เนี่ยนเนี่ยนเอียงคอมองงูในมือ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “อย่ากังวลไป งูตัวนี้ไม่มีพิษ”
แม่นมปู้รวบรวมความกล้าได้มากขึ้นแม้จะยังตกใจ วินาทีต่อมานางก็ตะโกนด่าด้วยความขมขื่น “ให้ตายเถอะ ยังมีความเป็นมนุษย์กันอยู่หรือเปล่า เอางูใส่สำรับอาหารเช่นนี้ นับว่าเป็นการพยายามฆ่าคุณหนูหรือไม่? ชั่วช้า ชั่วช้ายิ่งนัก”
นางตัวสั่นด้วยความโกรธ เยียนจือที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าถี่ ๆ สะอื้นพลางพูด “เป็นฝีมือของคุณหนูรองและคุณหนูสามแน่ เหตุใดจิตใจพวกนางถึงเลวร้ายนัก? คุณหนูคือพี่สาวแท้ ๆ ของพวกนางนะ”
ขณะที่ทั้งสองก่นด่าสาปแช่งอยู่นั้น พวกนางก็เริ่มรู้สึกเศร้าและเริ่มร้องไห้
หลานสุ่ยชิงทำอะไรไม่ถูก “เอาล่ะ เนี่ยนเนี่ยนบอกว่างูตัวนี้ไม่มีพิษไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนว่าพวกนางไม่ได้ต้องการทำร้ายข้าจริง ๆ พวกนางแค่ต้องการทำให้ข้ากับเนี่ยนเนี่ยนตกใจกลัวมากกว่า”
เยียนจือโพล่งออกมา “ทำให้ตกใจก็ไม่ควรเจ้าค่ะ หากคุณหนูและแม่นางเนี่ยนเนี่ยนตกใจจนหัวใจวาย จะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“…” หลานสุ่ยชิงไม่รู้จะพูดอย่างไร คนตกใจกลัวคือพวกนางต่างหาก
นางหันไปมองเนี่ยนเนี่ยนที่ตอนแรกสงบ แต่ตอนนี้เริ่มเคลื่อนไหว แล้วก็เห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนเปิดถุงผ้าที่นางนำมาด้วยออกแล้วม้วนงูเป็นขด ก่อนจะยัดมันลงไป จากนั้นปิดปากถุง แล้วกลับมานั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลานสุ่ยชิงและคนอื่น ๆ ตกตะลึง นางจับงูมือเปล่าแบบเมื่อครู่นี้ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้นางยังเอางูใส่ถุงเก็บไว้ข้างตัวอีกหรือ?
เยียนจือมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ก่อนกลืนน้ำลายแล้วถามว่า “แม่นางเนี่ยนเนี่ยน ท่าน ท่านเก็บงูไว้กับตัวเพื่ออะไรเจ้าคะ? รีบโยนมันออกไปเร็ว ข้า ข้าจะออกไปบอกท่านลุงเฝิงให้มาฆ่างูให้”
“อ๊ะ? ไม่ต้องหรอก ข้าจะเอากลับไปให้แม่ครัวทำน้ำแกงงูให้” ไม่ได้กินมาตั้งนาน คิดถึงรสชาติจริง ๆ
“…” หลานสุ่ยชิง แม่นมปู้ และเยียนจือตกตะลึง พวกนางต้องรู้สึกอย่างไรที่หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวปล่อยงูมา แต่คนที่ได้ประโยชน์กลับกลายเป็นเนี่ยนเนี่ยน?
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจับงูเก่งมาก ข้าไม่ปล่อยให้มันหนีไปหรอก”
“…” ประเด็นมันใช่เรื่องนี้ที่ไหนเล่าแม่นางเนี่ยนเนี่ยน
“คือว่า…” เนี่ยนเนี่ยนมองอาหารในสำรับด้วยความลำบากใจ แล้วถอนหายใจ “ข้ากินของพวกนี้ไม่ลงแล้ว”
หลานสุ่ยชิงมองสำรับอาหาร ก่อนขมวดคิ้วแล้วยกยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก มีครัวเล็ก ๆ อยู่ในเรือนของเรา ข้าทำอาหารได้ไม่กี่อย่าง แต่รสชาติก็นับว่าใช้ได้ ถ้าเนี่ยนเนี่ยนไม่ว่าอะไร จะลองดูหรือไม่? กินข้าวเสร็จแล้วเราไปดูละครกันดีหรือไม่?”
“ย่อมได้” เนี่ยนเนี่ยนเลิกคิ้ว พี่ชายของนางเป็นนักชิม คงจะดีมากถ้าพี่สะใภ้ทำอาหารเป็น
หลานสุ่ยชิงยกยิ้มแล้วลุกขึ้น ปิดฝาสำรับอาหารและส่งให้เยียนจือ “เจ้าเอานี่ออกไปทิ้งเถิด”
“เจ้าค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แกล้งถูกคนเหลือเกิน เนี่ยนเนี่ยนนี่เจ้าแม่อสรพิษเลยนะ
ไหหม่า(海馬)